Triumph Speed 400 โมเดิร์นคลาสสิก 400 ซีซี รุ่นแรกจากค่ายอังกฤษ
ถือว่าเป็นปรากฎการณ์ครั้งใหม่และครั้งแรก กับค่ายรถจักรยานยนต์สัญชาติอังกฤษอย่าง Triumph Motorcycle ได้ฤกษ์ทำการเปิดตัวโมเดลใหม่ล่าสุดกับ Triumph Speed 400 โมเดิร์นคลาสสิกพิกัด 400 ซีซี รุ่นแรกจากทางค่ายที่ทำการเปิดตัวออกมา และครั้งนี้พวกเรา SuperBike Thailand ขอพาผู้ชมไปทำความรู้จักกับโมเดลนี้กันว่ามีที่มาอย่างไร และมีอะไรพิเศษกันบ้าง
ดีไซน์เอกลักษณ์เฉพาะจากไทรอัมพ์ สไตล์โมเดิร์นคลาสสิก
สำหรับเจ้าสปีด 400 ได้รับแรงบันดาลใจการดีไซน์มาจากโมเดลรุ่นพี่อย่าง สปีด ทวิน 900 และ สปีด ทวิน 1200 ทั้งรายละเอียดและรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์จากทางค่าย ผสานกับระบบเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย หลอมรวมมาในสไตล์รถทรงโมเดิร์นคลาสสิก พร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์ในการขับขี่อย่างมีระดับ
เรือนไมล์อนาล็อก-ดิจิทัล LCD | ไฟทรงกลมอันเป็นเอกลักษณ์ประจำค่าย |
พร้อมโชว์ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น ด้วยไฟหน้าทรงกลม ไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ มาพร้อมกับเส้นนำไฟแบบขึ้นรูปและโลโก้ไทรอัมพ์ แยกกับไฟเลี้ยวยึดติดไว้ด้านข้างกระบอกโช้ค ส่วนไฟท้ายจะติดมาให้บริเวณหลังเบาะประดับไว้สวยงาม อีกทั้งระบบไฟส่องสว่างจะเป็น LED รอบคัน ต่อมาจะพบกับเรือนไมล์อนาล็อกทรงกลมที่ถูกออกแบบมาใหม่ ผสมกับหน้าจอดิจิทัล LCD พร้อมแสดงผลฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ให้ความรู้สึกร่วมสมัย บวกกับเบ้าเสียบกุญแจมาให้ ไว้ใช้งานได้สะดวกและไม่ต้องยุ่งยาก
ถัดมาในส่วนของถังน้ำมันที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม และปาดเว้าเพื่อรองรับท่านั่งการขับขี่ พร้อมลายกราฟิกบนตัวถังกับความจุน้ำมันที่ 13 ลิตร สะท้อนความเป็นรถสไตล์โรดสเตอร์ บวกกับเบาะชิ้นเดียวดีไซน์ 2 ระดับ สีดำตัดเย็บตะเข็บไว้อย่างสวยงาม รวมถึงอักษรแบรนด์ไทรอัมพ์ปักไว้ในส่วนด้านหลัง ติดกับมือจับคนซ้อนที่มีมาให้ดูลงตัว
และคงความดั้งเดิม ด้วยเสื้อสูบแบบมีครีบและแคลมป์ท่อเฮดเดอร์ ผสมผสานกับรายละเอียดร่วมสมัย เช่น ท่อไอเสียเก็บเสียงสแตนเลสแบบยกขึ้น ลายกราฟิกตัวรถที่โดดเด่น รวมถึงเทคโนโลยี อาทิ การระบายความร้อนด้วยของเหลวแบบเปิด ท่อไอเสียพร้อมตัวเก็บเสียง จนเป็นโมเดลโมเดิร์นคลาสสิกที่ล้ำสมัย อีกทั้งยังมาพร้อมกับการตกแต่งอย่างมีระดับ ทั้งเครื่องยนต์เคลือบ Powder-coated อันสวยงาม
เครื่องยนต์ TR-Series ใหม่ทั้งหมด
สำหรับขุมพลังเครื่องยนต์จะเป็นสูบเดียว 398.15 ซีซี ระบายความร้อนด้วยของเหลว ให้พละกำลังสูงสุด 40 แรงม้าที่ 8,000 รอบ และแรงบิด 37.5 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบ พร้อมเกียร์แบบ 6 สปีด ระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์จาก Bosch อีกทั้ง เครื่องยนต์ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน Euro 5 ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รวมถึงจุดเด่นสำคัญเพิ่มเติม ทั้งเครื่องยนต์ 4 วาล์ว ฝาสูบ DOHC เพลาข้อเหวี่ยงที่ได้รับการถ่วงน้ำหนักเพื่อปรับแรงเฉื่อยให้ความเหมาะสมกับการขับขี่ในความเร็วต่ำ ระบบส่งวาล์วนิ้วที่มีมวลลูกสูบต่ำและการเคลือบ DLC ที่ช่วยลดแรงเสียดทานและยังช่วยให้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
ช่วงล่างแจ่ม
ต่อกันที่ระบบกันสะเทือนกับโช้คหน้าแบบหัวกลับขนาด 43 มม. มีระยะยุบ 140 มม. ส่วนด้านหลังเป็นโช้คเดี่ยว พร้อมซับแทงค์ สามารถปรับตั้งค่าพรีโหลดได้ โดยมีระยะยุบตัวที่ 130 มม. ที่ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มแขนคู่อลูมิเนียม รวมถึงระบบเบรกกับดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 300 มม. พร้อมปั๊มเบรก 4 ลูกสูบ และดิสก์เบรกหลังขนาด 230 มม. ใช้ปั๊มเบรกแบบลอยตัว โดยระบบเบรกทั้งหน้า หลังเสริม ABS มาให้อีกด้วย ในส่วนล้อจะเป็นล้อแม็กซ์สีดำดีไซน์ 5 ก้านคู่ขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมยางแบบไม่ใช้ยางในขนาด 110/70 และ 150/60
เทคโนโลยีตอบโจทย์
ในด้านระบบเทคโนโลยีกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีมาให้ กับระบบส่องสว่าง LED รอบคัน หน้าจอเรือนไมล์แบบคู่ อนาล็อก-ดิจิทัล LCD แสดงผลมาตรวัดรอบแบบดิจิทัล บอกระยะทางจากน้ำมันที่เหลืออยู่ ไฟตำแหน่งเกียร์ ช่องเสียบชาร์จ USB Type C ช่วยให้สามารถชาร์จอุปกรณ์ที่ติดตั้งบนแฮนด์จับขณะเคลื่อนที่ได้ เช่น สมาร์ทโฟน และระบบนำทาง เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบเสริมการขับขี่และความปลอดภัย ทั้งระบบคันเร่งแบบ Ride-by-Wire ระบบช่วยผ่อนแรงบีบคลัตช์ ช่วยลดความเมื่อยล้าในระหว่างหยุดหรือเริ่มขี่ ระบบป้องกันการโจรกรรมตัวรถ และระบบเบรก ABS
สีแดง Carnival Red |
|
สีน้ำเงิน Caspian Blue |
|
สีดำ Phantom Black |
พร้อมกันนี้โมเดลรุ่นนี้ ยังมาพร้อมกับชุดสีแบบทูโทน มีทั้งสี Carnival Red, สี Caspian Blue และสี Phantom Black โดยโมเดลดังกล่าวจะเปิดตัวในตลาดอินเดียตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป และจะวางจำหน่ายในตลาดอื่น ๆ ทั้งหมดในช่วงต้นปี 2024 ซึ่งจะมีการประกาศราคาในเร็ว ๆ นี้ ในระหว่างที่รอพวกเราก็มาลุ้นกันครับ ว่าค่าตัวรุ่นนี้จะประมาณเท่าไหร่
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก