Home ราคาและสเปครถมอเตอร์ไซค์ Honda Honda SH125i 2024 เรโทรสกู๊ตเตอร์ กับคอลเลกชันใหม่ สุดพรีเมียม

Honda SH125i 2024 เรโทรสกู๊ตเตอร์ กับคอลเลกชันใหม่ สุดพรีเมียม

0

Honda SH125i 2024 เรโทรสกู๊ตเตอร์ กับคอลเลกชันใหม่ สุดพรีเมียม

โฉม SH Series เวอร์ชัน 2024

ปล่อยโฉมคอลเลกชันใหม่ล่าสุด สำหรับทางค่ายปีกนกประกาศเปิดตัวสกู๊ตเตอร์ Honda SH Series ทั้ง SH125i Vetro, Honda SH125i 2024, SH350i และ SH Mode 125 พรีเมียมสกู๊ตเตอร์ สไตล์โมเดิร์นคลาสสิก กับโฉมเฉดสีใหม่ ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น

Honda SH125i Vetro 2024

โดยหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่คุ้น สำหรับ Honda SH Series จัดอยู่ในกลุ่มพรีเมียมสกู๊ตเตอร์ สไตล์เรโทรจากยุโรป ที่มีการจัดจำหน่ายมาอย่างยาวนานถึง 38 ปี นับตั้งแต่เปิดตัวออกมา ซึ่งกลุ่มโปรดักต์อาจเป็นรองกลุ่มสกู๊ตเตอร์แถวหน้าอย่าง X-ADV, Forza 350 และ PCX125 อย่างไรก็ตามทางค่ายการันตียอดขายโมเดลรุ่นนี้มากกว่า 1 ล้านคันเลยทีเดียว เดี๋ยวไปชมโมเดลแต่ละรุ่นกันว่าจะมีอะไรอัปเดตใหม่มาบ้าง

Honda SH125i Vetro 2024

เปิดประเดิมด้วยเฮดไลน์โมเดลไปกับ SH125i Vetro 2024 อิดิชันพิเศษมาพร้อมกับสีเขียวโปร่งแสง โดดเด่นด้วยชิลด์หน้าแบบสูง และติดกล่องท้ายด้านหลัง รวมถึงการ์ดแฮนด์แบบใส ซึ่งโดยรวมแล้ว การดีไซน์นั้นถูกออกแบบมาให้ดูลงตัว สมกับโมเดลแห่งแฟชัน และเหมาะแก่การใช้ขี่ออกทริปทางไกลเลยทีเดียว

Honda SH125i 2024

Honda SH125i 2024

ต่อด้วยโมเดลรุ่นมาตรฐานในเวอร์ชัน 2024 โดยมาพร้อมกับเฉดสีใหม่ สี ประกอบไปด้วย สีขาวมุก (Matt Pearl Cool White), สีเทา (Pearl Falcon Grey) ,สีน้ำเงิน (Matt Pearl Pacific Blue) และสีดำ (Pearl Nightstar Black) มาพร้อมล้อแบบสีใหม่ ดูเข้มมากยิ่งขึ้น

โดยทั้ง 2 รุ่นใช้ขุมพลังแบบเดียวกันกับเครื่องยนต์ eSP+ 4 วาล์ว 1 สูบ พิกัด 125 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีกำลังแรงม้าสูงสุดที่ 12.06 แรงม้าที่ 8,250 รอบ แรงบิด 11.4 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบ

มาพร้อมระบบหัวฉีด PGM-Fi เพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น โดยเคลมอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ 44.6 กม./ลิตร ใช้ระบบส่งกำลังแบบสายพาน CVT และติดตั้งถังน้ำมันมาให้ขนาด 7 ลิตร 

และยังคงโดดเด่นด้วยระบบช่วงล่างปรับแต่งมาให้เหมาะกับการใช้งาน ด้วยระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบเทเลสโคปิก มีขนาดแกน 33 มม. ส่วนด้านหลังเป็นแบบสปริงคู่ ต่อด้วยระบบเบรกกับดิสก์เบรกหน้า-หลังขนาดเท่ากันที่ 240 มม. คาลิเปอร์เบรกหน้าแบบ 2 ลูกสูบ ด้านหลังลูกสูบเดียว ล้อเท่ากันขนาด 16 นิ้ว และยางขนาด 100/80 และ 120/80 ตามลำดับ

ช่องเสียบ USB ใต้เบาะ

และใช้ระบบไฟส่องสว่าง LED รอบคัน ระบบกุญแจคีย์เลส ช่องเสียบชาร์จ USB พร้อมด้วยระบบอำนวยการขับขี่ ประกอบไปด้วย ระบบเบรก ABS Dual Channel ระบบ Iding Stop หรือระบบหยุดการทำงานเครื่องยนต์ในรอบเดินเบา และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (HSTC) สำหรับราคาเปิดตัวที่ 3,999 ปอนด์สเตอลิงหรือราว ๆ 1.7 แสนบาท ถือว่าเอาเรื่องอยู่พอสมควร 

Honda SH350i 2024

Honda SH350i สีเงิน (Matt Techno Silver Metallic)

มาถึงรุ่นพี่ใหญ่กับ Honda SH350i ซึ่งครั้งนี้จัดเต็มกับสีใหม่เช่นเดียวกัน กับสีฟ้า (Zefiro Blue Metallic) และสีเงิน (Matt Techno Silver Metallic) มาพร้อมล้อสีใหม่แบบเดียวกันกับรุ่นเล็กนั่นเอง

รวมไปถึงจุดเด่นในส่วนอื่น ๆ ทั้ง หน้าจอดิจิทัล LCD ระบบป้องกันล้อหน้ายก ระบบไฟส่องสว่าง LED รอบคัน และช่องเสียบ USB Type C ติดมาให้บริเวณใต้เบาะให้ใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

Honda SH350i สีฟ้า (Zefiro Blue Metallic)

รวมถึงสมรรถนะเครื่องยนต์แบบ eSP+ 4 วาล์ว ขนาด 330 ซีซี ใช้ระบบหัวฉีด PGM-Fi ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 28.8 แรงม้าที่ 7,500 รอบ และแรงบิด 31.5 นิวตันเมตรที่ 5,250 รอบ

เคลมอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ 29.4 กม./ลิตร ติดตั้งถังน้ำมันขนาด 9.1 ลิตร แถมเครื่องยนต์ยังผ่านการรับรอง EURO5 อีกด้วย

ต่อด้วยระบบช่วงล่าง โช้คหน้าแบบเทเลสโคปิก ขนาดแกน 35 มม. โช้คหลังสปริงคู่ ระบบเบรกกับดิสก์เบรกขนาดเท่ากันที่ 256 มม. คาลิเปอร์เบรกหน้าแบบ 2 ลูกสูบ ด้านหลังลูกสูบเดียว มาพร้อมระบบ ABS แบบ Dual Channel ล้อ 16 นิ้ว หน้า-หลัง และยางขนาด 110/70 และ 130/70 โดยเปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 5,499 ปอนด์สเตอลิง หรือราว ๆ 2.4 แสนบาท

Honda SH Mode 125 2024

ปิดท้ายด้วย Honda SH Mode 125 2024 เรโทรสกู๊ตเตอร์ไซส์มินิ ที่หน้าตาดูละหม้ายคล้ายคลึงกับสกู๊ตเตอร์ตัวแรงในบ้านเราซะเหลือเกิน โดยครั้งนี้เจ้า SH Mode 125 2024 มาพร้อมกับเฉดสีใหม่เช่นเดียวกัน

กับสีแดง (Candy Luster Red), สีดำ (Matt Galaxy Black Metallic) รวมไปถึงสีเก่าอย่างสีขาว (Pearl Jasmine White) และสีเงิน (Mat Techno Silver Metallic)

สีแดง (Candy Luster Red) สีดำ (Matt Galaxy Black Metallic)
สีขาว (Pearl Jasmine White) สีเงิน (Mat Techno Silver Metallic)

ในด้านเครื่องยนต์ ใช้แบบเดียวกันกับเจ้า SH125i แต่มีกำลังแรงม้าน้อยกว่าประมาณ 1.34 แรงม้านั่นเอง ซึ่งอยู่ที่ 11.2 แรงม้าที่ 8,500 แรงบิด 12.1 นิวตันเมตรที่ 5,000 รอบ รวมถึงระบบกันสะเทือนด้านหลังที่ต่างกัน

โดยรุ่นนี้เป็นแบบสปริงเดี่ยว และระบบเบรก ด้านหน้าเป็นดิสก์เบรก ขนาด 220 มม. ขณะที่ด้านหลังเป็นดรัมเบรก ล้อหน้า16 นิ้ว ล้อหลัง 14  นิ้ว และยางขนาด 80/90 และ 100/90 ตามลำดับ

ในส่วนเทคโนโลยีมีใช้เป็นพื้นฐานแบบเดียวกันกับตัวพื้นฐานทั้ง หน้าจอ LCD ระบบไฟส่องสว่าง LED รอบคัน กุญแจคีย์เลส และช่องเสียบ USB ที่มีมาให้ ซึ่งหากเทียบกับตัวมาตรฐาน รุ่นนี้อาจมีสเปคที่ลดลงมานิดหน่อย แต่ก็พอเพียงสำหรับขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวันนั่นเอง สำหรับราคาค่าตัวเรื่มต้นที่ 3,099 ปอนด์สเตอรลิง หรือประมาณ 1.3 แสนบาทครับ

อย่างไรก็ดี โมเดลคอลเลกชัน 2024 รุ่นดังกล่าว พร้อมเปิดจำหน่ายในตลาดยุโรป ส่วนในไทยอาจจะเป็นไปได้ค่อนข้างยากเลยทีเดียว เนื่องด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร ซึ่งหากเทียบกับโมเดลอื่น ๆ ของค่ายแล้ว อาทิ Giorno, Lead, หรือแม้กระทั่ง PCX150, ADV160 เชื่อว่ายังไงภาษีรุ่นอื่น ๆ ดีกว่าอยู่แล้วจึงเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าลองปรับราคาลงมาซักหน่อย ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว 

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

ติดตามเราบนแฟนเพจคลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Exit mobile version