spot_img
spot_img
spot_img
spot_img

Royal Enfield Classic 350 เปิดตัวพร้อมจำหน่ายแล้วที่อินเดีย

Royal Enfield Classic 350 เปิดตัวพร้อมจำหน่ายแล้วที่อินเดีย

Royal Enfield Classic 350

ในโอกาสฉลองครบรอบปีที่ 120 นี้ รอยัล เอนฟิลด์ได้คิดค้นและสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่เป็นสัญลักษณ์ของตัวเองในมุมใหม่ ออกมาเป็น All-New Royal Enfield Classic 350 คลาสสิกเหนือกาลเวลาและปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นอีกขั้น

รอยัล เอนฟิลด์นั้นสร้างรถจักรยานยนต์ตามแบบฉบับของอังกฤษยุคหลังสงคราม ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบไปทั่วโลก สำหรับโมเดลนี้มีความเป็นมาย้อนไปได้ถึงปี 1948 ซึ่งทางค่ายมีรถสุดล้ำในช่วงเวลานั้นอย่าง Model G2 ซึ่งเป็นรุ่นโปรดักชันรุ่นแรกที่มีระบบกันสะเทือนหลังแบบสวิงอาร์ม ซึ่งทั้งสวยงามและมีสมรรถนะที่เชื่อถือได้ 

Model G2 จึงเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบโมเดล Classic 500 และ Classic 350 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งเปิดตัวในปี 2008 ด้วยปรัชญาการออกแบบที่เน้นความเรียบง่ายหาก แต่ดูสง่างามพร้อมรายละเอียดต่าง ๆ ที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสมผสานกับการขับขี่ได้สะดวกสบายและวางใจได้ด้วย เครื่องยนต์ UCE 

Royal Enfield Classic 350 นับตั้งแต่เปิดตัวรถในตระกูลคลาสสิค ก็ก่อให้เกิดการฟื้นคืนชีพของรอยัล เอนฟิลด์ โดยเริ่มก้าวเป็นผู้นำระดับโลกในเซกเมนต์นี้ และในอีก 12 ปีต่อมา หลังจากจำหน่ายไปแล้วมากกว่า 3 ล้านคัน ก็ถึงเวลาที่โมเดลใหม่นี้จะสานต่อตำนานบทนี้

 

ตัวรถมีดีไซน์แบบคลาสสิคเหนือกาลเวลา ด้วยการออกแบบใหม่ทั้งคัน ทำให้ดูสดใหม่ไม่ซ้ำกับรุ่นก่อน ๆ ให้กลิ่นอายรถจักรยานยนต์อังกฤษยุคหลังสงครามอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ โดดเด่นด้วยถังทรงหยดน้ำแบบ Casquette ที่เป็นซิกเนเจอร์สไตล์ของรอยัล เอนฟิลด์ และมีไฟหน้า รวมถึงไฟสัญญาณนำร่องแบบใหม่อีกด้วย

โมเดลใหม่นี้มีเบาะนั่งใหม่ที่กว้างขึ้นพร้อมเบาะรองนั่งบุด้วยโฟมนุ่ม นอกจากนี้ยังมาพร้อมแฮนด์แบบใหม่ นั่งขับขี่ได้นุ่มและสบาย แผงหน้าปัดแบบ digi-analog ใหม่ มีจอแสดงผล LCD ที่ทันสมัย มีจุดชาร์จ USB อยู่ใต้แฮนด์เพื่อความสะดวกในการชาร์จอย่างรวดเร็วขณะเดินทาง

Royal Enfield Classic 350

ตัวรถใช้เครื่องยนต์สูบเดียว 349 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ บล็อกเดียวกับของเจ้า Meteor ตัวเครื่องยนต์มีความนุ่มนวล ด้วยการจ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด ทางค่ายเคลมมาว่ามีกำลัง 20.2 แรงม้าที่ 6,100 รอบต่อนาที และแรงบิด 27 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งผลให้เกิดเสียงดังรบกวนน้อย ให้กำลังต่อเนื่องนุ่มนวล ส่งกำลังอย่างราบรื่น ทำให้การขับขี่สนุกและง่าย และด้วยเพลาบาลานเซอร์หลักที่ลดการสั่นสะเทือน ทำให้ Classic ใหม่ ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและมีทรงตัวดีบนท้องถนน 

กระปุกเกียร์ 5 สปีดที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษ ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างแม่นยำและราบรื่น และเพื่อความสุขไบค์เกอร์ ทางค่ายยังได้รักษาเสียงกระหึ่มของท่อไอเสียไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ชัดเจน

ตัวรถมีแชสซีที่ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ความคล่องตัวและแข็งแรงมากขึ้น ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการออกจากโค้ง และให้ความรู้สึกมั่นคงและยึดเกาะถนนได้ดี ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหน้าและด้านหลังได้รับการพัฒนาให้ขับขี่ได้นุ่มสบาย ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการใช้หลักการยศาสตร์ในการขับขี่ที่ดีขึ้นและการเบรกที่มั่นใจมากขึ้น Classic ให้ความรู้สึกคล่องตัวและตอบสนองได้ดี จึงมั่นใจได้ว่าประสบการณ์การขับขี่ในแต่ละครั้งจะเป็นประสบการณ์ที่ดีขึ้น

สำหรับโมเดลใหม่นี้จะมีให้เลือก 5 รุ่นย่อย ซึ่งมีรูปลักษณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจด้วยโทนสี 11 สี เริ่มด้วย Redditch series, the Halcyon series, the Classic Signals, the Dark series และ Classic Chrome

  • Classic Chrome series เป็นรุ่นพรีเมี่ยมที่โดดเด่น ชวนให้นึกถึงความคลาสสิคและความงามแบบรถอังกฤษนับตั้งแต่ปี 1950 มีให้เลือกในสีทูโทนสี คือ Chrome Red และ Chrome Bronze 

  • Classic Dark series เป็นรุ่นที่ให้ความรู้สึกทันสมัยในแบบฉบับชีวิตเมือง โดยมาในสี Stealth Black และ Gunmetal Grey และมาพร้อมกับล้ออัลลอยด์และยางแบบไม่มียางใน

Royal Enfield Classic 350

  • Classic Signals series มีให้เลือก 2 สีคือสี Marsh Grey และ Desert Sand ส่วนรูปลักษณ์จะให้กลิ่นอายของกองทัพ แต่ละคันจะมาพร้อมกับตราสัญลักษณ์และกราฟิก รวมถึงติดหมายเลขเฉพาะที่จะพิมพ์ลายฉลุบนถังน้ำมัน

Royal Enfield Classic 350

  • Halcyon series ตามชื่อคือการเฉลิมฉลองมรดกตกทอดของรุ่นคลาสสิคและสื่อถึงรูปลักษณ์คลาสสิกย้อนยุคอันรุ่งโรจน์ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Green, Grey และ Black

Royal Enfield Classic 350

  • Classic 350 Redditch series ได้รับแรงบันดาลใจจากความคลาสสิกที่แท้จริงในอดีตและมาพร้อมสีรถถัง ได้แก่ Redditch Grey และ Redditch Sage Green พร้อมชิ้นส่วนที่เป็นสีดำสนิท

 

ทั้งนี้ทุกรุ่นติดตั้งระบบเบรก ABS แบบดูอัลแชนแนล และดิสก์เบรกคู่ ยกเว้นรุ่น Redditch ที่มีระบบเบรก ABS แบบ 1 แชนแนล และดิสก์เบรกที่ด้านหน้า

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

 

- Advertisement -

บทความยอดนิยม