Home ข่าวมอเตอร์ไซค์ Lucky Explorer 9.5 สายลุยรุ่นใหญ่จากค่ายรถหล่อ MV Agusta

Lucky Explorer 9.5 สายลุยรุ่นใหญ่จากค่ายรถหล่อ MV Agusta

0
Lucky Explorer 9.5

Lucky Explorer 9.5 สายลุยรุ่นใหญ่จากค่ายรถหล่อ MV Agusta

แอดเวนเจอร์รุ่นใหญ่จากทาง MV Agusta อีก 1 โมเดลจาก_Lucky Project Explorer นอกเหนือไปจากเจ้า 5.5 ที่เป็นแอดเวนเจอร์ระดับกลางพิกัด 554 ซีซี โดยเจ้า  Lucky Explorer 9.5 จะมีพิกัดใหญ่กว่าและมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากกว่าสมกับเป็นรุ่นใหญ่มากยิ่งขึ้น โดยมีพื้นฐานเป็นเครื่องยนต์ขนาด 931 ซีซีแบบ 3 สูบเรียงของทาง_MV Agusta

ดีไซน์ของตัวรถจะละม้ายคล้ายคลึงกับ 5.5 ในหลาย ๆ จุด แต่รุ่นใหญ่นี้ก็จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างที่ช่วยให้แยกแยะได้ไม่ยากนัก โดยจะมีไฟหน้าเป็นทรงเป็นเหลี่ยมและมีไฟเดย์ไทม์รันนิงไลท์เป็นเหมือนคิ้วอยู่ด้านบนไฟหน้า มีความดุดันและแตกต่างไปจาก 5.5 ที่เป็นแบบครึ่งวงกลมอยู่ด้านล่าง ซึ่งแน่นอนว่าระบบไฟทั้งหมดเป็น_LED เรียบร้อยแล้ว

หน้าปัดเรือนไมล์ของรถเป็นหน้าจอสี_TFT ขนาด 7 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อบลูทูธกับสมาร์ทโฟนและไฟไฟได้ แผงสวิตช์สำหรับควบคุมที่ประกับแฮนด์ก็ออกแบบมาโดยคำนึงถึงการใช้งานที่สะดวกและใช้งานได้โดยไม่ฝืนการยศาสตร์

ตัวรถยังมีองค์ประกอบที่สมกับเป็นแอดเวนเจอร์มาให้ครบครัน อาทิ การ์ดแฮนด์ การ์ดแผงหม้อน้ำ การ์ดดิสก์เบรก การ์ดท้องเครื่อง กระทั่งการออกแบบแร็คสำหรับติดตั้งกระเป๋าที่ดูกลมกลืนไปกับตัวรถ รวมไปถึงการใช้ชิ้นส่วนที่ทำจากวัสดุคุณภาพสูงอย่างฟอร์จคาร์บอนไฟเบอร์ที่ไม่เพียงแต่จะทำให้ตัวรถมีน้ำหนักเบามากขึ้น ยังเพิ่มความสวยงามและความหรูหรามากขึ้นอีกด้วย

เฟรมของตัวรถทำจากเหล็กกล้าแบบเปลคู่ที่ออกแบบมาให้มีบาลานซ์ระหว่างความสบายเวลาขับขี่เดินทางบนถนนดำและความกระชับเพื่อให้สามารถขับขี่แบบออฟโร้ดได้ดี ซึ่งในแต่ละจุดก็จะมีการฟอร์จให้หนาบางไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับโหลดในแต่ละจุด ทำให้ได้เฟรมที่แข็งแรง แต่น้ำหนักเบา สวิงอาร์มเองก็มีการเลือกใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมอัลลอยน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงทนทาน นอกจากนี้ยังนำมาใช้ในส่วนของแผงคอล่างจับโช้คอีกด้วย ส่วนซับเฟรมท้ายจะใช้เหล็กกล้าเหมือนกับเฟรม

ในส่วนของเครื่องยนต์นั้นจะนำตัวเครื่อง 800 ซีซีมาพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับโมเดลนี้ เพื่อที่จะได้ความสมดุลระหว่างความคล่องตัว พละกำลังและน้ำหนัก โดยเครื่องยนต์ใหม่นี้จะมีพิกัดความจุจริงอยู่ที่ 930.63 ซีซี แต่มีมิติเครื่องยนต์โดยรวมเท่ากับเครื่องยนต์ขนาด 800 ซีซีของทางค่าย ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องที่มีขนาดเล็กและเบาเพียง 57 กก. ทำให้มิติของตัวรถมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น แม้ว่าเครื่องยนต์จะเป็นเครื่องยนต์ 3 สูบเรียงก็ตาม

ตัวเครื่องยนต์จะเป็นระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ มีเพลาข้อเหวี่ยงแบบหมุนทวนเพื่อช่วยลดแรงเฉื่อยในระบบและเพิ่มไดนามิกในการขับเคลื่อน ทางค่ายเคลมมาว่าสามารถรีดแรงม้าออกมาได้ที่ 123 แรงม้าที่ 10,000 รอบ และแรงบิดที่ 102 นิวตันเมตรที่ 7,000 รอบ และทำสปีดสูงสุดได้ที่ 240 กม./ชม.

ทั้งหมดที่ทำได้เป็นเพราะมีการปรับเปลี่ยนในหลาย ๆ ชิ้นส่วน อาทิ ฝาสูบ วาล์วไอดีไอเสีย ประเก็นฝาสูบ แคมชาร์ฟต์แบบหมุนทวน และองศาการจุดระเบิดแบบ 120 องศา 1-2-3 เท่ากัน มีแบริ่งก้านสูบแบบไตรเมทัลลิก ลูกสูบฟอร์จอลูมิเนียม และอื่น ๆ

นอกจากนี้ยังใช้ระบบเกียร์ที่ปรับปรุงใหม่เพื่อให้รองรับกับเครื่องยนต์ใหม่ที่ทรงพลังมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการดีไซน์ทางเดินน้ำมันเครื่องให้อยู่ด้านใน พร้อมกับทางเดินของน้ำสำหรับระบายความร้อนเองก็เดินมาจากด้านบนลงมาด้านล่างของเครื่องด้วยท่ออลูมิเนียม และมีการดีไซน์ตัวคลัตช์ เจเนอเรเตอร์ สตาร์ทเตอร์ ซีเล็คเตอร์และครอบเกียร์บ็อกซ์ใหม่อีกด้วย

ส่วนระบบคลัตช์จะเป็นอะไรที่พิเศษ โดยจะมีให้เลือก 2 เวอร์ชันด้วยกัน โดยเวอร์ชันแลกจะเป็นแบบคลัตช์ออโตเมติกจาก Rekluse ร่วมกับคลัตช์แบบปกติแต่จะเป็นระบบคลัตช์น้ำมัน และระบบควิกชิฟเตอร์แบบ 2 ทาง

ช่วงล่างที่โดดเด่นและทันสมัย โดยมีระบบกันสะเทือนปรับไฟฟ้าจาก Sachs ด้านหน้าจะเป็นโช้คหัวกลับขนาด 50 ม.ม. ที่สามารถสปริงพรีโหลด รีบาวด์และคอมเพรสชันได้ ขณะที่ด้านหลังก็จะเป็นโช้คเดี่ยวร่วมกับสวิงอาร์ม ซึ่งตัวโช้คสามารถปรับได้ทั้งสปริงพรีโหลด คอมเพรสชันและรีบาวด์เช่นกัน

ส่วนระบบเบรกนั้นด้านหน้าจัดหนักมาเป็นดิสก์เบรกคู่กับคาลิเปอร์เบรก Brembo Stylema แบบโมโนบล็อก 4 ลูกสูบ และด้านหลังเองก็เป็นดิสก์เบรกเดี่ยวกับคาลิเปอร์เบรก Brembo แบบ 2 ลูกสูบ แน่นอนว่ามาพร้อมระบบเบรก ABS จาก Bosch

ในส่วนของล้อนั้นจะมีขนาดล้อซี่ลวดที่ใหญ่กว่าของ 5.5  โดยจะเป็นล้อหน้าขนาด 21 นิ้วและล้อหลัง 18 นิ้ว แทน เพื่อให้ลุยข้ามผ่านอุปสรรค์ได้อย่างเต็มที่

ปิดท้ายด้วยส่วนของระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มาแบบแน่น ๆ อาทิ ครูซคอนโทรล ระบบช่วยออกตัว แทร็คชันคอนโทรล 8 ระดับ ไฟส่องสว่างเวลาเข้าโค้ง ระบบเบรก ABS แบบใช้งานในโค้งได้ ระบบป้องกันการลอยตัวที่ล้อหลัง

สุดท้ายนี้จะวางจำหน่ายในไทยด้วยหรือไม่คงบอกตอนนี้ไม่ได้ แต่ถ้ามาราคาอาจจะแรงทีเดียว น่าจะมีแตะหลักล้านอย่างแน่นอน ทั้งนี้ก็เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้นนะครับ เรียกได้ว่าตลาดรถแอดเวนเจอร์นี่ดุเดือดจริง ๆ สำหรับปี 2022 เพราะเปิดตัวกันมาหลากหลายรุ่นเลยทีเดียว ผมก็ได้แต่เป็นห่วงสายลุยว่าจะซื้อคันไหนดี เอ้ย จะเอาเงินที่ไหนซื้อ อิอิ

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Exit mobile version