KTM 1390 Adventure มาช้า..แต่มานะ กับเรดาร์ความปลอดภัย
KTM 1390 Adventure ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์ชั้นนำอย่าง Bosch (บ๊อช) เตรียมเปิดตัวในปี 2025 กับระบบช่วยเหลือการขับขี่ใหม่ที่ใช้การนำทางด้วยเรดาร์ซึ่งมีความสามารถในการหยุดรถจักรยานยนต์ด้านหลังรถยนต์ เพิ่มแรงเบรกเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ เตือนผู้ขับขี่รายอื่นที่เข้ามาใกล้เกินไป และระบบควบคุมความเร็วตามรถยนต์คันข้างหน้าได้
ระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่
ในระบบนี้เป็นเจนเนเรชันใหม่ของ Advanced Rider Assistance Systems (ARAS) ที่ใช้การนำทางด้วยเรดาร์ และจะถูกติดตั้งบนรถจักรยานยนต์ KTM 1390 Super Adventure รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับเกียร์กึ่งอัตโนมัติ AMT (Automatic Manual Transmission)
Geoff Liersch ประธานฝ่ายธุรกิจยานพาหนะสองล้อและ พาวเวอร์สปอร์ตของ Bosch (บอซ) กล่าวว่า “เรามีความสัมพันธ์ที่ดีเสมอมากับ KTM ในเรื่องเทคโนโลยีและความปลอดภัย ผมคิดว่าทั้งสองบริษัทมีความเข้าใจที่ชัดเจนว่าเราต้องการพัฒนาเทคโนโลยีในเรื่องความปลอดภัย แต่ก็ต้องการทำในวิธีที่ไม่ลดทอนความสนุกของการขับขี่”
“มันเป็นความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นมานาน และเรามีประสบการณ์ที่ดีในการนำเทคโนโลยีหลาย ๆ อย่างเข้าสู่ตลาด และทั้งสองบริษัทสามารถทำได้อย่างสมเหตุสมผล”
6 ระบบใหม่ที่ติดตั้งบน KTM
1. Adaptive Cruise Control (ACC)
ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่าง พร้อมการหยุด และเคลื่อนที่อัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control + Stop & Go) : ระบบนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาระยะห่างที่ปลอดภัยกับยานพาหนะข้างหน้า หากอยู่บนทางหลวงด้วยความเร็ว 112 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและเข้าใกล้รถบรรทุกที่ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงรถ จักรยานยนต์จะค่อย ๆ ลดระดับความเร็วลงเพื่อให้ตรงกับความเร็วของยานพาหนะข้างหน้า และเมื่อยานพาหนะออกจากเส้นทาง ผู้ขับขี่ก็สามารถเพิ่มความเร็วกลับไปยังระดับที่ต้องการได้
2.Group Ride Assist (GRA)
ระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบกลุ่ม (Group Ride Assist) : ระบบนี้พัฒนามาจาก Adaptive Cruise Control ออกแบบมาสำหรับการขับขี่เป็นกลุ่มกับจักรยานยนต์คันอื่น ๆ โดยจะวัดระยะห่างกับจักรยานยนต์ที่ใกล้ที่สุดในกลุ่มและปรับความเร็วตาม เพื่อป้องกันการเกิดช่องว่างขนาดใหญ่เมื่อขับขี่เป็นขบวน
แต่ในส่วนของระบบนี้ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถใช้กับรถคันอื่น ๆ ได้หรือไม่ หรือจะจำกัดเพียงแค่รถจักรยายนต์ในเครือ KTM หรือรถที่ใส่ระบบความปลอดภัยของ Bosch เท่านั้น เพราะระบบนี้จะทำให้การขับขี่ออกทริปมีความสนุก และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น หมดปัญหาเรื่องคันท้ายหลุดขบวน
3.Riding Distance Assist
ระบบควบคุมระยะห่างขณะขับขี่ (Riding Distance Assist) : ระบบนี้ทำงานแยกจาก ACC และป้องกันไม่ให้ผู้ขับขี่ขับขี่จี้ตามรถยนต์ข้างหน้า โดยระบบจะช่วยชะลอความเร็วหากจำเป็นเพื่อเปิดช่องว่างให้มากขึ้น และสามารถหยุดใช้เทคโนโลยีชั่วคราวได้ด้วยการบิดคันเร่งอย่างรวดเร็วเพื่อเร่งแซง โดยมีโหมดการตั้งค่าแบบ Sport และแบบ Comfort โดยที่โหมด Sport จะช่วยให้สามารถควบคุมได้ง่ายกว่า
4.Rear Distance Warning
ระบบเตือนระยะห่างด้านหลัง (Rear Distance Warning) : ระบบนี้ใช้เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่มีการขับขี่จี้ตามข้างหลัง โดยเรดาร์ด้านหลังจะตรวจสอบระยะห่างของยานพาหนะที่ตามมาและแจ้งเตือนผู้ขับขี่ผ่านหน้าจอแดชบอร์ดหากช่องว่างเล็กเกินไป นอกจากนี้ยังมีระบบตรวจจับจุดบอด (Blindspot Detection) ด้วย
5.Rear Collision Warning
ระบบช่วยหลีกเลี่ยงการชนจากรถคันอื่นที่เคลื่อนที่ใกล้เข้ามาจากด้านหลัง (Rear Collision Warning) : ระบบนี้จะเปิดไฟฉุกเฉินด้านหลังโดยอัตโนมัติเพื่อเตือนผู้ขับขี่ที่ตามมาว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดการชนด้านหลัง โดยใช้ระบบเรดาร์ประเมินโอกาสในการเกิดการชน
6.Emergency Brake Assist
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน (Emergency Brake Assist) : สำหรับกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่ได้สังเกตเห็นอันตรายข้างหน้า ระบบนี้จะเพิ่มแรงเบรกผ่านคาลิปเปอร์เบรกด้านหน้าเพื่อช่วยป้องกันอุบัติเหตุ และสามารถเปิดใช้งานได้เมื่อผู้ขับขี่ใช้แรงเบรกบางส่วนก่อน ก่อนหน้านั้นจะมีการเตือนบนหน้าจอ TFT พร้อมกับการแจ้งเตือนด้วยการแตะเบรกด้านหลังสองครั้งเพื่อเตือนผู้ขับขี่ แต่ทางที่ดีผู้ขับขี่ควรหมั่นสังเกต และควรมีสติอยู่ตลอดในระหว่างการขับขี่
ABS ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน
ระบบ ARAS ที่อัปเดตแล้วจะถูกใส่ในในรถจักรยานยนต์ KTM Super Adventure รุ่นใหม่ที่ใช้เกียร์กึ่งอัตโนมัติ AMT แล้วและทาง KTM ก็มีแผนในการนำเทคโนโลยีนี้เพิ่มลงในจักรยานยนต์รุ่นอื่น ๆ
โมเดลของ 1390 Super Duke GT เป็นอีกรุ่นที่คาดว่าจะมีการเพิ่มความจุเครื่องยนต์เป็น 1390 ซีซีในปี 2025 และเหมาะกับการใช้เทคโนโลยีนี้ นอกจากนั้น Yamaha และ Honda มีการทำตลาดเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ที่เข้าเกียร์โดยไม่ต้องกำคลัตซ์ และ Kawasaki ก็กำลังพัฒนาเครื่องยนต์รูปแบบไฮบริดที่ไม่ใช้คลัตช์ อีกทั้ง Ducati เองก็ได้ออกมาให้ข้อมูลว่าพวกเขากำลังพัฒนาระบบของตัวเองเช่นกัน และบ๊อชหวังว่าจะเห็นการนำเทคโนโลยีความปลอดภัยต่าง ๆ เหล่านี้ไปใช้ในรถโเมลที่รองลงมามากกว่าแค่ในกลุ่มจักรยานยนต์ระดับพรีเมียมของแต่ละค่าย
“เราต้องการเห็นเทคโนโลยีนี้มีราคาประมาณ 10 ดอลลาร์ต่อรถจักรยานยนต์หนึ่งคัน และอาจจะพัฒนาเพื่อติดตั้งในรถจักรยานยนต์ทั่วโลก จากนั้นเราจะสามารถส่งผลกระทบต่อสถิติอุบัติเหตุได้จริง ๆ ซึ่งในความเป็นจริงเราอาจจะยังไม่เห็นราคา 10 ดอลลาร์ในอนาคตอันใกล้ แต่ ABS ก็เป็นแบบเดียวกัน” Geoff Liersch จากบ๊อชกล่าวถึงความเป็นไปได้ในการใส่ระบบเหล่านี้กับรถจักรยานยนต์ทุกรุ่น
“เราเริ่มต้นด้วย ABS ระดับสูงซึ่งมีราคาที่สูงมาก และเราก็ลดราคาลงมาจนเป็นที่ยอมรับได้ และแม้แต่ในตลาดเกิดใหม่อย่างอินเดียก็เริ่มมีความต้องการ ABS ในจักรยานยนต์ที่มีขนาดต่ำกว่า 125 ซีซี ผู้ขับขี่เริ่มต้องการมัน และพวกเขายอมจ่ายเงินเพื่อสิ่งนั้น ดังนั้นทัศนคติจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และผมคาดหวังว่ามันจะเกิดขึ้นแบบเดียวกันในกรณีนี้ และเมื่อปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้น เราก็มีโอกาสที่จะสร้างเซ็นเซอร์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับจักรยานยนต์และมีราคาที่ถูกลง ซึ่งเราไม่สามารถทำได้ในวันนี้เพราะปริมาณยังไม่มากพอที่จะทำให้คุ้มค่า”
สรุป
แม้จะมาช้า แต่ก็มานะ กับเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยจาก Bosch ที่นำระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Adaptive Cruise Control + Stop & Go, Group Ride Assist, Riding Distance Assist, Rear Distance Warning, Rear Collision Warning และ Emergency Brake Assist มาพัฒนาความสามารถแล้วใส่ใน KTM 1390 Super Adventure S เพื่อให้ผู้ขับขี่มีความปลอดภัย และสนุกไปทุกการเดินทางมากยิ่งขึ้น
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก