Home Yamaha News Yamaha Adventure Skill Training คุ้มแบบนี้ ไม่เรียนได้ไง!!

Yamaha Adventure Skill Training คุ้มแบบนี้ ไม่เรียนได้ไง!!

0
Yamaha Adventure Skill Training

Yamaha Adventure Skill Training คุ้มแบบนี้ ไม่เรียนได้ไง!!

สวัสดีครับ กลับมาอีกครั้งกับการเรียนขับขี่เพิ่มสกิลทางฝุ่น วันนี้ทีมงาน SuperBike ก็ได้รับเกียรติจากยามาฮ่าเชิญเข้าร่วมกิจกรรม Yamaha Off Road Experience ในส่วนของหลักสูตร Yamaha Adventure Skill Training ที่ทาง Yamaha Riders’ club ได้จัดขึ้นเพื่อให้ลูกค้าได้เรียนรู้ทักษะการขับขี่ออฟโรดที่ถูกต้อง และสามารถขับขี่ในรูปแบบผจญภัยได้สนุกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น


โดยกิจกรรมนี้ยามาฮ่ารวม 3 สิ่งสุดยอดมารองรับให้กับลูกค้าโดยเฉพาะนั่นก็คือ

  1. สุดยอดรถในด้าน Performance อย่าง Tenere 700 เตรียมไว้ให้เช่าขับขี่ได้ กรณีที่ไม่อยากใช้รถตัวเองหรือยังไม่มีรถ นอกจากนี้ลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถ Super Tenere, Tenere 700, Tracer 900 GT/ Tracer 900 / MT-09 – Tracer / FJ-09 , YZ450F , YZ250F  และ WR155R ก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมนี้ได้ด้วยเช่นกัน

2. สุดยอดสนาม Touratech Adventure & Enduro Park ที่ได้รับมาตรฐาน มีเส้นทางจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ ในแบบออฟโรดที่หลากหลาย และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบครัน

3. สุดยอดครูฝึก ดีกรีแชมป์เอ็นดูโร่ประเทศไทยอย่าง Big Bear หรือ ครูหมี สาคร อยู่เย็น 

ได้อ่านเพียงเท่านี้ก็อยากรู้กันแล้วใช่ไหมครับว่า ใน 1 วันที่ได้เรียนนี้ เขาสอนอะไรบ้าง มาครับ!! เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง

ในช่วงเช้าจะเป็นขั้นตอนลงทะเบียนเข้างาน ตรวจประวัติการได้รับวัคซีนพร้อมผลตรวจ ATK ล่วงหน้าไม่เกิน 2 วัน และเมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วก็จะมีเสื้อเจอร์ซี่สวย ๆ ให้สำหรับใส่ในการเรียนขับขี่


และสำหรับรถที่ผมขี่ในวันนี้นั้นเป็น Yamaha Tenere 700 (T7) สุดยอดรถอีกหนึ่งรุ่นยอดฮิตที่พร้อมลุยตั้งแต่ออกจากศูนย์เพราะติดยางดี Pirelli Scopion Rally STR มาให้เลย

เริ่มต้น! ครูหมีกล่าวทักทายสวัสดี แนะนำทีมผู้ช่วยครูฝึก และพูดถึงการเรียนที่จะต้องเจอกันในวันนี้ แต่ก่อนจะไปเริ่มเรียนนั้นการวอร์มร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ ควรยืดเส้นยืดสายกันเล็กน้อยเพื่อให้ร่างกายพร้อมที่จะขับขี่กันตลอดทั้งวัน


เริ่มกันที่ฐานแรก การขับขี่ที่ดีก็ควรจะมีพื้นฐานที่ดี ครูหมีก็จะเริ่มสอนกันตั้งแต่พื้นฐานการจับแฮนด์ เนื่องจากการขี่รถแนวออฟโรดนั้นเราต้องควบคุมรถตลอดเวลาและต้องรู้จักการแบ่งนิ้วในการกำคลัตช์และเบรก ใช้ 1 – 2 นิ้วเท่านั้น ส่วนนิ้วที่เหลือก็ใช้กำแฮนด์เพื่อที่จะได้ไม่เสียการควบคุมรถซึ่งจะทำให้เราควบคุมรถได้มั่นคงมากยิ่งขึ้น

ต่อมาเป็นการทำความรู้จักกับรถ ในส่วนนี้จะเป็นการควบคุมตัดต่อกำลังเครื่องยนต์ ครูหมี ให้เริ่มจากการเข็นรถก่อน โดยที่ไม่ต้องออกแรงเข็น แต่ให้ใช้กำลังเครื่องยนต์โดยการค่อย ๆ ปล่อยคลัตช์ให้รู้สึกว่ารถค่อย ๆ เคลื่อนที่ออกตัว เราเพียงแค่เดินตามรถและประคองหาสมดุลของตัวรถไม่ให้เอียงไปทางซ้ายหรือขวาถ้ารถได้สมดุลเราจะรู้สึกว่ารถเบา ถ้าเกิดรู้สึกว่ารถเคลื่อนที่เร็วไปก็เพียงแค่กำคลัตช์และเบรกหน้าเล็กน้อยเท่านั้นเอง เท่านี้เราก็ไม่เหนื่อยในการเข็นรถที่มีน้ำหนักมาก ๆ แล้ว


เมื่อรู้จักการควบคุมตัดต่อกำลังเครื่องยนต์กันไปแล้ว ต่อมาก็เป็นเรื่องของการหยุดรถ เพราะการหยุดรถให้ได้ดั่งใจถือเป็นสิ่งสำคัญจำเป็น หากในสถานการณ์ขับขี่จริงแล้ว เราต้องหยุดรถในที่ที่มีพื้นที่ยืนจำกัด บางทีมีแค่หินก้อนเดียวให้เราวางเท้า ก็ควรต้องมีความแม่นยำในการเบรกให้มาก สำหรับฐานนี้ก็จะเป็นการเบรกรถและวางเท้าบนแท่นปูนสลับซ้ายขวาและจะมีความเล็กลงเรื่อย ๆ จนเหลือเพียงแค่หินก้อนเดียว แรก ๆ ก็ฝึกจากการนั่งขี่ดูก่อน ขี่วนสักรอบสองรอบก็ลองเปลี่ยนเป็นท่ายืนบ้างเพื่อสร้างความคุ้นเคย

ต่อมาจะเป็นการฝึกขับขี่ขึ้นลงเนินในลักษณะคล้ายตัว V กลับหัว ติดกัน 3 เนิน หลัก ๆ ของฐานนี้จะเป็นการฝึกใช้ เบรก คลัตช์ คันเร่ง และการถ่ายเทน้ำหนักของตัวผู้ขับขี่ ทุกอย่างที่กล่าวมานั้นต้องมีความสัมพันธ์กันหมดและใช้ให้ถูกจังหวะ มากไปก็อาจจะทำให้เสียการควบคุม น้อยไปก็อาจจะทำให้รถดับและเกิดอุบัติเหตุได้ 

สำหรับขั้นตอนที่ครูหมีได้สอนขี่ทางลักษณะแบบนี้ก็คือ ก่อนขึ้นเนินให้เติมคันเร่งเล็กน้อย ให้รู้สึกว่ารถมีกำลังพอที่จะขึ้นเนินได้ ตอนขึ้นถ่ายน้ำหนักตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย สายตามองที่ปลายเนิน ส่วนตอนลงเนินให้ถ่ายเทน้ำหนักมาด้านหลังเล็กน้อยพร้อมกับเบรกอย่างนุ่มนวล ไม่เบรกจนล้อล็อกเพราะอาจจะทำให้เสียการควบคุมได้ พอถึงจังหวะก่อนที่ล้อหลังใกล้จะลงถึงจุดต่ำสุดของเนินก็เติมคันเร่งให้รถพอมีกำลังขึ้นเนินและถ่ายน้ำหนักไปด้านหน้าแบบเดิมที่ได้บอกไปตอนต้นทำสลับกันไป

ต่อมาเป็นการขับขี่บนทางหิน ฐานนี้ไม่ยากไม่ง่ายเพราะเวลาที่ล้อเราเหยียบหินรถอาจจะมีอาการพลิกซ้ายพลิกขวา เทคนิคก็คือควรเร่งให้รถมีกำลังอยู่ตลอด แต่ต้องไม่ช้าและไม่เร็วไป ควรขับขี่ในท่ายืนเพื่อง่ายต่อการควบคุมรถ สายตามองไกลและกำหนดทิศทางที่จะไปเพียงเท่านี้ก็ผ่านไปได้แบบสบาย ๆ เลย

ที่ผ่านมาเราขึ้นเนินลงเนินเล็กกันไปแล้วทางครูหมีก็พาไปขึ้นเนินใหญ่กันบ้าง บอกตรง ๆ แอบหวั่นใจเล็กน้อยเพราะเนินค่อนข้างสูงและชัน สำหรับฐานนี้ก็จะเป็นการฝึกขึ้น – ลงเนินโดยการใช้เบรก คลัตช์ คันเร่ง และระบบเบรก ABS ของรถเป็นหลัก 

เริ่มต้นด้วยการลงเนินก่อน ครูหมีบอกว่าก่อนที่จะลงเนินในลักษณะแบบนี้ สิ่งที่ควรทำอันดับแรกคือทำให้รถช้าที่สุดก่อนและค่อย ๆ ใช้เบรกหน้า-หลังค่อยและประคองรถลงจากเนินและที่สำคัญล้อต้องไม่ควรล็อกเพราะจะทำให้เสียการควบคุมทิศทางของรถ ถ้ารู้สึกว่าล้อจะล็อกเมื่อไรต้องรีบคลายเบรกให้ทัน อาจจะดูเหมือนยากแต่ที่จริงแล้วตัวรถมีระบบ ABS ซึ่งช่วยเราได้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว

และเมื่อลงได้ก็ต้องขึ้นได้ ในส่วนตอนขึ้นส่วนตัวผมคิดว่าไม่ค่อยยากเท่าไรเพียงแค่เรารู้จังหวะเปิดคันเร่ง ก่อนที่รถกำลังจะขึ้นเนินก็เปิดคันเร่งส่งให้รถมีกำลังที่จะไปถึงยอดเนิน ถ่ายน้ำหนักตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย ตามองที่ปลายเนิน และควบคุมรถไปในทิศทางที่ต้องการไป อาจจะดูงง ๆ สักนิดนะครับแต่ถ้าได้ลองขี่เองแล้ว ความรู้สึก และสัญชาตญาณจะบอกเราเอง

ผ่านไปในส่วนของครึ่งวันแรก ก่อนที่จะพักรับประทานอาหารกลางวัน ผมได้เข้าไปขับขี่ในฐานต่าง ๆ ที่เรียนไปเมื่อตอนเช้าอีกรอบสองรอบเพื่อทบทวนในสิ่งที่ได้เรียนไป นี่ถ้าไม่หิวข้าวนะผมขี่อีกสักสิบรอบยังไหว (สภาพ !!!)

 

รอบบ่ายหลังจากเติมพลังกันเสร็จแล้วทางครูหมีก็มีบทเรียนที่จะช่วยแก้อาการหนังท้อตึงหนังตาหย่อน ก็คือการกลับรถในพื้นที่จำกัด ซึ่งจะมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน วิธีแรกคือกลับรถโดยใช้กำลังเครื่องเพื่อหมุนรถ หรือเรียกง่าย ๆ คือการกวาดลาน มีวิธีการทำไม่ซับซ้อน แต่ค่อนข้างใช้พลังร่างกายสูงเลยทีเดียว โดยเราต้องเอียงรถให้ได้องศาที่พอดีใช้สะโพกเราดันส่วนถังน้ำมันตัวรถใว้ บิดคันเร่งปานกลางและใช้วิธีการดีดคลัตช์เพื่อให้ล้อหลังปัดรถจะหมุนเองโดยอัตโนมัติบอกเลยว่าเหนื่อยเอาเรื่อง !!

ส่วนวิธีที่สองนั้นเป็นการสไลด์เข้าโค้ง คือการขี่แล้วเบรกให้ล้อหลังล็อกพร้อมเอียงตัวไปในทิศทางที่เราจะเลี้ยวได้ซักครึ่งนึงและให้เปิดคันเร่งเติมเข้าไปรถก็จะสไลด์เข้าโค้งได้อย่างสวยงาม และที่สำคัญความเร็วในการทำแบบนี้ต้องเร็วพอสมควรด้วยนะ วิธีนี้ค่อนข้างที่จะยาก และต้องฝึกฝนบ่อย ๆ จะทำได้เอง ส่วนตัวผมนั้นก็ขอไปฝึกก่อนแล้วกันครับเพราะมันยากจริง ๆ


ฐานต่อมาก็จะเป็นการฝึกขับขี่ข้ามสิ่งกีดขวางนั่นก็คือยางรถยนต์ ฐานนี้ก็ไม่ยากเท่าไรครับเราเพียงแค่ถ่ายน้ำหนักตัวไปด้านหลังเพราะจะทำให้ล้อหน้าเบาและเปิดคันเร่งเล็กน้อยก้อนที่ล้อหน้าจะชนวัตถุเท่านี้ก็สามารถข้ามวัตถุที่ขวางล้อหน้าได้แล้ว ถ้าเกิดเราไม่ถ่ายน้ำหนักตัวไปด้านหลังตอนชนวัตถุล้อหน้าอาจจะปักทำให้รถหยุดและเกิดอุบัติเหตุได้


ต่อมาก็เป็นคิวของทางทรายกันบ้าง โดยการขี่ทางทรายนั้นเราต้องถ่ายน้ำหนักตัวมาทางด้านหลังรถเพื่อให้หน้ารถเบา ใช้รอบเครื่องที่สม่ำเสมอ ไม่เร็วไม่ช้าเกินไป หัวเข่าหนีบตัวรถไว้และพยายามบังคับแฮนด์ให้ตรง สำหรับรถ Tenere 700 นั้น เกียร์ที่เหมาะสมผมคิดว่าน่าจะเป็นเกียร์ 2 ที่ขี่บนทางทรายได้ดี เพราะแรงบิดของรถไม่เยอะมากเกินไป ซึ่งทางทรายนี้ผมจัดไป 3 รอบ หมายถึงขี่ 3 รอบหรอ ? ไม่ใช่ครับ กลิ้งไป 3 รอบ ผ่าม !! แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ครับ

มาอยู่กับอีกฐานที่ผมต้องบอกเลยว่าหวั่นใจเล็กน้อยนั้นก็คือลงเนินชันแบบ 3 ขั้น ซึ่งวิธีการก็เหมือนกับการลงเนินที่ผ่าน ๆ มา แต่ต่างกันที่เนินแบบนี้ต้องลงให้ช้ามาก ๆ ตั้งแต่ต้นเลยครับ เพราะถ้ามาเร็วตั้งแต่แรกเราจะไม่มีโอกาสได้เบรกเลยซึ่งค่อนข้างจะอันตรายมาก ๆ นั่งทำใจอยู่นานแต่ยังไงก็ขอลองดูซักหน่อย ซึ่งผลก็คือผ่านไปได้ด้วยดี


มาถึงฐานสุดท้ายสำหรับวันนี้แล้ว ฐานนี้เป็นฐานที่ขี่รถวนเป็นเลข 8 แต่ไม่ได้ขี่ในองศาปกติ เราต้องขี่ในแนวทะแยงหรือให้ยกตัวอย่างที่เข้าใจง่าย ๆ จะคล้าย ๆ มอเตอร์ไซค์ไต่ถังครับ หลักการก็คือขี่ตามปกติเลยใช้ความเร็วพอประมาณเพื่อให้ตัวรถเกิดแรงเหวี่ยงที่จะทำให้ล้อรถรักษาการยึดเกาะกับพื้นได้

และนี่ก็คือประสบการณ์การเรียนของกิจกรรม Yamaha Adventure Skill Training ที่ผมได้เรียนในวันนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะครับ หากสนใจอยากที่จะเรียนแบบนี้ก็สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ Yamaha Riders’ club ทุกสาขาได้เลยนะครับผม

สำหรับค่าธรรมเนียมการเรียนนี้อยู่ที่
1. ผู้ขับขี่ (ใช้รถตัวเอง) 1,000 บาท
2. ผู้ขับขี่ (เช่ารถที่สนาม Tenere700) 3,500 บาท
3. ผู้ติดตาม 500 บาท
สิ่งที่จะได้รับ
1. อาหารว่างและเครื่องดื่ม (มื้อเช้า)
2. อาหารและเครื่องดื่ม (มื้อกลางวัน)
3. เสื้อกิจกรรม 1 ตัว

ซึ่งกิจกรรมนี้ก็มีให้ได้เรียนกันทุกเดือนตลอดทั้งปีจนถึงเดือนธันวาคม 2022 เลยครับ เตรียมรถ เตรียมร่างกายให้พร้อมแล้วมาเรียนกันนะครับ ราคาแบบนี้บอกเลยหาเรียนที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว คุ้มมาก ๆ แต่ต้องรีบหน่อยนะครับเพราะแต่ละครั้งรับสมัครจำนวนจำกัดครับ

สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทางยามาฮ่า ไรเดอร์ส คลับ ที่ให้พวกเราทีมงาน SuperBike Thailand ได้ร่วมกิจกรรมอัพสกิลทางฝุ่นกัน และขอบคุณ ครูหมี สาคร อยู่เย็น และทีม ที่สอนวิธีการขับขี่ที่ถูกต้องและปลอดภัยด้วยนะครับ 

ส่วนครั้งหน้าจะมีกิจกรรมอะไรดี ๆ จากยามาฮ่า อีกก็ฝากติดตามพวกเรา SuperBike Thailand ในทุก ๆ ช่องทางไม่ว่าจะเป็น Facebook , Youtube , Instargram, Twitter, TikTok ไว้ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

Special Thank

Nolan Thailand ที่สนับสนุนหมวกกันน็อกสวย ๆ สำหรับใส่ขับขี่
Panda Rider ที่สนับสนุนรองเท้าบูธ TCX ในการขับขี่ด้วยนะครับ

อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Yamaha คลิก

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Exit mobile version