Moto Guzzi V7 Stone Corsa ตัวเป็นคลาสสิกไบค์แต่ใจมันเป็นสปอร์ต
เปิดเผยโฉมหน้าโมเดลใหม่อีกครั้งสำหรับแบรนด์รถสัญชาติอิตาเลียนที่มีอายุอานามกว่า 70 ปี กับ Moto Guzzi V7 Stone Corsa ซึ่งยังคงเอกลักษณ์และความโดดเด่นไม่เหมือนใครไว้ได้เป็นอย่างดี แต่ครั้งนี้ถูกตีความใหม่เพิ่มความเป็นสปอร์ตเข้าไปในโมเดลที่สุดแสนจะคลาสสิกระดับตำนาน ในแบบที่น่าจะถูกใจชาว Guzzisti ทั่วโลก
เจ้าสโตนคอร์ซ่าคันนี้ขับเน้นความเป็นสปอร์ตออกมาด้วยเส้นสายที่ลื่นไหลจากแฟริ่งด้านหน้ามายันเบาะนั่งแบบตอนเดียวที่ดูเหมือนสำหรับนั่งคนเดียวแต่จริง ๆ แล้วนั่งได้สองคน ให้ผู้ที่มองเห็นได้สัมผัสถึงกลิ่นอายความเป็นสปอร์ต แรงสั่นสะเทือนที่ส่งผ่านออกมาจากขุมพลังที่เป็นเอกลักษณ์ ความลุ่มหลงที่แฝงอยู่ภายในจิตวิญญาณกลับมาอีกครั้งนับตั้งแต่ปี 2019 กับรายการแข่ง Moto Guzzi Fast Endurance การแข่งขันที่ให้โอกาสนักบิดมากหน้าหลายตาได้มาแข่งขันกันในสนาม ได้สนุกไปกับรถวีเซเว่นที่ตัวเองเป็นเจ้าของ เผยให้เห็นถึงความซิ่งที่มีซุกซ่อนอยู่ในแบบที่หลาย ๆ คนคาดไม่ถึง
นอกจากนี้แล้วตัวรถยังมาในเฉดสีแบบทูโทนสื่อถึงยุคทองของการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ สีเทาเมทัลลิกมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นด้วยแถบสีแดงดุดันที่ถอดยาวตามขวางตลอดตัวรถตั้งแต่แฟริ่งด้านหน้า พาดยาวมายังถังน้ำมันด้านล่างและแผงแฟริ่งด้านข้าง
ตัวรถยังปรับมาใช้กระจกแบบปลายแฮนด์ที่ทำให้ดูปราดเปรียวและคล่องตัวมากขึ้น ฝาถังน้ำมันอลูมิเนียม CNC อะโนไดซ์สีดำ และเพื่อให้เข้ากันกับลุคแบบมินิมัลของโมเดลนี้ซึ่งเป็นจุดเด่นตามแบบฉบับของวีเซเว่นมาโดยตลอด ส่วนของโช้คหน้าก็มาแบบเปลือย ๆ ไม่มีปลอกยางกันฝุ่น แต่ไปมีเพลทบนแผงคอด้านบนเพื่อบ่งบอกความเป็นโมเดลพิเศษแทน
ส่วนเรื่องของสเปกนั้นไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป โดยยังคงเป็นเครื่องสองสูบวีวางขวางบล็อกเดิมที่มีขนาด 853 ซีซี ให้กำลังแรงม้า 65 แรงม้าที่ 6,800 รอบและแรงบิดสูงสุดที่ 73 นิวตันเมตรที่ 5,000 รอบ ระบบเกียร์ 6 สปีด ใช้เชื้อเพลิงจากถังน้ำมันขนาด 21 ลิตร
มีระบบกันสะเทือนที่เรียบง่าย ด้านหน้าเป็นโช้คเทเลสโคปิกขนาด 40 ม.ม. ด้านหลังเป็นโช้คคู่ปรับพรีโหลดได้ที่ทำงานร่วมกันกับสวิงอาร์มคู่ มีระบบเบรกหน้าเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 320 ม.ม. คาลิเปอร์เบรก Brembo 4 ลูกสูบ ด้านหลังเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 260 ม.ม. กับคาลิเปอร์เบรกแบบ 2 ลูกสูบ พร้อมระบบเบรก ABS ล้อจะเป็นล้ออัลลอยน้ำหนักเบา มาพร้อมกับยางขนาด 100/90-18” และ 150/70-17” หน้าหลังตามลำดับ
ขณะที่เทคโนโลยีนั้นไม่ได้มีอะไรมากนัก มีระบบไฟ LED และไฟ DRL เต็มระบบ หน้าจอดิจิทัล LCD ธรรมดาแต่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้
ส่วนเรื่องของการจำหน่ายนั้นยังไม่ได้มีการเปิดเผยตัวเลขราคา แต่ราคาก็น่าจะแพงกว่าโมเดลปกติอยู่เล็กน้อย หากประเมินจากราคาโมเดลที่จำหน่ายในไทยอยู่ที่ 649,000 บาท โมเดลนี้ก็น่าจะอยู่ที่ราว ๆ 6 แสนปลาย ๆ ครับผม
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก