spot_img
spot_img
spot_img
spot_img

Royal Enfield Himalayan 450 อินเดียไม่ได้อร่อยแค่แกงกะหรี่

Royal Enfield Himalayan 450 อินเดียไม่ได้อร่อยแค่แกงกะหรี่

Royal Enfield Himalayan เป็นรถในอีกหนึ่งรุ่นโมเดลที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการรถผจญภัยมาโดยตลอด ด้วยการออกแบบที่เน้นความทนทาน สามารถวิ่งได้ทั้งในเมืองและเส้นทางนอกเมือง Himalayan รุ่นแรกประสบความสำเร็จในการเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการมอเตอร์ไซค์ที่สามารถพาท่องเที่ยวได้ทุกที่ทุกเวลา ล่าสุด Royal Enfield ได้เปิดตัวรุ่นใหม่ Himalayan 450 ที่มาพร้อมกับการพัฒนาและปรับปรุงที่ทำให้มันพร้อมสำหรับการผจญภัยที่ท้าทายมากยิ่งขึ้น 

ในบทความนี้ทาง SuperBike จะพาไปทดสอบการขับขี่ด้วยระยะทาง 120 กิโลเมตรในเส้นทางเขาใหญ่ มาดูกันว่า Himalayan 450 มีไรน่าสนใจบ้าง จะตอบโจทย์สายผจญภัยมากแค่ไหน เดี๋ยวเราไปหาคำตอบกัน

การออกแบบและสไตล์ตัวรถ

ยังคงสืบทอด DNA จากรุ่นเดิม หล่อเท่ตามสไตล์

Himalayan 450 ยังคงสืบทอด DNA การออกแบบจากรุ่นเดิม แต่ได้รับการปรับแต่งให้ดูทันสมัยและแข็งแกร่งมากขึ้น โครงสร้างที่ออกแบบให้ทนทานเหมาะสำหรับการใช้งานในเส้นทางลุย ตัวรถมีการปรับแต่งให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและสมดุลมากขึ้นในการขับขี่ พร้อมติดตั้งบาร์ป้องกันการชนไว้ที่ตัวถังรถทั้งสองด้าน เสริมด้วยเฟรมเหล็กแบบ “ทวินสปาร์” ที่ออกแบบใหม่ทั้งแข็งแรงและน้ำหนักเบา ส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมได้ง่ายขึ้นในทุกสภาพถนน ตัวรถออกแบบมาให้มีระยะความสูงจากพื้นถึงตัวรถที่สูงถึง 230 มม. หายห่วงเรื่องเส้นทางที่ยากจะไปถึง พร้อมลุยได้เต็มที่ 

อีกจุดเด่นคือระบบไฟ Full LED รอบคัน พร้อมไฟท้ายกับไฟเลี้ยวรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน โดดเด่น สว่างและชัดเจน ทำให้การขับขี่ในเวลากลางคืนหรือในสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยเป็นไปอย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น เเละหน้าจอทรงกลม TFT เต็มระบบ ประกับแฮนด์ดีไซน์ใหม่ พร้อมปุ่มควบคุมหน้าจอเเบบ Joy Stick ควบคุมหน้าจอเเละปรับโหมดสะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีชิลด์หน้าที่ใหญ่ขึ้นเพื่อช่วยลดแรงปะทะลม และถังน้ำมันขนาด 17 ลิตรที่เพียงพอสำหรับการเดินทางไกล เเละผจญภัยได้มากขึ้น 

Royal Enfield Himalayan 450
นุ่ม สบาย เหมาะแก่การขับขี่ทางไกล

เบาะนั่ง เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Himalayan 450 ได้รับการออกแบบให้มีความสูงพอเหมาะและนุ่มสบาย ทำให้เหมาะสำหรับทั้งการขับขี่ในเมืองและการเดินทางไกล เบาะนั่งนี้ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้ขับขี่ โดยปรับได้ที่ระยะ 825 มม. ถึง 845 มม. โดยรวมน้ำหนักทั้งคันจะอยู่ที่ 196 กิโลกรัม (รวมของเหลว) ซึ่งถือว่าหนักถ้าเทียบกับคลาสคู่เเข่ง 

เครื่องยนต์

Royal Enfield Himalayan 450
ขนาดความจุเครื่องยนต์ 452 ซีซี

หัวใจของ Royal Enfield Himalayan 450 หรือ “เชอร์ปา” เรียกตามชนเผ่าที่อาศัยตามเทือกเขาหิมาลัย โดยเครื่องยนต์มีความจุ 452 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งเป็นการอัพเกรดจากรุ่นเดิมที่ใช้เครื่องยนต์ 411 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ ความจุและกำลังที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้ Himalayan 450 มีความสามารถในการขับขี่ที่รวดเร็วและตอบสนองได้ดีกว่าเดิม เคลมเเรงบิด 90% ตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ 3,000 รอบ โดยสามารถผลิตกำลังได้ประมาณ 40 แรงม้าที่ 8,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 40 นิวตันเมตรที่ 5,500 รอบต่อนาที ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเร่งความเร็วได้ง่ายแม้ในสภาพถนนที่มีความท้าทาย เคลมความเร็วสูงสุดที่ 160+ Km/h เเล้วแต่สภาพถนน

ระบบเกียร์ 6 สปีด มาพร้อมระบบแอสซิสต์เเละสลิปเปอร์คลัตช์ ทำให้การขับขี่ทางไกลเป็นไปอย่างนุ่มนวลและประหยัดน้ำมันมากขึ้น ในขณะที่ยังคงมีแรงบิดเพียงพอสำหรับการปีนเขาหรือขับขี่ในเส้นทางขรุขระ เสริมด้วยระบบคันเร่งไฟฟ้า เพื่อการตอบสนองที่ดีขึ้น ขับขี่ได้สนุกมากขึ้น 

ช่วงล่างเเละระบบกันสะเทือน

Royal Enfield Himalayan 450

ระบบกันสะเทือน ของ Himalayan 450 ก็ถือว่าเป็นจุดที่ทำให้รถรุ่นนี้เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้า ด้วยโช้คอัพหน้าแบบ Up Side Down จาก Showa ขนาด 43 มม. ที่มีระยะยุบตัวสูงถึง 200 มม. และโช้คหลังแบบโมโนช็อคที่สามารถปรับระดับได้ตามความต้องการ มีระยะยืดยุบ 200 มม. เช่นเดียวกับโช้คหน้าช่วยให้รถสามารถขับขี่ได้อย่างนุ่มนวลทั้งในถนนเรียบและทางลุย ส่วนระบบเบรกเเละล้อ ให้ เบรกหน้ามาเป็น ดิสก์เบรกขนาด 320 มม. พร้อมคาลิเปอร์ ByBre ส่วนล้อหลัง ให้มาเป็น ดิสก์เบรกขนาด 270 มม. ล้อหน้าใช้ล้อซี่ลวดขนาด 21 นิ้ว และล้อหลัง 17 นิ้ว (แบบใช้ยางใน) ขนาด 90/90-21 ด้านหน้า และ 140/80-R17 ด้านหลัง

เทคโนโลยีและฟีเจอร์

Royal Enfield Himalayan 450
เห็นกลม ๆ แบบนี้แต่ใช้งานจริงดูชัดมาก

Himalayan 450 ให้หน้าจอแสดงผลแบบ TFT ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth ได้ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งาน GPS รับสายหรือฟังเพลงได้สะดวก ระบบนี้ยังมีฟีเจอร์ Turn-by-Turn Navigation ที่จะช่วยนำทางในการเดินทางไกล ๆ ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น  มาพร้อมโหมดการขับขี่ถึงสามโหมด ได้แก่  Eco, Performance (พร้อม ABS หลังเปิดใช้งาน) และ Performance (พร้อม ABS หลังปิดใช้งาน) เพื่อปรับการทำงานของรถตามสภาพถนน และช่วยในการขับขี่ในทางวิบาก  ระบบคันเร่งไฟฟ้า ระบบไฟส่องสว่าง Full LED พร้อมพอร์ตชาร์จไฟ USB-C 

Royal Enfield Himalayan 450 ฟีลลิ่งการขับขี่

Royal Enfield Himalayan 450
ขับขี่ง่าย ไม่สะท้าน

จากการทดสอบการขับขี่ระยะทางกว่า 120 กิโลเมตรตลอดทั้งวัน แสดงให้เห็นถึงความสมบุกสมบันและความสามารถในการลุยได้ดีในทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองเส้นทางดำหรือเส้นทางที่ท้าทาย เครื่องยนต์ ตัวรถให้ความรู้สึกที่มั่นคงและควบคุมง่าย แม้ว่าจะต้องขับขี่บนถนนที่เป็นหินหรือดินแข็ง Himalayan 450 ยังคงยอดเยี่ยมเเละทำได้ดีในการขับขี่ทางไกล การปรับปรุงเครื่องยนต์ใหม่ทำให้รถมีกำลังที่จะลุยทุกเส้นทาง เเรงบิดที่มาไว และทรงพลังขึ้น 

ฟีลลิ่ง เครื่องยนต์ 450 CC ที่ทรงพลังที่ให้เเรงบิดตั้งแต่ 3,000 รอบ ให้ความรู้สึกที่สนุกทุกครั้งที่บิด เพราะให้อารมณ์ความดิบ ๆ พร้อมที่จะทยานไปด้านหน้า ถึงไม่เเรงมากเพราะให้เเรงม้ามาที่ 40 ตัว แต่เป็นเครื่องยนต์ที่ขี่สนุก ทางดำ เดินทางไกลก็สบาย ทางลุยทางฝุ่นก็ไม่หวั่น ทางชัน ๆ มาเลยไม่มีกลัว มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ที่สามารถเลือกได้ ขี่ชิลด์ ๆ เดินทางท่องเที่ยว ก็ปรับโหมด Eco อยากซิ่งหน่อยก็ปรับโหมด Performance  หรือใครที่มือตึงๆ ขับขี่ลุยทางวิบาก ก็สามารถปิด ABS ที่ล้อหลังได้เลย โดยรวม ถือว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ปรับปรุงใหม่ได้ดีขึ้น มาก ๆ เมื่อเทียบกับ Himalayan โมเดลก่อนหน้านี้

Royal Enfield Himalayan 450
ขอถ่ายรถเท่ ๆ กับวิวสวย ๆ สักหน่อย

ช่วงล่างที่โดดเด่น เห็นได้ชัดเลยว่าช่วงล่างที่อยู่ในตัว Himalayan 450 ทำออกมาได้ดีมาก ๆ ระยะยืดยุบที่มากถึง 200 mm ทำให้ลุยฝ่าเส้นทางขรุขระ หลุมบ่อ ได้สบาย ๆ โช้คหน้า Showa 43 mm ไม่เลวเลยสำหรับการติดตั้งเเละเซ็ตค่าโรงงานมาให้ เเละด้วยขนาดล้อที่ให้มาในสไตล์รถแอดเวนเจอร์ทัวริ่งด้านหน้า 21 นิ้ว ด้านหลัง 17 นิ้ว ทำให้เจ้าคันนี้พร้อมที่จะไปกับคุณได้ทุกที่

จุดสังเกต ของ Royal Enfield Himalayan 450 ปัญหาหลักคือ น้ำหนักรถที่ยังคงรู้สึกว่าจะค่อนข้างไปทางหนักนิดหน่อย ด้วยน้ำหนักที่เคลมมา 196 กิโลกรัม เทียบกับรถไซส์กลาง อาจจะทำให้ควบคุมยากนิดนึง โดยเฉพาะสำหรับคนตัว เล็ก ไม่สูง อาจจะต้องทำความคุ้นเคยสักเล็กน้อย 

สีเเละราคาจำหน่าย

Kaza Brown ราคา 219,000
Slate Himalayan Slat ราคา 222,000 บาท
Hanle Black ราคา 226,000 บาท

 

ทั้ง 3 รุ่นย่อยมาพร้อมการรับประกัน 3 ปีไม่จำกัดระยะทาง / ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 3ปี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง / ฟรี ค่าเเรงเช็คระยะ 3 ครั้ง / ฟรี Welcome Gift 

คะแนนสำหรับรีวิวการทดสอบ

Design : 8.0/10 ปรับโฉมใหม่ หล่อเพรียวยิ่งขึ้น พร้อมลุยทุกเส้นทาง

Ergonomic : 9/10 นั่งสบาย เบาะไม่เล็กจนเกินไป เเละสามารถปรับระดับความสูง-ต่ำได้ หลังจากที่นั่งขับขี่ระยะทางไกล ๆ เเละเส้นทางวิบาก ยังไม่รู้สึกถึงอาการเมื่อย การวางเท้าสบาย ที่พักเท้ามีพื้นที่กว้าง บวกกับชิวหน้ามะรับดับที่สูงทำให้ขับขี่แล้ว ลมปะทะตัวไม่มาก

Engine : 8/10 รอบต้นออกตัวได้ดี ไม่กระชากรอบต้นมาเร็ว ด้วยเเรงบิดที่มาไว รอบกลางถือว่าไหล ๆ  รอบปลายขี่ได้เรื่อย ๆ ไม่เค้นความเร็วปลายเน้นขับขี่สนุกกับเครื่องยนต์เพียง 1 สูบ

Suspension : 9/10 โช้คหน้าเเละโช้คหลังเซ็ตมาดีมาก ๆ  ขี่เร็ว ๆ ลงหลุม ลงบ่อกรวด ไม่มีอาการโช้คยันเลยสักครั้ง ซับแรงกระแทกได้ดีไม่สะท้านหรือสั่นขึ้นแฮนด์ สายลุยไม่ผิดหวังเเน่นอน

Brake : 7/10 เบรกมีระยะเบรกที่ดี หนึบ ๆ มั่นใจ เบรกหลังดีไม่ผิดหวัง 

Type : 7.5/10 เหมาะสมกับการใช้งานทั้งเดินทางไกลทางดำรวมถึงการใช้งานในเมือง เเละลุย ๆ ได้นิดหน่อย ถ้าสายลุยเน้นทางวิบาก ทางผจญภัย แนะนำให้เปลี่ยนยางให้ตรงกับการใช้งานจะทำให้ขี่สนุกขี่ดีเพิ่มยิ่งขึ้น

OVERALL : 8.5/10 รถคันนี้ถูกออกแบบมาสำหรับนักผจญภัยที่จริงจัง ด้วยเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง ระบบกันสะเทือนที่ยอดเยี่ยม ความสูงจากพื้นถึงตัวรถที่มาก และฟีเจอร์ทันสมัยทำให้มันเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า สำหรับสายเดินทางระยะไกลและสภาพถนนที่ท้าทาย

สรุป

Royal Enfield Himalayan 450
ถนนเรียบก็ขี่ได้ไม่มีปัญหา

Royal Enfield Himalayan 450 กับการขับขี่ทดสอบ ระยะทางกว่า 120 กิโลเมตร มันเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การขับขี่แบบผจญภัยอย่างแท้จริง ด้วยสมรรถนะที่เพิ่มมากขึ้น ความทันสมัยของเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริม และการออกแบบที่ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกสะดวกสบายในทุกเส้นทาง รถคันนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหามอเตอร์ไซค์สำหรับการเดินทางไกลหรือการผจญภัยในทางวิบาก กับค่าตัวเริ่มต้น ที่ 216,000 บาท สำหรับท่านไหนที่อยากชมตัวจริงหรือ ทดลองขับขี่เจ้า Himalayan 450 ก็สามารถเข้าไปได้ที่ศูนย์บริการ Royal Enfield ได้ทุกสาขา ใกล้บ้านท่านได้เลย

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

- Advertisement -

บทความยอดนิยม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่