Home ข่าวมอเตอร์ไซค์ Triumph Tiger 1200 2022 อัปเกรดใหม่หมดทั้งคัน เปิดทีเดียว 5 รุ่นย่อย

Triumph Tiger 1200 2022 อัปเกรดใหม่หมดทั้งคัน เปิดทีเดียว 5 รุ่นย่อย

0
Triumph Tiger 1200 2022

Triumph Tiger 1200 2022 อัปเกรดใหม่หมดทั้งคัน เปิดทีเดียว 5 รุ่นย่อย

ล่าสุดไทรอัมพ์มอเตอร์ไซเคิล อังกฤษ ก็ได้ทำการเปิดตัวโมเดลระดับเรือธงฝั่งแอดเวนเจอร์ทัวริ่งอย่างเจ้า All New Triumph Tiger 1200 2022 ที่ในครั้งนี้ปรับปรุงอัปเกรดใหม่หมดยกทั้งคัน แถมยังมีให้เลือกใช้มากถึง 2 ตระกูลหลักแบ่งเป็น 5 รุ่นย่อยกันเลยทีเดียว เรียกได้ว่าตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายสไตล์มากยิ่งขึ้น 

หลัก ๆ ในโมเดลใหม่นี้จะมุ่งเน้นไปที่การรีดน้ำหนักตัวรถและการปรับปรุงเครื่องยนต์ให้มีกำลังแรงขึ้น ขณะเดียวกันก็พยายามทำให้มีการควบคุมที่ดีและมีสเปกที่สูงในระดับเบอร์ต้น ๆ ของคลาส

จุดเด่นที่สำคัญที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นเครื่องยนต์แบบ T-plane ที่พัฒนามาใหม่ของทางค่ายที่เคลมมาว่าออกแบบให้เจ้าเสือตัวใหม่นี้เป็นรถแอดเวนเจอร์ขนาดใหญ่ที่ทรงพลังและคล่องตัวมากที่สุด

 

มีรุ่นย่อยอะไรบ้าง

ตระกูล GT สำหรับขับขี่ผจญภัยที่เน้นถนนหรือทางดำเป็นหลัก จะมีล้ออลูมิเนียม ด้านหน้าขนาด 19 นิ้วและด้านหลังขนาด 18 นิ้ว แบ่งออกเป็น 3 รุ่นย่อย ได้แก่ 

  • GT (ถังน้ำมันขนาด 20 ลิตร)
  • GT Pro (ถังน้ำมันขนาด 20 ลิตร)
  • GT Explorer (ถังน้ำมันขนาด 30 ลิตร)

ตระกูล Rally สำหรับขับขี่ผจญภัยในทุก ๆ เส้นทาง ไม่เกี่ยงแม้เป็นทางฝุ่น โดยจะมีล้อแบบซี่ลวด ด้านหน้าขนาด 21 นิ้วและด้านหลังขนาด 18 นิ้ว แบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อย ได้แก่ 

  • Rally Pro (ถังน้ำมันขนาด 20 ลิตร)
  • Rally Explorer (ถังน้ำมันขนาด 30 ลิตร)

 

ดีไซน์ใหม่

แน่นอนว่าดีไซน์ใหม่หมดทั้งคัน โดยเน้นหนักไปในลักษณะของรถแอดเวนเจอร์ที่มีดีไซน์แบบพุ่ง ๆ ไปด้านหน้า มีแฟริ่งออกแบบใหม่ พร้อมแผงหม้อน้ำระบายความร้อนแบบคู่ดีไซน์และท่อไอเสียดีไซน์มินิมอลดูสวยงามลงตัว

และเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ดูพรีเมียมในแบบของผู้ดีอังกฤษ ตลอดไปจนถึงสีสันและกราฟิกใหม่ที่ดูเท่ดูดีไม่แพ้ใคร

น้ำหนักเบา

ประเด็นนี้ถือเป็นจุดขายหลักของโมเดลใหม่นี้เลยก็ว่าได้ โดยน้ำหนักของตัวรถนั้นถูกไล่เบามาจากแชสซีใหม่และอุปกรณ์ระดับชั้นนำของคลาส เริ่มจากเฟรมน้ำหนักเบาพร้อมกับซับเฟรมและที่จับคนซ้อนแบบอลูมิเนียม มีสวิงอาร์มแบบใหม่ Tri link น้ำหนักเบาแต่แข็งแรง ระบบขับเคลื่อนด้วยเพลาเองก็มีน้ำหนักเบาด้วยเช่นกัน คาลิเปอร์เบรกโมโนบล็อก Brembo Stylema ซึ่งก็จะมีน้ำหนักเบา โดยมาพร้อมกับระบบเบรก ABS แบบใช้งานในโค้งได้ที่ทำงานร่วมกับระบบ IMU และสุดท้ายระบบกันสะเทือนไฟฟ้าจาก Showa ที่ปรับแต่งให้เหมาะกับรถแต่ละตระกูลโดยตรง 

 

ปรับท่านั่งใหม่

ตัวรถมีการดีไซน์โพสิชันหรือตำแหน่งท่านั่งใหม่เพื่อให้ควบคุมรถได้ดี นั่งได้สบาย ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับรถในสไตล์แอดเวนเจอร์ทัวริ่ง โดยตัวรถมีดีไซน์ปราดเปรียวเพรียวมากขึ้น มีการออกแบบการยศาสตร์ใหม่ให้นั่งขับขี่ได้สบายและสมดุลรถดี 

เท่านั้นยังไม่พอยังมีการปรับตำแหน่งของแฮนด์บาร์ พักเท้า รวมไปถึงมีเบาะนั่งสามารถปรับระดับความสูงได้ และมีตัวอ็อปชันเป็นเบาะเตี้ยพิเศษให้เลือกใช้งานกันได้อีกด้วย

 

ขุมพลังใหม่

ทั้งนี้ในแต่ละรุ่นย่อยก็จะมีอ็อปชันปลีกย่อยแตกต่างลึกลงไปอีก แต่ก็จะมีพื้นฐานหลักเดียวกันคือเครื่องยนต์ ซึ่งก็อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่าใช้เครื่องยนต์ T-plane ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ 3 สูบเรียงขนาด 1,160 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ

เคลมกำลังแรงม้ามาที่ 150 แรงม้าที่ 9,000 รอบ และแรงบิดสูงสุดที่ 130 นิวตันเมตรที่ 7,000 รอบ ซึ่งนับว่าเพิ่มจากเจ็นฯ เก่ามากถึง 9 แรงม้า และหากเทียบกับคู่แข่งที่ใช้ระบบขับเพลาแบบเดียวกันถึง 14 แรงม้า ส่วนแรงบิดนั้นเพิ่มมาก 8 นิวตันเมตรจากโมเดลเก่า

โดยจุดเด่นของเครื่องยนต์ใหม่นี้คือการจุดระเบิดแบบไม่เรียง เป็นการจุดระเบิดแบบสูบ 1, 3 และ 2 จากลูกเบี้ยวที่ทำองศา 180, 270 และ 270 องศา ซึ่งทางค่ายเคลมมาว่าให้เอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้กำลังดีตั้งแต่รอบต่ำ ขณะเดียวกันก็ให้แรงบิดในรอบกลางและรอบปลายดี ขับขี่ทางวิบากได้ดีขึ้นจากการฟีลลิ่งที่ล้อหลังชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ขับขี่ทางถนนก็ดีขึ้นตามไปด้วย และสุดท้ายคือสุ้มเสียงที่โดดเด่น 

 

เทคโนโลยีทันสมัย

สำหรับ Triumph Tiger 1200 2022 นั้นถือว่าเป็นแอดเวนเจอร์ทัวริงไบค์พิกัดเรือธงของทางค่าย แน่นอนว่าเทคโนโลยีก็ต้องมาแบบแน่น ๆ โดยในเฉพาะในรุ่นย่อย Explorer ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำอย่างระบบแจ้งเตือนมุมอับด้วยเรดาห์ หรือ Blind Spot Radar System 

ทั้งนี้เทคโนโลยีอื่น ๆ ที่มีร่วมกันก็เช่น ระบบช่วงล่างไฟฟ้าจาก Showa หน้าจอเรือนไมล์สี TFT พร้อมเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ระบบแทร็คชันคอนโทรล ระบบเบรก ABS แบบใช้งานในโค้งได้ ที่ทำงานร่วมกับ ระบบประมวลผลแรงเฉื่อย IMU โหมดการขับขี่ ระบบคีย์เลสแบบใหม่ที่สามารถใช้สตาร์ทรถ ล็อกรถและล็อกฝาถังน้ำมัน ระบบไฟ LED รอบคันพร้อมไฟเดย์ไทม์รังนิงไลท์ 

นอกจากนี้ยังมีไฟส่องสว่างในโค้งแบบปรับอัตโนมัติหรือ Adaptive Cornering Light ระบบช่วยหยุดรถบนทางลาดชัน และระบบควิกชิฟเตอร์ ที่จะไม่มีในรุ่น GT 

และรุ่นใหญ่สุดของแต่ละตระกูลอย่าง GT Explorer และ Rally Explorer ก็จะยังมีระบบอุ่นมือและอุ่นเบาะ รวมถึงระบบแจ้งเตือนลมยางอัตโนมัติเพิ่มเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับสายเดินทางไกลขั้นสุดอีกด้วย 

สุดท้ายนี้สีสันที่มีจำหน่ายจะมีดังนี้

  • รุ่น GT จะมีเฉดสีเดียวคือสีขาว Snowdonia White
  • รุ่น GT Pro และ GT Explorer จะมี 3 เฉดสี ได้แก่ สีขาว Snowdonia White สีดำ Sapphire Black และสีกากี  Matt Khaki
  • รุ่น Rally Pro และ Rally Explorer จะมี 3 เฉดสีเช่นเดียวกัน ได้แก่ สีขาว Snowdonia White สีดำ Sapphire Black และสีกากี  Matt Khaki แต่จะมีลายกราฟิกต่างออกไป

สุดท้ายนี้คาดการณ์ว่าจะจำหน่ายในไทยช่วงต้นปีหน้า แต่จะมาครบทั้ง 5 รุ่นย่อยหรือไม่ต้องติดตามกันครับ ทั้งนี้ราคาเปิดตัวรุ่นท็อปสุดอย่าง Rally Explorer น่าจะอยู่ที่ราว 8 แสนกว่า ๆ ครับ แต่โปรดติดตามข่าวสารกันต่อไปก่อนครับ

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Exit mobile version