รีวิว Honda Forza 350 2020 แรงเอาเรื่อง!!
แล้วเราก็ได้มีโอกาสทดสอบสกู๊ตเตอร์ที่ร้อนแรงที่สุดในปี 2020 นี้กันสักทีกับ All New Honda Forza 350 ที่ทำสถิติยอดจองในงานมอเตอร์โชว์ไปแบบถล่มทลาย ช่วยให้ยอดจองรถมอเตอร์ไซค์ของ Honda นั้นขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 1 ในงานไปเลย และแน่นอนว่าเราก็รีบหาโอกาสไปทดสอบให้บรรดาแฟนเพจหรือสาวกสกู๊ตเตอร์ได้รับรู้กันว่ามันแรงจริงมั้ย มีอะไรเจ๋งบ้าง งานนี้บอกเลย เฉียบ!!
ซ่อนรูป
เจ้า Forza 350 มีรูปโฉมใหม่ แต่ถ้าคุณมองผ่านๆ หรือไม่ใช่สาวกคุณอาจจะมองไม่เห็นความแตกต่างก็เป็นได้ แต่จริงๆ แล้วเปลี่ยนไปหลายส่วนเลยทีเดียว ทางฮอนด้าได้ทำการออกแบบแฟริ่งด้านหน้าใหม่ให้สวยงามดูสปอร์ตมากขึ้น และมีการออกแบบให้ชิลด์หรือบังลมหน้ามีความสูงมากขึ้นจากเดิม 110 ม.ม. เป็น 150 ม.ม.
โดยวัสดุที่ทำชิลด์นั้นมีความยืดหยุ่น แต่ก็แข็งแรง แบบเดียวกับรุ่นพี่ใหญ่อย่าง Gold Wing พร้อมฟังก์ชั่นล้ำสมัยอย่างการปรับระดับด้วยไฟฟ้า ซึ่งในคลาสเดียวกันนี้ค่ายอื่นไม่มีนะครับ ซึ่งสะดวกในการใช้งาน สามารถปรับการใช้งานให้เข้ากับการขับขี่ในสถานการณ์ต่างๆ ได้ และช่วยป้องกันลมและวัตถุต่างๆ ที่จะกระเด็นหรือลอยมาโดนได้เป็นอย่างดีครับ
ถัดลงมาที่ระบบไฟส่องสว่าง บอกได้เลยว่าจัดเต็ม ระบบไฟส่องสว่างทั้งหมดเป็นแบบ LED โดยไฟด้านหน้ามีให้แสงสีขาวสว่างชัด กลางวันก็มีไฟเดย์ไลท์ (หรือเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์) ซึ่งนอกจากจะดูเท่และหรูแล้วยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ได้มากยิ่งขึ้น
นอกจากด้านหน้าแล้วแฟริ่งด้านข้างเองก็มีการออกแบบใหม่ให้สปอร์ตยิ่งขึ้น และยังออกแบบให้สอดคล้องกับหลักแอโรไดนามิกด้วยการเพิ่มแอร์ดักต์หรือช่องลมที่ช่วยให้อากาศปะทะด้านหน้ารถน้อยลง ช่วยให้รถนิ่งขึ้นขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง
ถัดเข้ามาด้านในมีเรือนไมล์ใหม่ ดีไซน์หรูหราและโมเดิร์น ผสมผสานเข้าด้วยกันระหว่างระบบอนาล็อกและระบบดิจิตอล แสดงสถานะต่างๆ ได้ตัวรถได้ครบถ้วน และสามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลข้อมูลต่างๆ ได้ผ่านสวิตช์ควบคุมที่ประกับแฮนด์บาร์ด้านซ้ายด้วยปุ่ม Info A และ Info B
ในส่วนของเบาะนั่งนั้นอาจจะไม่ได้เป็นของใหม่ แต่ที่จับคนซ้อนหรือบาร์ท้ายใหม่ช่วยให้นั่งสบายความกว่าเดิม เนื่องจากมีขนาดเล็กลง ช่วยให้คนซ้อนนั่งได้สบายและกระชับขึ้น แถมด้วยความสวยงาม แข็งแรงและน้ำหนักเบากว่าเดิมครึ่งต่อครึ่งจากการเลือกใช้เรซิ่นมาเป็นที่จับคนซ้อน
ขุมพลังใหม่ทรงพลังขึ้น
มาถึงจุดไฮไลท์สำคัญสำหรับโมเดลนี้ ซึ่งแน่นอนว่าก็คือเครื่องยนต์ เครื่องยนต์จะเป็นเครื่อง eSP+ ตัวใหม่ ที่พัฒนามาจากตัวก่อนหน้าหลายๆ ด้านด้วยกัน อาทิ
- ลูกสูบขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลาง 77 มิลลิเมตร และก้านสูบที่มีช่วงชักที่ยาวขึ้นกว่าเดิมเป็น 70 มิลลิเมตร ทำให้ซีซีเพิ่มมากขึ้นเป็น 329 ซีซี โดยลูกสูบใหม่นั้นเป็นลูกสูบแบบเคลือบโมลิบดีนั่ม ช่วยเพิ่มการลื่นไหลในกระบอกเสื้อสูบรวมไปถึงเสื้อสูบที่เป็นแบบ Spiny Sleeve ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบายความร้อน และลดการบิดตัวได้เป็นอย่างดี
- เพลาข้อเหวี่ยงใหม่เพื่อรองรับซีซีที่มากขึ้น พร้อมกับเพิ่มเพลาบาลานเซอร์เข้ามาให้ในเครื่องยนต์ตัวนี้สร้างความสมดุลให้กับข้อเหวี่ยงมากยิ่งขึ้น ซึ่งในส่วนนี้คือส่วนที่ใช้ในรถบิ๊กไบค์ฮอนด้า ทำให้เครื่องยนต์ eSP+ ตัวนี้มีความสมดุลในทุกรอบความเร็ว นิ่งขึ้น เสถียรมากขึ้น
- ย้ายหม้อน้ำมาอยู่ด้านหน้าตัวรถ ดักอากาศระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี ช่วยลดความร้อนสะสมในตัวเครื่องยนต์ตัวใหม่ ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น
- เพิ่มหัวฉีดน้ำมันเครื่องยนต์ใต้ลูกสูบ เป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่จะช่วยหล่อลื่นเครื่องยนต์บริเวณกระบอกสูบลดแรงเสียดทาน ทำให้กำลังเครื่องยนต์คงที ลื่นไหลได้ดีตลอดเวลา
- ตัวดันโซ่ไทม์มิ่งแบบไฮดรอลิกเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใส่เข้ามาทำงานในฟอร์ซ่าตัวใหม่นี้ จะทำงานโดยใช้แรงดันจากน้ำมันเครื่องมากดโซ่ราวลิ้นโดยแรงกดจะแปรผันตามรอบของเครื่องยนต์ ในตัวนี้จะช่วยในเรื่องของเสียงโซ่ราวลิ้น จะเงียบขึ้นกว่าเดิม และลดการสั่นสะเทือนเครื่องยนต์ตั้งแต่รอบต่ำไปจนถึงรอบสูง ถือเป็นของดีอีกหนึ่งอย่างที่ใส่เข้ามาในเครื่องยนต์ใหม่นี้
- ห้องกรองอากาศใหม่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เมื่อขนาดเครื่องยนต์ใหญ่ก็จำเป็นที่จะต้องการอากาศที่จะเข้าไปผสมกับน้ำมันและใช้ในห้องเผาใหม้ที่มากขึ้น วิศวะกรฮอนด้าจึงได้ออกแบบกรองอากาศใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 5.5 ลิตร ถ้าใครสังเกตดีๆ จะใหญ่กว่าเดิมพอสมควร ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
- ระบบส่งกำลังแบบสายพานที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด ทั้งชุดชามพูเลย์หน้าองศาใหม่ เพื่อที่จะรองกับกับสไตล์รถที่มีแรงขับที่ดุดันมากขึ้น ให้กำลังต้นได้ดีอย่างเห็นได้ชัด สายพานใหญ่ขึ้นทนทานต่อแรงขับและแรงดึงกระชากของเครื่องยนต์ และชุดคลัตซ์ที่ออกแบบก้อนคลัตซ์ใหม่จากเดิม 3 ก้อน เป็น 5 ก้อน จับสไลด์หลังได้อย่างเต็มทุกย่านรอบไม่มีฟรีทิ้ง ส่วนนี้คือส่วนสำคัญเลยก็ว่าได้ ของรถที่ใช้สายพานในการขับเคลื่อน เพราะเป็นส่วนดีที่ต้องพึงพากำลังจากเครื่องยนต์ส่งถึงล้อและพื้นถนน
ทั้งหมดนี้ทำให้เครื่องยนต์โดยมีความจุซีซีที่เพิ่มจากเดิม มีแรงม้า แรงบิดที่เพิ่มขึ้นจากเดิม รวมๆ แล้วเพิ่มขึ้น 17 % และจากการที่ได้ลองขับก็รู้สึกได้ว่าเครื่องยนต์ลื่นกว่าเดิมมาก พื้นฐานเครื่องยนต์โรงงาน 329 ซีซี ให้กำลังที่ดีในช่วงรอบต้น ยันปลายได้ดี เอาเป็นว่าเครื่องยนต์ตัวนี้สามารถที่จะทำความเร็วได้ถึง 160 กิโลเมตร/ ชั่วโมง แต่จะมีช่วงออกตัว 0-60 ที่ถือว่าทำได้ดีมาก อาจจะเป็นเพราะซีซีที่เพิ่มและองศาพูเลย์ขับหน้าที่เปลี่ยนมาใหม่ ทำให้รอบต้นออกตัวได้ดี เร่งเป็นมา ใช้เร่งแซงในช่วงความเร็วจาก 80-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงก็ทำได้ดีหายห่วงมั่นใจได้กับเครื่องตัวนี้
ในรอบต้นช่วง 0-200 เมตร ใช้เวลาแค่เพียง 10.4 วินาที ตอบสนองกลุ่ม สำหรับตัวนี้เรียกได้ว่าฟีลดี ได้อารมณ์ที่นิ่งขึ้นกว่าเดิมเพราะมีบาลานเซอร์เพิ่มขึ้นมาช่วยให้เครื่องยนต์ลดการสั่นสะเทือน ขี่ได้เนียนดีจริงๆ ติดมือ ติดใจแน่นอน วัยรุ่นที่ชอบความแรงได้อย่างแน่นอน
นั่งสบายขี่ก็ง่ายเรียกว่าหายห่วง
เรื่องท่านั่งก็เป็นอีกเรื่องที่เราจะพูดถึงกัน เพราะสกู๊ตเตอร์ที่ดีก็ควรจะนั่งได้อย่างสบาย และในการนั่งขับขี่ใช้งานในเมืองถือว่าเป็นรถสกู๊ตเกอร์ที่สบายอย่างแท้จริง ทั้งการวางเท้า การจับแฮนด์เลี้ยวคอนโทรลตัวรถ ก็ทำได้ดี ออกไปนอกเมือง ขี่ทางไกล ก็นั่งได้อย่างสบายๆ ไม่เมื่อยเลยละครับ ด้วยที่มีชิลด์บังลมหน้าที่สูงขึ้นทำให้ลมไม่ปะทะตัวผู้ขับจึงรับรู้ได้ถึงความสบายอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงการซอกแซกช่วงเวลารถติดๆ ก็ยังทำได้ดี เพราะกระจกมองข้างก็สามารถพับให้ลู่เข้ามาในตัวรถ แถมช่วงล่างก็เซ็ตมาได้ดี ซึ่งผมจะพูดในหัวข้อต่อไปครับ
ช่วงล่างดีเอาอยู่
ช่วงล่างของตัว 350 นี้ มีการปรับเปลี่ยนค่าเซตติ้งของโช้คหน้าใหม่ทั้งหมดให้มีรับแรงกระแทกได้ดีขึ้น ทำให้ได้ความรู้สึกในการขับที่ง่ายขึ้น ด้วยที่มีการบาลานซ์น้ำหนักภายในตัวรถใหม่พราะว่าหม้อน้ำที่ย้ายตำแหน่งมาด้านหน้า การคอนโทรลตัวรถจึงทำได้ดีกว่าตัวก่อนหน้านี้ และทำให้การเข้าโค้งความความเร็วสูงๆ ทำได้ดีมากยิ่งขึ้น
ส่วนของโช้คหลังยังคงเป็นแบบสตรัทปรับพรีโหลด (หรือค่าแข็ง-อ่อนของสปริง) ได้เหมือนตัวก่อนหน้านี้ สำหรับตัวผมเองที่ลองขี่จริงจังทั้งในเมืองและนอกเมืองถือว่าทำมาได้ดีกว่าตัวก่อนอย่างเห็นได้ชัดเจน มั่นใจมากขึ้น ในส่วนของตัวเบรกเป็นแบบดิสก์เบรกหน้า-หลังมั่นใจได้ และปลอดภัยด้วยระบบเบรก ABS แบบ 2 Chanel ทำงานได้อย่างละเอียด ในการกำเบรกจะให้ความรู้สึกที่ไม่ต้องออกแรงมาก นุ่มนวล อยู่หมัดขับขี่ได้อย่างสบาย นุ่มนวลตามสไตล์ฮอนด้า
จัดเต็มฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย
นอกเหนือจากจากระบบเบรก ABS แบบ 2 Chanel ของทาง Honda ที่จัดมาและผมพูดถึงไปในส่วนของช่วงล่างแล้ว ฮอนด้ายยังจัดเทคโนโลยีอื่นๆ มาให้อีกหลายอย่างด้วยกัน อาทิ
- ชิลด์หน้าปรับไฟฟ้าที่มีความสูงมากขึ้นกว่าเดิม ตัวเนื้อชิลด์จะให้ความแข็งแรงและยืดหยุ่นสูงขึ้นเพราะผลิตจากวัสดุโพลีคาร์โบเนตทนต่อแรงลมและป้องกันอันตรายต่อคนขับขี่ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังใช้งานง่ายเพียงกดปุ่มที่ปะกับซ้ายมือ ไม่ต้องจอดรถเพื่อปรับอีกต่อไป สบายจริงๆ เฉียบ
- ระบบ HSTC หรือ Honda Selectable Torque Control เทคโนโลยีแทร็คชั่นคอนโทรลของทาง Honda ซึ่งช่วยป้องกันอุบัติเหตุได้ โดยระบบจะตรวจจับการหมุนของล้อหน้า-หลัง หากไม่สัมพันธ์กัน ระบบนี้จะช่วงตัดต่อการส่งกำลังเครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้เสียการควบคุมปลอดภัย มั่นใจ ทุกสภาพถนนที่คลาดการไม่ได้ กรวดลอย หิน ดิน ทราย หรือแม้แต่ฝนตก ระบบนี้สามารถเปิดปิดขณะขับขี่ได้ โดยไม่ต้องจอดรถ ทำงานได้เสถียรเนียน จนรู้สึกได้ว่าระบบช่วยให้การขับขี่ที่ดีและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
- เทคโนโลยี ESS หรือ Emergency Stop Signal หรือไฟกระพริบฉุกเฉินเวลาเบรกกะทันหัน อันนี้เป็นสิ่งที่ตัวผมเองชอบมาก เพราะเป็นเทคโนโลยีที่มาจากบิ๊กไบค์ที่ฮอนด้านำใส่มาให้ในตัวนี้ด้วย การทำงานของระบบนี้จะทำงานก็ต่อเมื่อ มีการเบรกแบบกระทันหันที่ความเร็วเกิน 50 กิโลเมตร / ชั่วโมง ไฟเลี้ยวจะกระพริบทั้งหมดเพื่อที่จะเตือนรถที่ตามมาข้างหลังให้รับรู้ เห็นได้ชัดเจน ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้มากขึ้น เรียกว่ามั่นใจได้เลย ระบบนี้ทำงานเองอัตโนมัติไม่ต้องไปหากดปุ่มอะไรเพิ่มเติม
- และเหนือกว่าใครๆ ในสกู๊ตเตอร์คลาสเดียวกัน ด้วยช่องจ่ายไฟแบบ USB Type C อัพเกรดใหม่ จ่ายไฟแรงขึ้น รองรับอุปกรณ์รุ่นใหม่ในปี 2020 โดยจะถูกซ่อนเก็บไว้ที่เกะหน้าทางด้านซ้าย จะใช้ชาร์จแบตโทรศัพท์ก็ชาร์จได้เร็ว ต่อชาร์จดูแผนที่ GPS ก็ทำได้ง่าย เรียกว่าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง
ฟันธง
รีวิว Honda Forza 350 ครั้งนี้ก็พอจะฟันธงได้ว่า เจ้า 350 คันนี้ ไม่เพียงแต่หล่อขึ้นเล็กน้อย ยังแรงขึ้นจริงๆ แบบไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม ขับขี่ได้สนุกกว่าโมเดลก่อน ทั้งยังมีฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยครบครัน เรียกว่าตอบโจทย์การขับขี่การใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นชีวิตคนเมืองที่ต้องการใช้รถในทุกๆ วัน หรือชีวิตไบค์เกอร์สายเดินทางที่ต้องออกทริปเดินทางไกลบ่อยๆ ที่สำคัญสนนราคาแนะนำก็บอกได้เลยว่าคุ้มค่ามากๆ กับค่าตัวที่ 173,500 บาท ใครชอบสกู๊ตเตอร์ที่แรง ขี่ง่าย ใช้งานสะดวก บอกเลยว่าต้องไม่พลาดครับ
Honda Forza 350 สเปกและราคา
เครื่องยนต์ | ESP+ สูบเดียว ระบายความร้อนด้วยน้ำ |
ปริมาตรกระบอกสูบ | 329.6 ซีซี |
แรงม้า (เคลม) | NA |
แรงบิด (เคลม) | NA |
ระบบวาล์ว | SOHC 4 วาล์วต่อสูบ |
ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก | 77.0 X 70.7 ม.ม. |
อัตราส่วนการอัด | 10.5:1 |
ระบบเกียร์ | อัตโนมัติ |
ระบบจุดระเบิด | อิเล็กทรอนิกส์ |
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง | หัวฉีด PGM-FI |
ระบบสตาร์ท | สตาร์ทไฟฟ้า |
ระบบคลัตช์ | คลัตช์แห้งอัตโนมัติแบบแรงเหวี่ยง |
ยางหน้า | 120/70-15″ M/C 56P แบบไม่ใช้ยางใน |
ยางหลัง | 140/70-14″ M/C 62P แบบไม่ใช้ยางใน |
ระบบกันสะเทือนหน้า | โช้ค |
ระบบกันสะเทือนหลัง | โช้ค |
เบรกหน้า | ดิสก์เบรกเดี่ยว และระบบเบรก ABS |
เบรกหลัง | ดิสก์เบรกเดี่ยว และระบบเบรก ABS |
ยาว X กว้าง X สูง | 2,147 X 754 X 1,362 มม. |
ระยะฐานล้อ | 1,510 มม. |
ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ | 147 มม. |
ความสูงเบาะ | 780 |
น้ำหนักรถ | 185 กก. |
ความจุถังน้ำมัน | 11.7 ลิตร |
ประเภทของน้ำมันที่เติมได้ | เบนซิน 91(E10), เบนซิน 95, E20 |
Special Thank
AP Honda สำหรับรถทดสอบ
Test Rider
กิติพงษ์ คุณดิลกธีระ
Photographer
Nicky
อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก