Home New Bike NINJA ZX-4RR ซูเปอร์สปอร์ต 4 สูบเรียงเสียงหวานจากค่ายเขียว

NINJA ZX-4RR ซูเปอร์สปอร์ต 4 สูบเรียงเสียงหวานจากค่ายเขียว

0
NINJA ZX-4RR

NINJA ZX-4RR 2023 ซูเปอร์สปอร์ต 4 สูบเรียงเสียงหวานจากค่ายเขียว

เปิดตัวกันสักที แต่ไปเปิดกันไกลถึงอีกฝากโลกนึงเลยทีเดียว กับเจ้า Kawasaki Ninja ZX-4RR 2023 ซูเปอร์สปอร์ต 4 สูบเรียงเสียงหวานที่แฟน ๆ นักบิดชาวไทยชื่นชมนิยมกันเป็นนักหนา โดยเปิดตัวมาในโฉม KRT Edition หรือลวดลายทีมแข่งคาวาซากิเรซซิ่งทีมจากรายการ WorldSBK นั่นเอง

ไฟหน้าคู่ LED ที่ให้ทัศนวิสัยแจ่มชัด

ไฟท้าย LED นั้นมาพิมพ์เดียวกับพี่ใหญ่

สำหรับดีไซน์ก็กลมกลืนแนบเนียนไปกับพี่ใหญ่เรือธงสายสปอร์ตอย่าง ZX-10RR ไม่ต่างอะไรกันมากนักหากไม่สังเกตดี ๆ เรียกได้ว่าน่าจะถูกใจนักบิดสายสปอร์ตแต่งบประมาณไม่เอื้ออำนวยกับรุ่นใหญ่ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะจะได้ความหล่อที่ใกล้เคียงกันมากเลยทีเดียว โดยยังโดดเด่นที่ไฟหน้าคู่ LED ที่ให้ทัศนวิสัยแจ่มชัด ส่วนไฟเลี้ยว LED ด้านหน้าเองก็จะบิลต์อินเข้าไปในแฟริ่งเลย ส่วนไฟท้าย LED นั้นมาพิมพ์เดียวกับพี่ใหญ่เลย

เครื่องยนต์บล็อกใหม่ 4 สูบเรียง

คอท่อทั้งสี่จัดเรียงกันอย่างมีเหตุผล

 

ส่วนของเครื่องยนต์ที่เป็นไฮไลต์ของโมเดลนี้ก็คือเครื่องยนต์บล็อกใหม่ 4 สูบเรียงระบายความร้อนด้วยน้ำขนาด 399 ซีซี 4 วาล์วต่อสูบ ซึ่งออกแบบมาโดยใช้ฟีดแบ็กจากลูกค้าที่ขับขี่รถในตระกูลนินจาซูเปอร์สปอร์ต ทำให้โมเดลนี้เป็นรถรอบจัด คันเร่งไว ขณะเดียวกันก็มีแรงบิดในรอบต่ำและกลางมากพอที่จะขับขี่ในเมืองได้สะดวก แต่ก็ไม่ทิ้งพละกำลังในรอบสูง ๆ ให้มันส์ไปกับการขับขี่ในสนาม พร้อมกับเสียงคำรามที่รับรองว่าโดดเด่นและถูกใจนักบิดอย่างแน่นอน

แรมแอร์ที่ด้านหน้า

ยังมีทีเด็ดที่แรมแอร์ที่เป็นจุดขายเด่นของเจ้านินจาที่อยู่บริเวณตรงกลางด้านหน้าของตัวรถที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์โดยมีลักษณะคล้ายกับของ H2 เลยทีเดียว ซึ่งจะเพิ่มอากาศเข้าไปยังแอร์บ็อกซ์ได้มากขึ้น ตลอดไปจนถึงช่วยระบายความร้อนอีกด้วย

อย่างไรก็ดีทางค่ายยังไม่ได้มีการเปิดเผยตัวเลขกำลังแรงม้า แต่ก็คาดการณ์กันว่าจะไม่ต่ำกว่า 70 แรงม้า ขณะที่แรงบิดนั้นเคลมมาที่ 35.25 นิวตันเมตร โดยจะใช้น้ำมันจากถังขนาด 15 ลิตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ 6 สปีด ที่มาพร้อมกับควิกชิฟเตอร์แบบ 2 ทางและแอสซิสต์และสลิปเปอร์คลัตช์ ช่วยให้การเข้าเกียร์ทำได้ง่ายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

 

โช้คหัวกลับ SFF-BP

โช้คเดี่ยว BFRC Lite

ในส่วนของแชสซีทางค่ายเลือกใช้เฟรมถักที่ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจากแชสซีของรถแข่ง WorldSBK ให้มีน้ำหนักเบา และจากขนาดที่เล็กและแม่นยำของมัน ทำให้ขับขี่ได้เข้าโค้งได้ดีและเร้าใจ ระบบกันสะเทือนจาก Showa ด้านหน้าจะเป็นโช้คหัวกลับ SFF-BP ขนาด 37 ม.ม. ที่สามารถปรับสปริงพรีโหลดได้ ขณะที่ด้านหลังจะเป็นโช้คเดี่ยว BFRC Lite พร้อมซับแทงค์ที่สามารถปรับคอมเพรสชัน รีบาวด์และพรีโหลดได้ โดยทำงานร่วมกับกระเดื่องและสวิงอาร์ม เพื่อให้คุณสามารถปรับแต่งให้เข้ากับตัวคุณและสไตล์การขับขี่ได้มากที่สุด

ดิสก์เบรกคู่ขนาด 290 ม.ม.

ดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 220 ม.ม.

ขณะที่ระบบเบรกด้านหน้าก็จะเป็นดิสก์เบรกคู่ขนาด 290 ม.ม. พร้อมคาลิเปอร์เบรกโมโนบล็อกเรเดียลเมาท์ 4 ลูกสูบการันตีพลังเบรกที่ยอดเยี่ยม ขณะที่ด้านหลังเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 220 ม.ม. พร้อมคาลิเปอร์เบรกแบบลูกสูบเดี่ยว และแน่นอนว่าพร้อม ABS จากทาง Nissin ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนเรื่องของล้อนั้นจะเป็นล้ออลูมิเนียมแบบ 5 ก้านรูปดาวรัดด้วยยางขนาด 120/70 ZR17 และ 160/60 ZR17 หน้าหลังตามลำดับ

ต่อกันที่เรื่องของระบบอิเล็กทรอนิกส์ก็ถือว่าให้มาค่อนข้างพอตัว เริ่มต้นกันที่แทร็คชันคอนโทรล 3 โหมดและปิดเปิดได้ พาวเวอร์โหมด หรือโหมดควบคุมกำลังเครื่องยนต์ 2 โหมด ไรดิ้งโหมด 3 โหมดหลักได้แก่ Sport, Road และ Rain พร้อมโหมด Rider ที่สามารถปรับตั้งได้เองอีก 1 โหมด

 

หน้าจอเรือนไมล์สีขนาด 4.3 นิ้วที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ผ่านแอพพลิเคชัน Rideology The App ช่วยให้สามารถแสดงผลข้อมูลตัวรถ บันทึกเส้นทางการเดินทาง แจ้งเตือนสายเรียกเข้าและอีเมลบนหน้าจอ และปรับแต่งข้อมูลการแสดงผลหน้าจอเรือนไมล์ผ่านสมาร์ทโฟนได้สะดวก ตลอดไปจนถึงโหมดแสดงผลแบบ Circuit โหมดที่ช่วยแสดงเวลาแล็ปและข้อมูลเกี่ยวกับแทร็กเหมาะสำหรับการขับขี่ในสนาม

สุดท้ายนี้เรื่องของการจำหน่าย ตอนนี้ยังมีแค่สีสันเดียวคือสีทีมนี่ล่ะครับ ส่วนราคาจำหน่ายนั้นอยู่ที่ 9699 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยก็อยู่ที่ราว ๆ 318,000 บาท คาดว่าเมื่อจำหน่ายในไทยคาดว่าน่าจะอยู่ที่สามแสนปลาย ๆ และก็น่าจะเข้ามาจำหน่ายในช่วงปลายปีนี้ งานนี้นักบิดสายเขียวที่ไม่ใช่สมุนไพร น่าจะได้เฮกันก็คราวนี้ล่ะครับ

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Exit mobile version