Home ข่าวมอเตอร์ไซค์ R1250R 2023 เน็กเก็ดขุมพลังบ็อกเซอร์ปรับโฉมใหม่ทันสมัยยิ่งขึ้น

R1250R 2023 เน็กเก็ดขุมพลังบ็อกเซอร์ปรับโฉมใหม่ทันสมัยยิ่งขึ้น

0

R1250R 2023 เน็กเก็ดขุมพลังบ็อกเซอร์ปรับโฉมใหม่ทันสมัยยิ่งขึ้น

สำหรับเน็กเก็ดโรดสเตอร์ขุมพลังบ็อกเซอร์อย่าง BMW R1250R 2023 ก็เป็นโมเดลล่าสุดจากทางค่ายที่ได้รับการปรับปรุงให้มีความสวยงามและทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยหลัก ๆ จะเป็นในเรื่องของดีไซน์ซะมากกว่า แต่ก็มีส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติมให้ทันยุคทันสมัยมากยิ่งขึ้น

เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ สำหรับส่วนที่เปลี่ยนไปในเรื่องของดีไซน์ก็จะเป็นในเรื่องของไฟหน้าที่ปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเป็น LED เต็มระบบ ตลอดไปจนถึงงเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ก็มีดีไซน์ใหม่ด้วยเช่นกัน และยังได้ดีไซน์ไฟเลี้ยว LED ใหม่อีกด้วย ซึ่งก็จะไปละม้ายคล้ายคลึงกับเน็กเก็ดไบค์รุ่นอื่น ๆ ของทางค่ายนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีในส่วนของครอบท้ายหรือตูดหมดดีไซน์ใหม่

สำหรับขุมพลังหลาย ๆ คนก็น่าจะคุ้นเคย มันคือขุมพลังบ็อกเซอร์ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของทางค่าย และยังเป็นเครื่องบล็อกเดียวกับของทาง R1250GS ซึ่งเป็นราชาฝั่งแอดเวนเจอร์ ซึ่งแน่นอนว่าการันตีเรื่องสมรรถนะได้เป็นอย่างดี โดยเครื่องจะเป็น 2 สูบนอนขนาด 1254 ซีซี ผ่าน Euro5 แล้ว แต่ยังให้กำลังแรงม้ามากถึง 136 แรงม้าที่ 7,750 รอบ และแรงบิดที่ 143 นิวตันเมตรที่ 6,250 รอบ พร้อมด้วยเทคโนโลยีชิฟต์แคมช่วยให้ตัวเครื่องยนต์มีกำลังดีในทุก ๆ ย่านความเร็วรอบ ตลอดไปจนถึงให้กำลังที่สมู้ท ต่อเนื่อง เงียบและประหยัดน้ำมันกว่าเดิม

ส่วนเรื่องของช่วงล่างนั้นก็ถือว่ามีการพัฒนาขึ้นมาในส่วนของระบบเบรก โดยระบบเบรกจะเป็นดิสก์เบรกหน้าคู่ร่วมกับคาลิเปอร์เบรกจาก Brembo แบบ 4 ลูกสูบ ด้านหลังเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวและคาลิเปอร์เบรกจาก Brembo แบบ 2 ลูกสูบ ซึ่งส่วนที่พัฒนาขึ้นมาคือระบบเบรกแบบ ABS Pro ซึ่งจะทำงานร่วมกับระบบไดนามิกเบรกคอนโทรล ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเวลาเบรกกะทันหันมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ในส่วนของระบบกันสะเทือนนั้นยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นโช้คหน้าแบบหัวกลับ ด้านหลังจะเป็นโช้คเดี่ยวที่สามารถปรับพรีโหลดและรีบาวด์ได้พร้อมกระเดื่องร่วมกับสวิงอาร์มเดี่ยว ส่วนล้อจะเป็นล้ออลูมิเนียมขนาด 17 นิ้วทั้งด้านหน้าและด้านหลังซึ่งจะเป็นดีไซน์ใหม่

สุดท้ายในเรื่องของเทคโนโลยีหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีมาให้พอสมควร แม้ไม่จัดเต็มเท่าโมเดลเรือธง แต่ก็ถือว่าให้มาค่อนข้างมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอสี TFT ขนาดใหญ่ สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อใช้งานฟังก์ชั่นพื้นฐานต่าง ๆ ได้ และยังสามารถใช้งานระบบนำทางแบบเทิร์นบายเทิร์นได้ มีช่องจ่ายไฟแบบ USB มีรระบบโทรขอความช่วยเหลืออัตโนมัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินมาให้ด้วยเลย (บ้านเราน่าจะยังไม่ได้ใช้ฟังก์ชันนี้)

ยังมีระบบช่วยเหลือการขับขี่อื่น ๆ เช่น ระบบไดนามิกแทร็คชันคอนโทรล โหมดการขับขี่ที่ 3 โหมด พร้อมโหมดใหม่อย่าง ECO โหมด ช่วยให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น

ส่วนสนนราคาวางจำหน่ายนั้นเริ่มต้นที่ 15,350 ยูโรหรือคิดเป็นเงินไทยก็ราว ๆ 570,000 บาท หากมาจำหน่ายในไทยราคาก็น่าจะกระโดดขึ้นไปอีกพอสมควรล่ะครับ งานนี้ใครชอบเน็กเก็ดและชอบบ็อกเซอร์โมเดลนี้จัดเป็นทางของคุณแล้วล่ะครับ

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Exit mobile version