spot_img
spot_img
spot_img
spot_img

Techno Tiger วู้ว!! ร้องดังๆ กลับการได้ไปทดสอบ Triumph Tiger 800 กันไกลข้ามซีกโลกกันถึงที่เมือง Marrakesh ประเทศโมร็อกโก ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกากันเลย บอกเลยว่าไฮเทคใช่เล่น

 

สิ่งที่แรกที่ผมนึกถึงเมื่อได้ยินคำว่าโมร็อกโก ผมก็นึกถึงทะเลทรายขึ้นมาทันที แอฟริกามีพื้นที่ส่วนที่เป็นทะเลทรายมากที่สุดในโลก และโมร็อกโกก็เป็นประเทศนึงในแอฟริกาเหนือและมีทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Sahara ด้วยเหตุนี้ผมก็เลยเตรียมตัวเตรียมใจที่จะได้ไปลุยทะเลทราย งานนี้ผมเตรียมชุดขับขี่ Alpinestars Tech Touring รองเท้า Alpinestars Tech 7 และหมวกกันน็อคสำหรับสายทัวริ่งแอดเวนเจอร์ที่ดีที่สุดในตอนนี้อย่าง Shoei Hornet ADV เพื่อให้พร้อม 100% กับการเดินทางไปทดสอบในครั้งนี้ แต่ติดที่ทางไกค์ได้บอกเราว่า ขอให้มีกระเป๋าติดตัวไปให้น้อยที่สุดคือโหลดใต้เครื่อง 1 ใบและนำติดตัวขึ้นเครื่องบินได้แค่ 1 ใบเท่านั้น เพื่อสะดวกแก่การเดินทาง เอาละ ปัญหาเกิด เอาไงดี เหลือบตาไปเห็น Alpinestars Gear Bag รุ่นใหม่ล่าสุดปี 2018 พอดี จำเป็นต้องควักเงินจ่ายไปเสียโดยดี ในใจคิดว่าใบนี้แหละทีเดียวจบ ใหญ่จริงๆ ทว่าการทดสอบครั้งนี้เราต้องเดินทางผ่าน 2 ประเทศ เพราะเราจะบินไปลงที่ฝรั่งเศสก่อน 1 วันแล้วเช้าวันรุ่งขึ้น เราบินต่อไปที่เมือง Marrakesh ประเทศโมร็อกโก และนั่นทำให้เราต้องเตรียมเสื้อกันหนาวด้วย เพราะอุณหภูมิที่ประเทศฝรั่งเศส สืบเสาะมาได้ว่า 1 องศาหรืออาจจะต่ำกว่า รวมถึงมีหิมะด้วย

 

เดินทาง

เราออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ จะถึงฝรั่งเศสประมาณ 6 โมงเช้าของอีกวัน (เวลาท้องถิ่น) เราใช้เวลาบินทั้งหมด 12 ชั่วโมง แต่ทางฝั่งยุโรปเวลาช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง ถึงสนามบินตรงตามเวลาเป๊ะ ถึงที่หมายปลอดภัย อุณหภูมิเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ 1 องศา แต่ยังไม่มีหิมะ เราเดินทางไปที่หอไอเฟล เที่ยวๆ กันก่อน เพราะเรามีเวลาเหลือ 1 วัน ก่อนที่จะบินต่อไปยัง Marrakesh ก็ถือว่ามาทั้งที Triumph เองก็ใจดีพาเราเที่ยว ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ได้มีเรื่องมาเล่าให้พี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ได้อ่านกันครับ วัฒนธรรม อาหาร การเป็นอยู่แตกต่างจากฝั่งเอเชีย พอสมควร แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผม เพราะในการมาครั้งนี้ ผมพร้อมจะเปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ๆ และพร้อมที่เทสต์รถใหม่อย่าง Triumph Tiger 800 ตัวใหม่ด้วยครับ เช้ารุ่งขึ้นเราขึ้นเครื่องออกเดินทางไปยังเมือง Marrakesh โดยใช้เวลา 3 ชั่วโมง ถือว่าห่างกันไม่มากแต่เสียเวลากับตม.หรือด่านตรวจคนเข้าเมืองนานพอสมควร แต่เราก็ผ่านมาได้ด้วยดี ใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง ออกจากสนามบินได้ก็เกือบทุ่มนึง อากาศที่นั่นค่อนข้างหนาว พอเรามาถึงโมร็อกโก ทางการฝรั่งเศสก็ประกาศเตือนพายุหิมะ ซึ่งถือว่าโชคดีมากๆ เพราะถ้ารุนแรงมากเรา ออกจากที่พักไม่ได้ สถานที่ท่องเที่ยวไม่เปิด ถนนปิด ทำไรไม่ได้เลย นั่งดูหิมะอย่างเดียว แต่ที่นี่ก็มีประกาศเหมือนกัน โดยทางการของเมืองก็ประกาศว่า จะมีหิมะตกกลางทะเลทรายเป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปี แม่เจ้า อะไรจะขนาดนั้น แต่ก็อดคิดถึงความปลอดภัยของพรุ่งนี้ไม่ได้ เปิด Intragram เลื่อนๆ ไปเจอของนักทดสอบ SuperBike Magazine UK นั้นก็คือ John Hogan ที่มาทำการทดสอบก่อนนักทดสอบไทยไม่กี่วัน บอกในนั้นว่า มีหิมะตกทำให้เราเชื่อได้แน่นอนว่าตกจริง เรานั่งรถออกจากสนามบิดไปซักพักก็มีฝนตกลงมา สภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจเท่าไร แต่เราก็ต้องดูสถานการณ์กันต่อไป เรานอนพักกันในเมืองอีก 1 คืนครับก่อนที่จะได้ทดสอบในวันรุ่งขึ้น

ในตอนเช้าเราก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังโรงแรม Couleurs Berberes ซึ่งเป็นที่จัดงานในครั้งนี้ ใช้เวลาเดินทางไปราว 1 ชั่วโมง อากาศดี ฟ้าเปิด แสงแดดสวยงาม เรียกได้ว่าฟ้าเป็นใจจริงๆ ครับวันนี้ ผมจะได้ทดสอบร่วมกับพี่น้องสื่อชาวไทยและบราซิล โดยจะสลับกันไปเรื่อยจนครบทั่วโลกครับ เพราะในการทดสอบครั้งนี้ คือ Triumph Tiger 800 Press Test Ride at Morocco ถือว่าเป็นเป็นการทดสอบครั้งยิ่งใหญ่ระดับโลก และได้พามาทดสอบนอกประเทศด้วย (ปกติจะขี่ทดสอบกันในอังกฤษ) แน่นอนว่าตอนนี้ทุกอย่างเป็นใจ เราเองก็แต่งตัวพร้อมลุยกันตั้งแต่ออกจากโรงแรมมาเลยครับ มาเพื่อสิ่งนี้ หลังจากฟังบรี๊ฟประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็จะได้ทดสอบรถทั้ง 2 รุ่นซึ่งก็คือ Tiger 800 XCA Tiger 800 XRT ที่เรียกได้ว่าเป็น All New Tiger ที่เปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้านี้หลายส่วนเลยทีเดียว

ไฮไลท์ของรถ

เรามาเริ่มกันที่ Tiger 800 XCA กันก่อนเลยดีกว่าครับ หลักๆ ก็คือมาพร้อมเครื่องยนต์เฉพาะแบบ 3 สูบเรียงของ Triumph ขนาด 800 ซีซี ที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจ เคลมแรงม้าสูงสุดมาที่ 95 แรงม้าที่ 9,500 รอบ โดยจะโดดเด่นในเรื่องของเทคโนโลยีและระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ  โดยมีโหมดการขับขี่ให้เลือกมากถึง 6 โหมด ได้แก่ Road, Rain, Sport, Off-Road และ Rider และเพิ่มโหมดการขับขี่ Off-Road Pro แบบใหม่ ที่ทางค่ายบอกว่าไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน ปุ่มสวิตช์ที่แฮนด์บังคับเลี้ยวและจอยสติ๊กควบคุม 5 ทิศทาง ซึ่งมาพร้อมกับปุ่มกดแบบแบ็กไลท์ที่ช่วยให้ใช้งานกลางคืนง่ายยิ่งขึ้น มีระบบสัญญาณไฟ LED เฉพาะตัวที่โดดเด่น รวมถึงไฟตัดหมอกแบบ LED ชุดแม่ปั๊มเบรกหน้ามาตรฐานสูงของ Brembo พร้อมกับ ระบบ ABS หน้าหลัง ระบบคันเร่งไฟฟ้า ระบบครูซคอนโทรล แทร็คชั่นคอนโทรล ระบบแอสซิสต์และสลิปเปอร์คลัทช์ อุ่นมือและอุ่นเบาะจากโรงงาน ที่นั่งปรับความสูงได้ 2 ระดับ มีช่องเสียบไฟขนาด 12 โวลต์ พร้อมช่องเสียบ USB เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง

มาต่อกันที่รูปลักษณ์กันบ้าง โดดเด่นมากขึ้นด้วย แผงหน้าปัดเรือนไมล์ TFT แบบ Full Color ขนาด 5 นิ้ว ชิลด์หน้ารถแบบปรับความสูงได้ 5 ระดับ และตัวกระจายลม (Aero Diffuser) เพื่อการป้องกันลมเพิ่มเติม ด้านเทคโนโลยีจัดเต็มด้วย ระบบกันสะเทือนที่มีระยะยุบตัวสูงเพื่อการขับขี่แบบออฟโร้ดจาก WP ทำให้มีความสูง 840-860 มิลลิเมตร พร้อมลุยทุกเส้นทางด้วยยางหนามพร้อมล้อหน้าซี่ลวดขนาด 21 นิ้ว และล้อหลังซี่ลวดขนาด 17 นิ้ว ถังน้ำมันขนาดใหญ่ที่มีความจุ 19 ลิตรที่ช่วยให้เดินทางไกลหายห่วง

มาต่อกันด้วย Tiger 800 XRT ถ้าให้อ่านกันง่ายๆ เลย มันก็จะคล้ายๆ กับตัว XCA จะแตกต่างกันตรงที่เป็นรถเน้นทางดำมากกว่า ขนาดของล้อหน้า 19 นิ้ว และล้อหลัง 17 นิ้วและใช้ล้ออลูมิเนียม มีโหมดการขับขี่เหมือนกันแทบจะทั้งหมด ยกเว้น Off-Road Pro (จะมีแค่ใน XCA) ส่วนความสูงจะสูงน้อยกว่า 810-830 มม. เครื่องยนต์ก็จะเป็นเครื่องเดียวกันเลย ดังนั้นจะเห็นได้ว่าจะต่างกันที่ช่วงล่างและโหมดการขับขี่เป็นหลัก ก็คือแยกกันเป็นเน้นทางฝุ่นกับเน้นทางดำตามลำดับ

ออกลุย

เราทราบถึงข้อมูลรถกันไปแล้ว คราวนี้ได้เวลาออกลุยกันแล้ว ผมได้อยู่กลุ่มที่ 2 โดยกลุ่มแรกจะเป็น สื่อจากบราซิล ที่ได้ออกตัวไปก่อนหน้านี้ เราต้องออกไปทดสอบบนเส้นทางที่ไม่มีใครเคยสัมผัสมาก่อนเลยทั้งสื่อไทยและเทศ อากาศหนาวเย็นผิดความคาดหมายทำให้ต้องไปเสริมเลเยอร์ของเสื้อเพิ่มอีก 1 ชั้น แต่เรื่องของมือและก้นนั้นไม่กลัวหนาว เพราะมีอุ่นมือและอุ่นเบาะช่วยเอาไว้ เรียกว่าได้โอกาสทดสอบไปด้วยในตัว คันแรกที่ผมได้รับมาก็คือเจ้า XCA สัมผัสแรกคือ ความสูงของรถ ค่อนข้างสูงเลยสำหรับผม ผมก็เลยปรับเบาะลงมาหน่อย อีกระดับนึง ปรับชิลด์หน้าลงมาที่ระดับ 3 ซึ่งพอดิบพอดีกับตัวผม ปรับอุ่นมือ อุ่นเบาะ ปรับก้านคลัทช์ให้พอดี เพื่อให้พร้อมจะลุยออกไป

DCIM100GOPROGOPR0723.JPG

เส้นทางการทดสอบของที่นี่มีวิวที่ชวนให้ละสายตาไปจากท้องถนนอยู่ตลอด แบบว่าสวยติดตาผมไปจนตาย มันสวยมาก มองไปทางไหนก็าวย มีทั้งเป็นภูเขา ทะเลทราย แถมมีหิมะบนยอด แต่ตัวถนนกลับไม่สมกันเลย มันมีทั้งหลุม ทั้งบ่อ มีโคลน ทราย หินร่วน เป็นระยะๆ แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคอะไรเลย ผมรู้สึกว่ามันเป็นเหมือนด่าน เป็นเกมให้เราทดลองไปเรื่อยๆ ตลอดทาง มาทดสอบช่วงล่างกันก่อนเลยกับ XCA ช่วงล่าง WP ผมขี่สลาลมไปตลอดทาง ผมรู้สึกได้ว่าของดีมันเป็นแบบนี้นี่เอง มันจิก ดูดพื้นทุกการโยกไปมาแรงๆ ซับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าช่วงล่าง WP ทำให้ผมประทับใจมากๆตัวเครื่องยนต์ 800 ซีซี มาพร้อมกับคันเร่งไฟฟ้านั้นตอบสนองได้ดีมาก เรียกได้ว่าดั่งใจเลยละครับ

ผมลองใช้โหมด Off Road Pro ด้วยความอยากลองของใหม่ที่พัฒนามาพร้อมกับ Tiger ตัวนี้ มันให้ความรู้สึกเหมือนเสือหนุ่มที่พร้อมจะกระโจนใส่เหยื่ออยู่ตลอดเวลา เส้นทางที่ทางมาร์แชลได้จัดเตรียมไว้ให้ถือว่าทำการบ้านมาดีมากๆ เส้นทางสูงชันขึ้นไปเรื่อยๆ ขณะที่เราวิ่งไปทางทิศใต้ของเมือง เป็นเส้นทางที่เดาอะไรไม่ได้เลย มีตั้งแต่ลัดเลาะผ่านไร่มะกอก หมู่บ้าน โรงเรียน ในเมือง ในขณะที่ระดับความสูงของถนนจากน้ำทะเลก็เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ เส้นทางก็คดเคี้ยวมากขึ้นเนื่องจากขึ้นเขา จากข้างทางที่มีสีน้ำตาลของดินและทราย กลายเป็นสีขาวของหิมะที่ปกคลุมสองข้างทาง จอ Full LED ขึ้นแจ้งเตือนหิมะ อุณหภูมิตกลงเหลือ -2 องศา หิมะที่ละลายไหลลงมาที่ถนนก็แข็งตัวเป็นน้ำแข็ง ถ้าวิ่งเข้าไหล่ทางจะลื่นทันที ผมจำต้องจอดรถเพื่อเปลี่ยนโหมดการขับขี่ไปที่ Rain ไม่สามารถเปลี่ยนตอนขี่ได้ (ต้องจอดรถเฉพาะตอนเปลี่ยนไปใช้หรือเปลี่ยนกลับจากโหมด Off Road – Off Road Pro เท่านั้น) ส่วนโหมดอื่นสามารถเลื่อนปุ่มจอยสติ๊กเปลี่ยนได้เลย เราก็ขี่ไปเรื่อยๆ ยืนพื้นราวๆ 100-120 กม./ชม. ต้องระวังตลอดทาง เพราะสองข้างทางมีเด็กๆ ออกมาปั้นลูกบอลหิมะเล่นกัน บางคนปาใส่เราด้วย ต้องคอยโยกหัวหลบกันไป เส้นทางที่เราใช้ทดสอบนั้นก็จะวนอยู่รอบๆ แคมป์ละครับ แค่อ้อมภูเขาลูกนึงเท่านั้น พอลงจากภูเขาลูกนี้ได้บรรยากาศก็คล้ายๆ กับว่าฝนจะตก เรามาถึงแคมป์ก็เที่ยงๆ พอดี กินข้าวเติมพลังกันหน่อย เพราะช่วงบ่ายเราจะสลับรถ ไปขี่ Tiger 800 XRT กันบ้าง กินมื้อเที่ยงเสร็จ เราก็มาเดินๆ ดูรอบๆ รถโฉมใหม่อีกครั้งเพื่อลงลึกในรายละเอียด ไฟหน้าแบบ LED ใหม่นี้ก็เท่ไม่เบาดูไปดูมาคล้ายตาของกบ ไฟเดย์ไลท์ส่องสว่างดี เท่มากครับ

สลับรถกันเป็นที่เรียบร้อย XRT เป็นล้ออลูมิเนียมกับยางที่เน้นไปทางออนโร้ดมากขึ้น ทางออกจากแคมป์เป็นโคลนหน่อยๆ รถก็เลยมีอาการปลิ้นๆ นิดๆ พอขึ้นทางลาดยางนี้เหมือนเป็นคนละคันเลย คงไม่ต้องพูดถึงเครื่องยนต์ ละครับ เหมือนตัว XCA  เลยครับ อัตราเร่งดี สนุก เกียร์เข้าได้ง่ายมากๆ ไม่มีว่าว หรือจะใช้เอ็นจิ้นเบรคช่วยก็ไม่มีอาการสะบัดหรือ ส่ายไปมา เหมาะแก่สายทัวริ่งในบ้านเรามากๆ ครับ ช่วงล่างที่ติดรถมาถือว่าดีพอสมควร แต่ก็ยัง สู้ WP ไม่ได้นะครับ ต้องยอมเขาเลยเรื่องช่วงล่าง (XRT ไม่ได้ใส่ระบบกันสะเทือน WP มาให้) เส้นทางการขับขี่ในช่วงบ่ายเหมือนจะเน้นโค้งมากขึ้น เพราะทุกคนเริ่มปรับสภาพได้แล้ว ผมทำความเร็วไล่ตามมาร์แชลจนไปอยู่ที่ราวๆ 170 กม./ชม. ถือว่าเร็วเลยละครับ พับโค้งถือว่ายังทำได้ดี เครื่องยนต์ให้อัตราเร่งดี ทำความเร็วขึ้นเขาได้สบายๆ รอบนี้ผมเปิดโหมด Rain มาเลยครับ แทร็คชั่นคอนโทรลทำงานแบบเต็บระบบ แบบว่าป้องกันไว้ก่อนครับ ถ้ารถมีอาการลื่นหรือไถลจนเซ็นเซอร์กล่อง ECU จับอาการได้ มันจะสั่งตัดกำลังจากเครื่องยนต์ทันที ลองแล้ว ECU ไวมากและก็สั่งการตัดกำลังแบบละเอียดมาก เพราะถ้าอยู่ในโค้งตัดกำลังแบบไม่ได้จังหวะ หรือตัดกำลังแบบวูบไปเลยอาจทำให้เราล้มได้ หรือไม่สามารถเปิดคันเร่งออกจากโค้งได้ ทำให้ล้ม แต่การทำงานของแทร็คชั่นคอนโทรลของ All New Tiger 800 สามารถตัดกำลังได้อย่างละเอียดแค่เพียงเสี้ยววินาที จริงๆครับ ปลอดภัยหายห่วง

เรามาจอดกันที่ตีนเขาลูกนึง สีแดงๆ ดินแดงเต็มไปหมด คิดในใจ โดนละ โดนพามาเชือดแน่ๆ ทางมาร์แชลบอกว่า ให้เปลี่ยนเป็นโหมด Off Road เพราะเราจะขึ้นภูเขาลูกนี้กัน สองข้างทางเป็นเหว มีแอ่งน้ำนองบนถนน ถนนเลนเดียว และมีรถสวน ผมบ่นออกไปนี่ขับ XRT นะ จะไปรอดหรอ มาร์แชลบอกได้สิ มี Off Road เหมือนกัน ทันใดนั้นท่านพี่เล่นขี่ออกตัวไปเลยจ้า เอาวะๆ ตามๆ เราเป็นคันที่ 2 คันแรกนำไปคิดว่าไม่น่ามีปัญหา ลองๆ เปิดคันเร่งดู เออว่ะ ไปได้ แต่ก็มีเสียวๆ ตอนที่รถสวนมานิดหน่อย ดินกับก้อนหินด้านบนเขามีแอบไหลลงมาบ้าง  เข้าโค้งไปอยู่ดีๆ ไปเจอน้ำที่นองอยู่ในโค้ง ทำเอาต้องเบรคกะทันหัน แต่ก็ไม่มีปัญหา ระบบเบรคจาก Brembo คู่กับ ABS ทำให้ผมรอดมาเขียนได้จนถึงวันนี้ สนุกมากๆ ครับ ขากลับบอกมาร์แชล ขอขึ้นภูเขาอีกรอบนึง แล้วขอจอดถ่ายรูปตรงหิมะด้วย มาร์แชลใจดี พาเราขึ้นอีกรอบ เออลืม ภูเขาลูกนี้ชื่อ Altas Moutain เพื่อใครอยากมาเที่ยวที่นี้ สวยงามมากๆ ครับ ต่อๆ เส้นทางเดิม หิมะตกหนักขึ้น อากาศเย็นจัดจนกล้องค้างใช้ไม่ได้ ถ่ายอะไรไม่ค่อยจะได้เท่าไร แต่ผมอยากจะบอกว่า เปิดโหมด Rain แล้วขี่ขึ้นมาบนภูเขาลูกนี้ที่พื้นถนนถูกเคลือบโดยฟิลม์น้ำแข็ง มันช่วยได้เยอะมากๆ ระบบทำงานได้ละเอียดสามารถเปิดคันเร่ง เชนเกียร์ ได้อย่างนิ่มนวล ไม่แพ้ XCA เลย

เรากลับมาถึงแคมป์ช่วงเย็น ถึงเป็นกลุ่มสุดท้ายเพราะว่าเรามัวแต่ไปจอดถ่ายรูปเล่นบนภูเขาอยู่ ทำไงได้ละครับ ทำไงได้ก็ที่ไทยมันไม่มี พอได้มาขี่คันนี้ผมก็รู้สึกได้ว่าเดี๋ยวนี้ มอเตอร์ไบค์ระดับกลางนี่ทำได้ดีขนาดนี้เลยหรือนี่ ขี่รถก็ไม่ต้องกลัวจะลื่นล้ม หนาวก็มีอุ่นมือ อุ่นเบาะ คันเร่งไฟฟ้าก็ช่วยให้ควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้น ช่วงล่างนุ่มหนึบ รูปทรงตามหลักอากาศพลศาสตร์ เข้าแคมป์มากิน เมนูทาจินซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีไก่อบโอลีฟกับขนมปัง โอ๊ย อยากกลับบ้านละ นึกถึงกะเพราไข่ดาว พอถึงแคมป์ฝนตกหนักเลยครับ เรียกได้ว่ารอดแบบฉิวเฉียด ถือว่าวันนี้ได้ภาพสวยๆ มาฝากแฟนๆ ชาว SuperBike Magazine ก็พอใจแล้วครับ….

สุดท้ายนี้ไม่ต้องห่วงผม เดียวผมก็บินไปปารีสแล้วก็ต่อเครื่องกลับประเทศไทยแล้วครับ ตอนนี้หิมะตกที่ปารีสหนักเลยครับ ส่วนตัวผมอยู่บนน่านฟ้าอินเดียแล้ว เจอกะเพราไก่ไข่ดาว ในส่วนของตัวรถ All new Tiger 800 XCA และ XRT ถ้าคุณเป็นสายลุย อยากจะลุยแนะนำให้ไป XCA ได้เลย ไม่ต้องกลัวผิดหวัง ส่วนใครที่คิดว่าขี่ถนนซัก 70% ของการขี่รถก็ลองดูตัว XRT แต่ถ้าอยากจะลุยนิดๆ หน่อยๆ ก็ยังมีโหมด Off Road ให้ได้ลิ้มลอง

และสุดท้ายจริงๆ ผมขอขอบคุณ Triumph Motorcycle Thailand ที่ให้โอกาส หมวกกันน็อคสไตล์ทัวริ่งสุดคูล SHOEI จาก Proshop Paddock และชุดขับขี่เท่ๆ Tech Touring 2018  จาก Alpinestars Thailand แต่อย่างไรก็ตาม หากท่านใดยังข้องใจ ลองไปทดสอบขับขี่ที่ตัวแทน Triumph ใกล้ๆ บ้านได้เลย ลองก่อนแล้วค่อยซื้อ แล้วคุณจะรัก Triumph Tiger 800

 

Specification – Triumph Tiger 800 XCA
ราคา 665,000 บาท

Engine

Type: 800 cc Liquid-cooled, 12 valve, DOHC, inline 3-cylinder

Bore x Stroke: 74.05 x 61.9 mm

Compression ratio: 11.3:1

Power (Claim): 95 hp @ 9,500 rpm

Torque (Claim): 58 lb-ft @ 8,050 rpm

Fuel System:  Multipoint sequential electronic fuel injection

Tranmission: 6 speed

Final Drive: Chain

Chassis

Frame:   Tubular steel trellis frame

Front Suspension: WP 43 mm upside down forks, with adjustable rebound and compression damping,220 mm travel

Rear Suspension: WP monoshock with remote oil reservoir, hydraulically adjustable preload, 215 mm rear wheel travel. Twin­sided, cast aluminum alloy

Brakes: (F) 2 x 305 mm floating discs, Brembo 2-piston callipers with ABS

(R) 255 mm disc, Nissin 1-piston caliper with ABS

Tyres: (F) Spoked, 90/90-­21

(R) Spoked, 150/70 R17

Geometry

Wheelbase: 1,545 mm

Seat Height: 810 – 830 mm

Dry Weight: 208 kg

Tank capacity: 19 l

Rider Aids

Traction Control, Riding Modes, ABS, Heat Grip & Heat Seat

 

Specification – Triumph Tiger 800 XRT
ราคา 645,000 บาท

Engine

Type: 800 cc Liquid-cooled, 12 valve, DOHC, inline 3-cylinder

Bore x Stroke: 74.05 x 61.9 mm

Compression ratio: 11.3:1

Power (Claim): 95 hp @ 9,500 rpm

Torque (Claim): 58 lb-ft @ 8,050 rpm

Fuel System:  Multipoint sequential electronic fuel injection

Tranmission: 6 speed

Final Drive: Chain

Chassis

Frame:   Tubular steel trellis frame

Front Suspension: Showa 43 mm upside down forks, with adjustable rebound and compression damping, 180 mm travel

Rear Suspension: Showa monoshock with hydraulically adjustable preload, 170 mm rear wheel travel

Brakes: (F) 2 x 305 mm floating discs, Brembo 2-piston callipers with ABS

(R) 255 mm disc, Nissin 1-piston caliper with ABS

Tyres: (F) 100/90-­19

(R) 150/70 R17

Geometry

Wheelbase: 1,530 mm

Seat Height: 810 – 830 mm

Dry Weight: 202 kg

Tank capacity: 19 l

Rider Aids

Traction Control, Riding Modes, ABS, Heat Grip & Heat Seat

รับชมกิจกรรมการขี่รถที่มีอีกมกมาย คลิก

- Advertisement -

บทความยอดนิยม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่