พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร (รอง ผบก.จร.) เปิดเผยถึงแนวทางการแก้ไขปัญหารถบิ๊กไบค์ที่วิ่งบนถนนหลวง ว่า ตามนโยบายของ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ที่ต้องการจะแก้ไขปัญหารถบิ๊กไบค์ที่ออกมาวิ่งในถนนหลวงและฝ่าฝืนกฎจราจร ส่งผลให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน ซึ่งทาง บก.จร.ได้มีแนวคิดที่จะเสนอกรมการขนส่งทางบกให้จำกัดอายุผู้ที่จะขับรถบิ๊กไบค์ (bigbike) โดยทำใบขับขี่แยกจากรถจักรยานยนต์ธรรมดาที่มีขนาดเครื่องยนต์ 110 ซีซี รวมทั้งผู้ที่จะขับรถบิ๊กไบค์จะต้องมีอายุ 30 ปีขึ้นไป จึงสามารถขับขี่ได้ รวมทั้งในการทำใบขับขี่รถประเภทดังกล่าวนั้น ผู้ที่เข้าทำการทดสอบจะต้องทดสอบการขับในสนามสอบด้วยรถบิ๊กไบค์เพื่อแสดงให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าสามารถบังคับรถได้จริง ทั้งนี้สำหรับการทำใบขับขี่รถจักรยานยนต์ปัจจุบันไม่ได้มีการแยกประเภทของรถเพียงแต่ระบุว่าผู้ที่จะสอบใบขับขี่ประเภทรถจักรยานยนต์จะต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น ดังนั้น จึงส่งผลให้เยาวชนที่ฐานะทางบ้านดีนิยมขับรถบิ๊กไบค์มากยิ่งขึ้น ซึ่งทาง บก.จร.เห็นว่าเด็กที่มีอายุน้อยเกินไปจะขาดวุฒิภาวะในการขับขี่และไม่มีความสามารถพอในการบังคับรถที่มีขนาดใหญ่ (bigbike) บ่อยครั้งจึงส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น
พ.ต.อ.เอกรักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ บก.จร.อยู่ระหว่างการศึกษาและรวบรวมรายละเอียดความน่าจะเป็น พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสม ซึ่งการกำหนดอายุผู้ที่จะสามารถขับรถบิ๊กไบค์ที่ bigbikeอายุ 30 ปีนั้น เป็นเพียงแนวคิดเบื้องต้นเท่านั้น เพราะการแก้ไขกฎหมายนั้นจะต้องมีการหาข้อมูลหลายด้านเพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างทางกฎหมาย โดยเบื้องต้นจะต้องมีการกำหนดให้ชัดเจนก่อนว่ารถที่มีขนาดมากกว่า 500-600 ซีซี ขึ้นไป จะถือว่าเป็นรถขนาดใหญ่ผู้ขับขี่จะต้องแยกประเภทการสอบ อย่างไรก็ตาม เมื่อดำเนินการศึกษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว บก.จร.จะต้องเสนอเรื่องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อให้เสนอไปยังกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ให้พิจารณาในแนวคิดต่อไป.
ก็หวังว่าจะรับฟัง ความคิดเห็นจากประชาชน จริงๆนะครับ 🙄
ที่มา : http://www.matichon.co.th/