Home รีวิวและทดสอบ Honda PCX Hybrid แรงจริงไม่ได้โม้

Honda PCX Hybrid แรงจริงไม่ได้โม้

0

วันนี้เรามาทดลองขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ Hybrid รุ่นแรกของโลกกันครับ รถคันนี้ถูกเปิดตัวที่งาน Tokyo Motor Show ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว เราก็รอโอกาสจนกระทั่งวันนี้ที่เราได้มีโอกาสทดสอบเจ้า Honda PCX Hybrid เป็นระยะทางไกลกว่า 200 กิโลเมตร โดยเราจะเริ่มจาก ศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า สุขาภิบาล 3 ไปจนถึง พัทยา หาดจอมเทียน โดยครั้งนี้มีสื่อมวลชนร่วมทดสอบกันเกือบครึ่งร้อย เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ ว่าเจ้า PCX คันนี้ มีอะไรยังไงกันบ้าง

ภายนอก

รูปลักษณ์ ขาว กลม เฮ้ย ไม่ใช่แล้ว
ไฟหน้า LED แบบแจ่มๆ
ไฟท้าย LED

รูปลักษณ์ รูปทรง Honda PCX Hybrid ก็จะเหมือน PCX ทั่วๆ ไปแต่จะมีเพลทสัญลักษณ์ที่บ่งบอกความหรูหรามีสไตล์ เป็นสัญลักษณ์ HYBRID เด่นชัด เรือนไมล์เป็นแบบฟูลดิจิตอลทั้งหมด บอกโหมดการขับขี่ วัดความเร็ว ความร้อน แบตเตอรี่ ไฟสถานะเครื่องยนต์ ไฟเลี้ยว มีการบอกสถานะการจ่ายไฟจากแบตเตอรรี่ลิเทียมไอออน และสถานะการชาร์ตไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ลิเทียม และก็มีโหมดบอกอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน บอกเลยให้มาแน่นจริงๆ พร้อมกับระบบไฟ LED รอบคันที่ใช้ส่องสว่างแบบเหลือๆ ตอนกลางคืน

 

ขับขี่

ขุมพลังขนาด 150 ซีซี

มาต่อกันที่การตอบสนองและการทำงานของเครื่องยนต์ที่เป็นหัวใจหลักของ PCX Hybrid ที่เสริมกำลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Parallel หรือเราจะเรียกว่า Hybrid แบบคู่ขนาน โดยการใช้เครื่องยนต์เป็นหลัก และใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวช่วยเสริมแรง โดยจะช่วยทั้งในช่วงออกตัวและในตอนเร่งแซง ซึ่งมอเตอร์ไฟฟ้าจะถูกสั่งงานด้วยกล่องอัจฉริยะ PDU (Power Delivery Unit) ที่จะคำนวนการเปิดของลิ้นปีกผีเสื้อ เพื่อที่จะให้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 48 โวลต์ที่วางอยู่ใน U Box คนซ้อนด้านหลังจ่ายไฟให้มอเตอร์ไฟฟ้าที่จะช่วยเสริมแรงตั้งแต่ออกตัวจนไปถึงที่ความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม.ทำให้ฟีลลิ่งการขับขี่เหมือนรถที่ถูกดัดแปลงระบบส่งกำลังมาระดับนึงเลย รถนั้นออกตัวได้ไวขึ้น เร่งแซงได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องลุ้นมาก ขี่สนุกมาก และเมื่อใช้แบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออนมีประจุลดน้อยลง เจ้าตัวกล่อง PUD จะทำการสั่งให้รีชาร์จไฟเข้าไปในแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออนขณะขับขี่โดยอัตโนมัติ (เต็มแล้วก็ตัดโดยอัตโนมัติเช่นกัน) ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำสมัยไปอีกขั้น

ขี่กันเป็นขบวนกับสื่อท่านอื่นๆ

ตัวรถยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดได้ โดยสามารถปรับได้ถึง 3 โหมด D S และ Blank สามารถมองเห็นสถานะได้จากเรือนไมล์ ส่วนตัวตอนนี้ผมขับ แต่ S เพราะว่าแรงดี 555 แต่ก็จะบอกให้ว่า D ก็จะเป็นโหมดที่ขับขี่ในเมืองสบายๆ ประหยัดน้ำมัน อันที่จริงมันก็ประหยัดอยู่แล้ว แต่ที่ให้มาก็เพราะว่าประหยัดกว่าโหมด S เอาง่ายๆ ก็คือ โหมด D ก็คือค่าของโรงงาน ตั้งมายังไงก็อย่างงั้น มาต่อกันที่โหมด S ตามชื่อเลยครับ Sport ทำให้เครื่องยนต์ตอบสนองรวดเร็วมากขึ้น ทำให้รถมีกำลังเพิ่มขึ้น โดยทางโรงงานเคลมมาว่า Moto Assist ที่ให้มา สามารถเพิ่มแรงม้าได้ถึง 1.9 แรงม้า แรงขึ้นจริงๆ ครับ บิดสนุก แซงง่าย โหมดสุดท้าย Blank Mode จะเป็นโหมดที่เหมือนกับโหมด D เพียงแต่ไม่สามารถใช้ Idling stop ได้ ส่วนมากก็คงจะไม่ได้ใช้โหมดนี้กันอยู่แล้วละครับ อีกหนึ่งลูกเล่นก็คือ Idling stop นี่ละครับ มีการพัฒนาให้ดีขึ้น รอบนี้ทำงานไวมาก เพียงแค่ปิดคันเร่งขณะที่ความเร็วไม่เกิน 10 กม./ชม.มันก็ทำงานทันที เรียกว่าขายังไม่ถึงพื้นรถก็ดับเครื่องแล้ว เป็นอีก 1 ตัวแปรที่ทำให้รถ PCX Hybrid คันนี้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น

อีกซักภาพกับขบวน Honda PCX Hybrid

“Honda PCX Hybrid นั้นทั้งแรงขึ้นและประหยัดน้ำมันมากขึ้นจริงๆ”

เส้นทางการขับขี่ในครั้งนี้รวมๆ แล้วประมาณ 200 กว่ากิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ผมทำได้คือ 49.9 กิโลเมตร/ลิตร ถ้าเติมน้ำมันเต็มถังก็วิ่งได้ราว 350 กิโลเมตร ถือว่าดีมากเลยทีเดียวได้กับการได้พลัง Hybrid มาช่วยอีกแรง เสริมเติมจากตัว PCX รุ่นธรรมดามามากมาย ซึ่งผมบอกก่อนเลยว่า ไม่เสียรูปทรงจากเดิมเลย ไม่มีได้ใหญ่เทอะทะมากกว่าโมเดลเดิม มีแต่แรงม้าที่เพิ่มขึ้น ตัวรถนั้นขี่ได้สมดุลมากๆ ส่วนตัวชอบฟีลลิ่งนี้มากๆ ครับ แล้วก็เหมือนรู้สึกว่าทางวิศวกร Honda ได้ออกแบบการกระจายน้ำหนักของแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออนมาเป็นอย่างดี ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกมั่นใจมากขึ้น ไม่ต้องมากังวลเรื่องน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของแบตเตอรี่ลิเที่ยม แต่อาจจะเก็บสัมภาระได้ไม่เท่าแต่ก่อนเพราะมีแบตเตอรี่ลิเทียมมาอยู่ใน U box ด้วย แต่มันก็สามารถเก็บหมวกครึ่งใบได้อยู่นะครับ

ด้านข้างหล่อเหลาน่าดู
เก็บภาพหมู่หน่อย

สรุป
ส่วนตัวที่ทดสอบ Honda PCX Hybrid มาก็อยากจะบอกให้เข้าใจง่ายๆ เลยว่าเครื่องยนต์หลัก 150 ซีซี เสริมแรงด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออนขนาด 48 โวลต์ ทำให้แรงม้าเพิ่มขึ้น 1.9 แรงม้า ออกตัว เร่งแซงได้ง่ายขึ้น มาพร้อมกับโหมดขับขี่สนุกๆ โดยเฉพาะ โหมด S มาพร้อมกับราคา 99,900 บาท ถือว่าคุ้มค่ามากๆ ครับ

ขอขอบคุณ AP Honda

ติดตามข่าวสารต่างๆ จาก Honda คลิกที่นี่

คลิกอ่านรีวิวทดสอบรถรุ่นอื่นๆ ได้ที่นี่

NO COMMENTS

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

Exit mobile version