Words: Benz Racing Edit: Thammarat Saelee Pics: Nicky
อย่างที่เกริ่นนำเอาไว้เลยครับว่าสปอร์ตไบค์ Yamaha YZF-R6 นั้นเป็นโมเดลซูเปอร์สปอร์ตตัวใหม่ของทางค่ายส้อมเสียงค่ายนี้มาตั้งแต่ปี 2017 แล้ว โดยนับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 8 แล้ว โดยโมเดลดั้งเดิมนั้นเปิดตัวขึ้นมาตั้งแต่ปี 1999 เลยทีเดียว อ๊ะ เกือบจะครบ 20 ปีแล้ว เรียกว่าสืบทอดตำนานซูเปอร์สปอร์ตมาอย่างยาวนานเลย ยิ่ง YZF-R6 เจเนอเรชั่นที่ 7 หรือโมเดลก่อนหน้าที่เปิดตัวตอนปี 2010 และอยู่มาอย่างยาวนานถึง 7 ปีก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลง แน่นอนว่าการอยู่มานานโดยไม่มีการอัพเกรดขนานใหญ่แบบ All New สื่อให้เห็นได้ 2 ประเด็นด้วยกัน ประเด็นแรกคือ ค่ายรถทอดถิ้งรถในคลาสนี้ไปหรือไม่ใส่ใจ หรืออาจจะมีเหตุผลอื่นๆ เช่นความนิยม ประเด็นที่ 2 คือไม่มีคู่แข่งในคลาสเดียวกัน หรือค่ายอื่นๆ ไม่อาจจะเอาชนะได้ แน่นอนว่าหากคุณเป็นแฟน SuperBike Magazine มาอย่างยาวนาน คุณจะรู้ว่า Yamaha YZF-R6 โมเดลก่อนหน้านี้เป็นตำนานตัวจริง แม้จะปีเก่าแต่ก็สามารถเอาชนะการทดสอบรถในคลาสซูเปอร์สปอร์ตเมื่อทดสอบเปรียบเทียบกับค่ายอื่นๆ ได้มาอย่างต่อเนื่อง เล่นเอาแฟนๆ บางคนก็ท้อที่รถดีไร้คู่แข่ง จนเหมือน Yamaha เมินไม่อัพเกรดอะไรใหม่ จนกระทั่งมาถึงปี 2017 Yamaha ก็ทำเซอร์ไพรส์ เปิดตัวโมเดลใหม่หมดจด เล่นเอาสาวกที่รอคอยกันมานานได้เฮ
Beautiful
สำหรับ Yamaha YZF-R6 คันนี้แล้วเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกนี่มีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างจากโมเดลเก่าชัดเจน การออกแบบภายนอกนั้นจะมีตัวบอดี้ของรถที่คล้ายคลึงกับ Yamaha YZR-M1 หรือรถแข่ง MotoGP ของทางค่าย นอกจากนี้จุดเด่นหลักๆ ที่มีผลต่อสมรรถนะก็แอบซ่อนอยู่ภายใต้แฟริ่งที่ดูโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตนี้ด้วย มีการเคลมมาว่ามีการออกแบบเส้นสายตัวรถโดยคำนึงถึงเรื่องแอโรไดนามิกส์หรืออากาศพลศาสตร์ เรียกง่ายๆ ว่าการไหลของอากาศก็ได้ครับ โดยโมเดลใหม่นี้เคลมมาว่าจะลดแรงฉุดให้น้อยลงกว่าโมเดลเดิมถึง 8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนั้นหมายถึงว่ารถจะแหวกลมได้ดีขึ้น รับภาระจากกระแสลมน้อยลง แน่นอนว่ามีผลในเรื่องของความเร็วที่ทำได้ ยิ่งหากนำมาใช้ขับขี่ในสนามหรือทางตรงยาว เราสามารถหมอบหลบลมหลังชิลด์เพื่อทำความเร็วได้มากขึ้นกว่าโมเดลเก่าแบบสัมผัสได้
ด้านหน้ารถโดดเด่ยนด้วยระบบไฟส่องสว่างรวมถึงไฟเลี้ยวถูกเปลี่ยนเป็น LED ทั้งหมดมีความสวยงามทันสมัยและให้ความสว่างคมชัด โดยในส่วนของไฟเลี้ยวหน้านั้นออกแบบให้เป็นแบบฝังอยู่ในกระจกมองหลัง ช่วยให้ดูโฉบเฉี่ยว ไม่มีไฟเลี้ยวที่แฟริ่งด้านข้างให้เกะกะ ไฟท้ายก็มีขนาดเล็กกะทัดรัดสอดคล้องกับท้ายรถที่มีขนาดเล็กตามสไตล์สปอร์ต หน้าจอเรือนไมล์เป็นแบบผสมอนาล็อกและดิจิตอล แสดงผลข้อมูลจำเป็นต่างๆ ครบถ้วน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงชิฟต์ไลท์หรือไฟเตือนเปลี่ยนเกียร์ที่สามารถตั้งค่าเองได้ อัตราสิ้นเปลือง ระยะทริปแบบดูอัล แสดงผลการทำงานของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ต่างๆ รวมไปถึงแทร็คชั่นคอนโทรลและไดร์ฟโหมดหรือโหมดการขับขี่
Mighty
มาต่อกันที่เครื่องยนต์ของเจ้า R6 คันนี้กันบ้าง โดยหลักๆ แล้วเครื่องยนต์นั้นไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง เครื่องยนต์ยังคงเป็นเครื่องยนต์ขนาดกะทัดรัดขนาด 599 ซีซี 4 สูบเรียง ที่โดดเด่นด้วยวาล์วไทเทเนียม ลูกสูบฟอร์จน้ำหนักเบาทนทาน และกระบอกสูบเคลือบสารประกอบเซรามิก ทั้งหมดนี้ช่วยให้รอบเครื่องยนต์สูง อัตราเร่งจัดจ้านและช่วยให้เครื่องยนต์ยังมีน้ำหนักเบามากขึ้น ปิดท้ายด้วยฝาเครื่องแม็กนีเซียมช่วยไล่เบาอีกจุด แม้ว่าเครื่องยนต์จะไม่ได้มีกำลังแรงม้ามากขึ้น แต่ที่มีก็ยืนเป็นหัวแถวสำหรับคลาสนี้แล้ว แต่กำลังแรงบิดนั้นเพิ่มขึ้นและมาในรอบที่ต่ำลง ช่วยให้มีอัตราเร่งที่ดีมากกว่าเดิม สลิปเปอร์คลัทช์นั้นก็มีมาเช่นเคย ช่วยให้คุณเชนจ์เกียร์ลงเร็วๆ ได้อย่างปลอดภัย ไม่เกิดอาการที่ล้อหลัง ช่วยให้ขี่ได้ดีทั้งในและนอกสนามครับ
โดยส่วนตัวผมเองนั้นเคยใช้ Yamaha YZF-R6โมเดลก่อนหน้ามาก่อนทั้งขี่ถนนทั้งขี่แข่งในสนามผมก็รู้สึกว่าเครื่องยนต์นั้นจัดจ้านมากๆมีอัตราเร่งที่ดีกว่าเดิมรอบเครื่องยนต์สูงคันเร่งนี่บิดติดมือมากๆเรียกได้ว่าบิดเป็นมาเรียกได้ว่าขี่สนุกตอบโจทย์ไบค์เกอร์สายสปอร์ตหรือเรซซิ่งได้ดีทีเดียว
Upgrade
สิ่งที่อัพเกรดขนานใหญ่ของ R6 โมเดลนี้ก็เห็นจะเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่จัดเต็มมาต่างจากโมเดลเก่าเยอะมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นระบบคันเร่งไฟฟ้าทำให้มีไรดิ้งโหมดตามมาด้วยคือ A (แรงม้าสูงสุด ตอบสนองคันเร่งได้รวดเร็ว) B (ลดทอนแรงม้า) และ Standard (สำหรับใช้งานทั่วไป) แทร็คชั่นคอนโทรลที่มีให้ปรับละเอียดถึง 6 ระดับซึ่งก็จะมาช่วยในการขับขี่ให้ปลอดภัยมากขึ้นด้วยการตัดทอนกำลังของเครื่องยนต์ มีระบบเบรค ABS ซึ่งกว่าจะมามีได้ก็เล่นเอาสาวกเหงือกแห้งกันไป ตัวรถยังมีชิฟต์ไลท์ที่แสดงไฟช่วยเตือนให้เปลี่ยนเกียร์ในรอบที่เหมาะสม ซึ่งสามารถปรับแต่งการแจ้งเตือนได้ด้วย นอกจากในเรื่องของระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มเข้ามาเพื่อช่วยเหลือผู้ขับขี่แล้ว เจ้า R6 ยังล้ำกว่าซูเปอร์สปอร์ตจากค่ายอื่นๆ ด้วยการจัดเต็มระบบกันสะเทือนที่ยกมาจากพี่ใหญ่ของค่ายอย่าง Yamaha YZF-R1 อีกด้วย เป็นโช้คหัวกลับ Kayaba ขนาด 43 มม. ระยะยุบ 120 มม. ปรับสปริงพรีโหลด คอมเพรสชั่นและรีบาวด์แดมปิ้งได้ ส่วนด้านหลังก็เป็นสวิงอาร์มและโช้คเดี่ยว Kayaba พร้อมแท็งค์พิกกี้แบ็กปรับ ปรับสปริงพรีโหลด คอมเพรสชั่นและรีบาวด์แดมปิ้งได้แบบอิสระ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เพราะโช้คที่ดีก็จะให้การตอบสนองและการยึดเกาะที่ดี และการปรับตั้งค่าต่างๆ ได้ก็จะทำให้ผู้ใช้สามารถปรับการใช้งานให้เหมาะกับตัวเองได้ หรือจะปรับมาเพื่อใช้ขี่ในสนามในวันว่าง หรือขี่เดินทางในชีวิตประจำวันก็ได้ ช่วยให้ใช้งานได้หลากหลาย แต่ก็ต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการปรับเซ็ตด้วยนะครับ
ข้อสังเกตคือถึงแม้รถจะมีระบบอิเล็กทรอนิกส์มากมาย แต่น้ำหนักรถกลับเพิ่มขึ้นจากเดิมเพียง 1 กก.เท่านั้นซึ่งชัดเจนว่ามีการไล่เบาในชิ้นส่วนอื่นๆเช่นซับเฟรมท้ายแม็กนีเซียมแข็งแรงน้ำหนักเบาถังน้ำมันอลูมิเนียมทั้งใบ
Enjoy
ด้วยความที่เจ้า Yamaha YZF-R6 นั้นเป็นรถสปอร์ตไบค์ในคลาสซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ดังนั้นตำแหน่งท่านั่งก็จะเป็นในแบบสปอร์ตจ๋าๆ และมากขึ้นด้วยในโมเดล ตัวเบาะนั่งมีเนื้อที่ให้หมอบทำความเร็วในทางตรงเวลาขี่ในสนามได้ จากการทดลองขับขี่ก็พบว่าเจ้า YZF-R6 ที่ดุดันคันนี้ขี่ได้ง่ายขึ้นกว่าโมเดลเก่ามาก ไม่ว่าจะขับขี่ในสนาม เข้าโค้ง ซิ่งทางตรง หรือจะขับขี่ในเมืองก็สามารถซอกแซกได้สบายๆ การขับขี่ที่ง่ายขึ้นนี้เนื่องมาจากระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ต่างๆ ทั้งโหมดการขับขี่ ทั้งแทร็คชั่นคอนโทรล ตลอดไปจนถึงระบบเบรค ABS ที่ทำงานได้พอดิบพอดี ไม่เร็วไม่ช้าจนเกินไป สามารถขี่กดเวลาในสนามได้ดีระดับนึงทีเดียว ระบบเหล่านี้ในยุคนี้แทบจะเป็นของพื้นฐานสำหรับรถในคลาสนี้ไปแล้วครับ ค่ายไหนไม่มีต้องพิจารณากันดีๆ ครับ ช่วงล่างตอบสนองได้ดี ให้ฟีลลิ่งที่ชัดเจน ควบคุมรถได้ง่ายแม่นยำยิ่งขึ้น ระบบเบรคก็ทำงานได้ดี แรงจิกมาก เบรคได้ดีครับ
Final
ครับสรุปแล้วว่าเจ้า Yamaha YZF-R6 ยังคงสืบทอดความเป็นตำนานมาได้อย่างดี พร้อมเข้าสู่ยุคใหม่แห่งเทคโนโลยีด้วยอัพเกรดด้านเทคโนโลยีตามสมัยปัจจุบัน โดดเด่นทั้งในด้านความสวยงาม เทคโนโลยีที่ซ่อนอยู่ภายในให้คุณได้ลองสัมผัสจากการขับขี่ แม้ว่าเครื่องยนต์จะไม่ได้มีกำลังเพิ่มมากขึ้นแบบเห็นได้ชัด แต่ด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ การใช้ชิ้นส่วนพิเศษที่แข็งแรงแต่น้ำหนักเบา ช่วยให้เจ้า YZF-R6 นั้นขี่ได้เร็วขึ้นโดยที่ไม่ต้องยุ่งกับส่วนของเครื่องยนต์มากนัก เรียกได้ว่ายังคงเอกลักษณ์ที่ดุดันมาได้ แต่หากใครที่เป็นมือใหม่ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะดิบดุดันเกินไป ตัวรถมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้คุณเริ่มปรับตัวเข้ากับมันได้ง่ายขึ้น มือเก๋าเองก็สามารถซิ่งได้ทันที ไม่ต้องปรับตัวมากนัก ไบค์เกอร์สายสปอร์ตที่เป็นมือใหม่มาเริ่มกับพิกัดนี้ก็กำลังดีครับ ไม่แรงมากหรือน้อยจนเกินไป กลางๆ หากใจคุณรักสายสปอร์ตแม้ไม่ได้ขี่สนาม เจ้า R6คันนี้ก็สามารถขับขี่ใช้งานเดินทางได้เช่นกันแต่อาจจะมีเมื่อยกันบ้างนะครับหากทางไกลๆ
หากพิจารณาสนนราคาค่าตัวนั้นอาจจะดูสูงไปสักนิด แต่หากคำนึงถือระบบต่างๆ ที่ให้มา ผมบอกเลยว่าคุ้มครับ ถือเป็นเป็นการเปิดตำนานบทใหม่ของ R6 ได้ดีเลย ลืมภาพรถแรงแต่ไม่ล้ำได้เลย เพราะคันนี้จัดมาให้สมใจแน่นอนครับ