Home รีวิวและทดสอบ รีวิว CB650R E-Clutch ขี่ง่าย สบายบรื๋อ

รีวิว CB650R E-Clutch ขี่ง่าย สบายบรื๋อ

0

รีวิว CB650R E-Clutch ขี่ง่าย สบายบรื๋อ

อีกหนึ่งโมเดลกับสายเน็กเก็ดไบค์ไซส์กลางจากค่ายปีกนกที่ค่อนข้างถูกใจแอดมินเป็นพิเศษ และครั้งนี้ก็ได้มีโอกาสร่วมทดสอบ รีวิว CB650R E-Clutch ในงาน Honda E-Clutch The World’s First Ride ครั้งแรกในโลก ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

หล่อเหล่า เหมือนรุ่นพี่ CB1000R

ไฟหน้าทรงกลม แบบเดียวกันกับ CB1000R

โดยความน่าสนใจของโมเดลรุ่นนี้ที่อยากจะควักเงินเปย์ให้ในทุก ๆ เดือนเพราะอะไรหน่ะ..รู้ไหม ก็เพราะว่ารูปลักษณ์ดีไซน์ที่มีการปรับปรุงมาใหม่ที่ดูหล่อขึ้น ทั้งไฟหน้าทรงกลมที่มีไฟข้างในสองชั้น บวกกับไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลค์ตวัดเป็นวงกลมดูลงตัว และไฟท้ายแน่นอนว่าเป็น LED เต็มระบบแล้ว 

นอกจากนี้ตัวเบาะที่มีการปรับรูปทรงมาใหม่ ช่องจ่ายไฟใต้เบาะ USB Type-C และมิติตัวรถทั้งตัวเฟรม ตัวบอดี้ สวิงอาร์ม ดูที่บึกบึนเหมือนโมเดลนายแบบส่งเข้าประกวดอะไรซะอย่างนั้น นอกจากนี้สิ่งที่ปรับมาใหม่ที่สำคัญก็คือหน้าจอสี TFT ขนาด 5 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลสมาร์ทโฟนผ่านแอปฟลิเคชัน Honda RoadSync ที่สามารถฟังเพลง รับโทรศัพท์ ข้อความ ระบบนำทางและระบบสั่งการด้วยเสียง เรียกว่าครบครันสุด ๆ  

รวมทั้ง ยังแสดงผลฟังก์ชันต่าง ๆ และปรับรูปแบบการแสดงผลได้ถึง 3 รูปแบบอีกด้วย และแน่นอนว่าตัวหน้าจอยังสามารถตัดแสง สามารถอ่านค่าได้ง่ายแม้เวลาขับขี่ในช่วงเวลากลางวันได้อีกด้วย 

พละกำลังสี่สูบเรียงพิกัด 650 ซีซี 

เครื่องยนต์สี่สูบเรียง 16 วาล์ว ขนาด 649 ซีซี

สำหรับพละกำลังยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม กับเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ขนาด 649 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีกำลังแรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 94 แรงม้าที่ 12,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 63 นิวตันเมตรที่ 9,500 รอบต่อนาที ใช้ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด PGM-Fi ระบบเกียร์ 6 สปีดที่ส่งกำลังผ่านโซ่ไปยังล้อหลังติดตั้งมาพร้อมกับแอสซิสต์แอนด์สลิปเปอร์คลัตช์  และความจุถังน้ำมันขนาด 15.4 ลิตร 

มีระบบ E-Clutch พร้อมใช้งาน

และแน่นอนว่านอกจากโมเดลสายสปอร์ตอย่างเจ้า CBR650R ทางค่ายยังติดตั้งระบบอี-คลัตช์มาในรุ่นเน็กเก็ดไบค์ให้ใช้งานอีกด้วย ซึ่งส่วนประกอบของเจ้าอี-คลัตช์จะประกอบไปด้วย ควิกชิฟเตอร์และชุดคลัตช์ที่อยู่ทางด้านฝั่งขวาเครื่องยนต์ โดยภายในชุดคลัตช์จะมีมอเตอร์ 2 ตัว และเฟืองเกียร์จำนวน 4 เฟือง ที่จะทำงานร่วมกับระบบคลัตช์ของเครื่องยนต์นั่นเอง 

นอกจากนี้เจ้าระบบอี-คลัตช์ยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ทันทีโดยไม่ต้องกำคลัตช์ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับไบค์เกอร์มือใหม่ที่อยากขับขี่บิ๊กไบค์อีกด้วย 

ช่วงล่างปรับแต่งได้

โช้คหัวกลับ SFF-BP ดับเบิ้ลดิสก์ พร้อมคาลิเปอร์ Nissin 4 ลูกสูบ

ต่อด้วยระบบช่วงล่าง ซึ่งเริ่มกันที่ระบบกันสะเทือนด้วยโช้คหน้าแบบหัวกลับขนาดแกน 41 มม. รุ่น Showa SFF-BP ส่วนด้านหลังจะใช้โช้คเดี่ยวแบบโปรลิงค์ สามารถปรับแต่งค่าพรีโหลดได้ถึง 10 ระดับ พร้อมระบบเบรกกับดิสก์เบรกคู่ด้านหน้าขนาด 310 มม. ติดคาลิเปอร์เรเดียลเม้าท์ 4 ลูกสูบ ส่วนเบรกหลังเป็นดิสก์เดี่ยวขนาด 240 มม.พ่วงคาลิเปอร์เบรกลูกสูบเดียว ใส่ล้อและยางมาให้ขนาด 120/70-17 และ 180/55-17 ตามลำดับ โดยน้ำหนักรวมของตัวรถอยู่ที่ 205 กก.

มีเทคโนโลยีพร้อม สะดวกต่อการใช้งาน

หน้าจอสี TFT 5 นิ้ว แสดงผลฟังก์ชันครบครัน และสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้ถึง 3 แบบ

ในส่วนระบบเทคโนโลยีที่โดดเด่นอย่างแรกเลยก็คือหน้าจอสี TFT ขนาด 5 นิ้ว ที่แสดงผลฟังก์ชันครบครัน ที่มาพร้อม Honda RoadSync เชื่อมต่อข้อมูลตัวรถผ่านสมาร์ทโฟน ช่องชาร์จ USB Type C ระบบไฟส่องสว่าง LED รอบคัน 

รวมทั้งเทคโนโลยีที่รองรับการขับขี่ทั้งระบบ Honda Selectable Torque Control หรือแทร็กชันคอนโทรล แอสซิสต์สลิปเปอร์คลัตช์ ระบบไฟกระฉุกเฉินเมื่อเบรกกระทันหัน (ESS) ระบบเบรก ABS Dual Channel ช่วยลดระยะการเบรกให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และควิกชิฟเตอร์ที่ทำงานร่วมกับระบบอี-คลัตช์นั่นเอง 

ฟีลลิ่งการขับขี่ 

เท่ บึกบึน น่าขี่

ในตอนนี้ก็ถึงคราวของการทดสอบเจ้า CB650R E-Clutch เน็กเก็ดไบค์ไซส์กลางในรุ่นอี-คลัตช์ ซึ่งก่อนทำการทดสอบและเห็นโฉมครั้งแรก มันทำให้นึกถึงเจ้า CB1000R รุ่นก่อนโฉมล่าสุด ด้วยหน้าตาและคาแรคเตอร์ที่คล้ายคลึงกันจนคิดว่าเป็นฝาแฝดกันซะงั้น และอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องสารภาพกับผู้อ่านเลยนั่นก็คือเจ้า CB650R อี-คลัตช์รุ่นนี้ซึ่งนอกจากดีไซน์มาในแบบเน็กเก็ดไบค์อยู่แล้วอยากจะบอกตรง ๆ เลยว่ามันหล่อสำหรับแอดมินจริง ๆ 

ทรงดี ขี่ง่าย คล่องตัว

สำหรับเรื่องมิติตัวรถที่มีมาในส่วนของระบบอี-คลัตช์ ทำให้ตัวรถไม่ได้ดูใหญ่ไปจากเดิมเลย ส่วนตัวแล้วแอดมินไม่ได้รู้สึกว่ามันใหญ่ขึ้นไปกว่าเดิมสักเท่าไหร่ แต่ที่แอดมินชอบก็คือ การใช้สีทองแดงในส่วนฝาเสื้อสูบ ครอบเครื่องยนต์และครอบชุดคลัตช์ ที่ทำให้ตัวรถดูโดดเด่นและสวยงาม

ต่อมาในส่วนของท่านั่งขับขี่ ส่วนตัวแอดมีส่วนสูงอยู่ที่ 175 ซม. บอกเลยขาของแอดมินถึงพื้นเต็มสองเท้าแบบเข่าไม่ตึงและด้วยความที่เป็นรถนักเก็ดไบค์ ขี่ง่าย องศาท่านั่งขับขี่ออกแบบมาให้ไม่ต้องก้มหลังมากหรือนั่งตรงจนเกินไป และสามารถนั่งขับขี่เดินทางไกลเป็นระยะเวลานาน ๆ ได้แน่นอน  

ทางด้านตำแหน่งการวางเท้าที่ยังให้อารมณ์ของความสปอร์ต นั่งแล้วไม่งอเข่ามากจนเกินไป และตำแหน่งของการวางเท้าในเวลาขับขี่บนรถนาน ๆ ไม่มีอาการปวดเข่าอย่างแน่นอน รวมทั้งองศาของแฮนด์ที่เป็นแฮนด์บาร์ สามารถแฮนด์เดอร์ริ่งการเลี้ยวและคอนโทรลได้อย่างหายห่วง

สปอร์ต แรง แบบเน็กเก็ดไบค์

หลังจากการทดสอบเครื่องยนต์ไปแล้ว บอกเลยว่าเจ้าโมเดลรุ่นนี้ มีอัตราเร่งในช่วงต้น กลาง ทำออกมาได้อย่างดี เครื่องยนต์ตอบสนองคันเร่งดี บิดติดมือ และช่วงรอบปลายบอกเลยไหลๆ แต่อาจจะต้องสู้กับลมที่ปะทะตัวหน่อย เพราะกำลังรถมาแรงในรอบปลาย แน่นอนว่าเครื่องยนต์ขนาดสี่สูบเรียง ย่อมแรงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว อาจจะอาจจะทำให้เพื่อน ๆ ต้องสู้กับลมนิดนึงนะครับ และในส่วนของการเชนเกียร์ บอกเลยว่าสมูท นุ่มนวล ตัวรถไม่มีอาการกระตุกหรือกระชากจากเปลี่ยนเกียร์เลย

แนะนำการใช้โหมด อี-คลัตช์ 

สามารถปรับโหมดหน้าจอ TFT ได้ที่ปุ่มบังคับ 4 ทิศทาง

แต่ถ้าหากใครจะทำการเปิด-ปิด โหมดอี-คลัตช์ สามารถใช้ปุ่มควบคุม 4 ทิศทางจากประกับฝั่งซ้าย เข้าเมนู Setting และทำการเปิด-ปิดได้ทันที รวมทั้งยังสามารถปรับระดับของควิกชิฟเตอร์ Up-Down ได้ทั้งหมด 3 ระดับนั่นก็คือ Hard, Medium และ Soft (ควิกชิฟเตอร์จะทำงานร่วมกับระบบอี-คลัตช์เท่านั้น ไม่สามารถใช้กับโหมดคลัตช์ปกติได้) ซึ่งการจะเปิดโหมดอี-คลัตช์ จะต้องจอดรถอยู่กับที่ และต้องปรับเกียร์เป็นเกียร์ว่าง (N) เท่านั้น ถึงจะสามารถทำการเปิด-ปิดเจ้าระบบอีคลัตช์ได้ 

โหมดเซ็ตติ้งระบบ อี-คลัตช์

และในทุกครั้งที่ดับเครื่องยนต์ไม่ว่าจะออนโหมดอี-คลัตช์อยู่หรือปิดการใช้งานไปแล้ว อย่างไรก็ตามในเวลาเปิดเครื่องยนต์ทุกครั้งตัวรถจะออนโหมดอี-คลัตช์ให้อัตโนมัติทันที สามารถสังเกตจากไฟสีเขียวด้านขวาของตัวหน้าจอเลยครับ

เสริมเพิ่มเติมสำหรับขับขี่ ในขณะที่กำลังออนโหมด อี-คลัตช์ แล้วดันเผลอไปกำคลัตช์ขึ้นมาหล่ะก็ ระบบจะตัดไปใช้คลัตช์โหมดปกติทันที แต่จะมีระยะเวลาจำกัดให้ ก่อนระบบจะกลับเข้าสู่โหมด อี-คลัตช์ เหมือนเดิม โดยหากเราเผลอกำคลัตช์ขณะหยุดรถอยู่กับที่ ระบบจะตั้งค่าเวลาให้ 5 วินาที และถ้าหากกำคลัตช์ในขณะขับขี่ (40 กม./ชมขึ้นไป) ระบบจะตั้งเวลาให้ 2 วินาที ก่อนเข้าสู่โหมด อี-คลัตช์เหมือนเดิมนั่นเอง   

ช่วงล่างนุ่มนวล เพียงพอต่อการใช้งาน

ที่เข่าไม่เช็ดพื้น เพราะกลัวเซ็นเซอร์เข่าเป็นรอยแค่นั้นเอง

ด้วยระบบกันสะเทือนกับโช้คหัวกลับด้านหน้าและโช้คหลังเดี่ยวที่สามารถปรับค่าได้ถึง 10 ระดับ ซึ่งหลังจากที่ได้ทดสอบในการเข้าโค้งหนัก ๆ รถไม่มีอาการย้วย หรือมีอาการโยนเลย และฟีลลิ่งระบบเบรกในการเบรกหนักๆ ช่วงทำออกมาได้นิ่งและไม่ให้รถเกินอาการสั่นใด ๆ เลย ถือว่าทางโรงงานเซ็ตติ้งช่วงล่างมาได้อย่างดี 

โดยเจ้า CB650R รุ่นอี-คลัตช์ เปิดจำหน่ายด้วยกัน 3 สีกับ สีแดง, สีดำและสีเทา ในราคาเริ่มต้นที่ 332,100 บาท ซึ่งถือว่าสมเหตุสมผล เหมาะกับไบค์เกอร์มือใหม่ หรืออยากขับขี่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมกับเทคโนโลยีที่ได้มาเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน แถมยังเอาไปลงสนามแข่งได้อีกด้วย 

สำหรับใครที่กำลังมองหาเน็กเก็ดไบค์พิกัดกลาง ๆ มีกำลังเหลือ ๆ ในการขับขี่บนถนน ที่ให้ทั้งความสปอร์ต ความสนุก และที่สำคัญความหล่อที่ไม่เป็นรองใคร ถ้าได้ขับขี่นี่สาว ๆ ข้างทางต้องเหลียวชายตาอย่างแน่นอน สำหรับครั้งต่อไปจะเป็นการรีวิวโมเดลรุ่นไหนจากฮอนด้า ก็อย่าลืมฝากติดตาม กดไลท์ เป็นกำลังใจให้พวกเรา SuperBike Thailand กันด้วยนะครับ 

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

NO COMMENTS

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

Exit mobile version