Home ข่าวมอเตอร์ไซค์ Tesi H2 ยอดผลงานจากความร่วมมือของ Bimota และ Kawasaki

Tesi H2 ยอดผลงานจากความร่วมมือของ Bimota และ Kawasaki

0
Tesi H2

Tesi H2 ยอดผลงานจากความร่วมมือของ Bimota และ Kawasaki

สักที ต้องบอกคำนี้ หลังจากบิลด์อารมณ์ให้อยากรู้อยากเห็นต้องนานกับ Bimota Tesi H2 ที่ล่าสุด Bimota ได้ประกาศว่าพร้อมจำหน่ายตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังได้ประกาศตัวเลขสเป็กต่างๆ ที่หลายคนอยากรู้มาพร้อมๆ กันอีกด้วย

โดยทาง Bimota ที่ปัจจุบันเจ้าของหุ้นหลักกลายเป็นยักษ์ใหญ่ค่ายเขียวของ Kawasaki ไปแล้ว ได้ทำการเปิดเผยภาพให้เห็นถึงรถคันใหม่ในเวอร์ชั่นพร้อมขายจริงมา 3 ภาพด้วยกัน โดยเจ้าไฮเปอร์ไบค์สัญชาติอิตาลีคันนี้ได้ไปเผยโฉมให้เห็นในงาน EICMA เมื่อปีที่แล้วในฐานะของคอนเซ็ปต์ไบค์ หลังจากนั้นก็มีรถต้นแบบในชุดสีดำออกมาทดสอบและมีภาพให้เราเห็นอยู่หลายครั้ง เนื่องจากมันกำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเพื่อให้สามารถผลิตเพื่อวางจำหน่ายได้จริง และตอนนี้ทางค่ายก็ประกาศรายละเอียดออกมาและเปิดให้พร้อมจองรถแบบพรีออเดอร์แล้วครับ

ตัวรถนั้นมีความคล้ายคลึงกับคอนเซ็ปต์ไบค์อยู่ค่อนข้างมาก อาทิ แฟริ่ง ปี ไฟหน้าตรงกลาง ช่วงล่างด้านหน้าแบบฮับเซ็นเตอร์สเตียริง และท่อไอเสียขนาดใหญ่ แต่คราวนี้มีเฉดสีที่ต่างออกไปสีขาว ดำและแดงถูกแทนที่ด้วยสีดำและชุดสีไตรคัลเลอร์แบบธงชาติอิตาลี

Bimota เลือกใช้ขุมพลังของ Kawasaki Ninja H2 แต่ยังคงเอกลักษณ์ของทางค่ายไว้ด้วยแชสซีแบบฮับเซ็นเตอร์สเตียริงและแฟริ่งคาร์บอนไฟเบอร์ เครื่องยนต์ 4 สูบเรียงซูเปอร์ชาร์จขนาด 998 ซีซี ให้กำลังแรงม้ามากถึง 231 แรงม้าที่ 11,500 รอบ และมีแรมแอร์ช่วยดันให้แรงม้าโดดไปเป็น 242 แรงม้าที่รอบเท่ากัน แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 141 นิวตันเมตรที่ 11,000 รอบ

 

และถึงแม้ว่ากฎเรื่อง Euro5 จะถูกใช้กับรถใหม่ทุกคันที่จะวางขายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2021 แต่เครื่องยนต์ของมันกลับผ่านแค่ Euro 4 ตัวเลขแรงม้านั้นเท่ากันกับของ Ninja H2 แต่ยังน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ H2R ที่ให้แรงม้าสูงสุดที่ 310 แรงม้าที่ 14,000 รอบและ 326 แรงม้าจากแรมแอร์

ทุกอย่างที่ใส่เข้ามาใน Tesi เพื่อให้สามารถขี่ถนนได้อย่างถูกกฎหมายนำมาจาก Kawasaki ทั้งหมด เรียกว่าเป็นลูกผสมจากผลงานความร่วมมือกันจากสองฝากฝั่งทวีปก็ว่าได้ โดยมีทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดีไซน์ที่โดดเด่น และความพรีเมี่ยมจากชิ้นส่วนคุณภาพสูงที่ทั้งหรูหราและพิเศษ

ทั้งนี้จะผลิตขึ้นจำหน่ายเพียง 250 คันเท่านั้น โดยจะมีเพลตและเฟรมนัมเบอร์ที่ไม่ซ้ำกัน ส่วนสนนราคาก็จะอยู่ที่ 64000 ยูโรหรือราวๆ 2,374,000 บาท เรียกว่าราคาเอาเรื่องอยู่ทีเดียว

นอกจากนี้ Bimota ยังบอกว่าจะมีโมเดลที่ 2 ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทั้งสองค่ายถัดจากโมเดลนี้ตามมาอีกไม่นาน โดยจะเป็นรถในสไตล์คาเฟ่เรซเซอร์ที่มีชื่อว่า KB4 ซึ่งจะมีพื้นฐานมจาก Ninja 1000SX

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก



Exit mobile version