Honda SH125i 2024 เรโทรสกู๊ตเตอร์ กับคอลเลกชันใหม่ สุดพรีเมียม
![Honda SH125i 2024](https://www.superbikemag.com/wp-content/uploads/2023/10/393830440_662792062610394_4115220083939958279_n.webp)
ปล่อยโฉมคอลเลกชันใหม่ล่าสุด สำหรับทางค่ายปีกนกประกาศเปิดตัวสกู๊ตเตอร์ Honda SH Series ทั้ง SH125i Vetro, Honda SH125i 2024, SH350i และ SH Mode 125 พรีเมียมสกู๊ตเตอร์ สไตล์โมเดิร์นคลาสสิก กับโฉมเฉดสีใหม่ ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น
![Honda SH125i 2024](https://www.superbikemag.com/wp-content/uploads/2023/10/394183455_662792089277058_1142078193585607105_n.webp)
โดยหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่คุ้น สำหรับ Honda SH Series จัดอยู่ในกลุ่มพรีเมียมสกู๊ตเตอร์ สไตล์เรโทรจากยุโรป ที่มีการจัดจำหน่ายมาอย่างยาวนานถึง 38 ปี นับตั้งแต่เปิดตัวออกมา ซึ่งกลุ่มโปรดักต์อาจเป็นรองกลุ่มสกู๊ตเตอร์แถวหน้าอย่าง X-ADV, Forza 350 และ PCX125 อย่างไรก็ตามทางค่ายการันตียอดขายโมเดลรุ่นนี้มากกว่า 1 ล้านคันเลยทีเดียว เดี๋ยวไปชมโมเดลแต่ละรุ่นกันว่าจะมีอะไรอัปเดตใหม่มาบ้าง
Honda SH125i Vetro 2024
![]() |
![]() |
เปิดประเดิมด้วยเฮดไลน์โมเดลไปกับ SH125i Vetro 2024 อิดิชันพิเศษมาพร้อมกับสีเขียวโปร่งแสง โดดเด่นด้วยชิลด์หน้าแบบสูง และติดกล่องท้ายด้านหลัง รวมถึงการ์ดแฮนด์แบบใส ซึ่งโดยรวมแล้ว การดีไซน์นั้นถูกออกแบบมาให้ดูลงตัว สมกับโมเดลแห่งแฟชัน และเหมาะแก่การใช้ขี่ออกทริปทางไกลเลยทีเดียว
Honda SH125i 2024
![Honda SH125i 2024](https://www.superbikemag.com/wp-content/uploads/2023/10/c5.webp)
ต่อด้วยโมเดลรุ่นมาตรฐานในเวอร์ชัน 2024 โดยมาพร้อมกับเฉดสีใหม่ สี ประกอบไปด้วย สีขาวมุก (Matt Pearl Cool White), สีเทา (Pearl Falcon Grey) ,สีน้ำเงิน (Matt Pearl Pacific Blue) และสีดำ (Pearl Nightstar Black) มาพร้อมล้อแบบสีใหม่ ดูเข้มมากยิ่งขึ้น
โดยทั้ง 2 รุ่นใช้ขุมพลังแบบเดียวกันกับเครื่องยนต์ eSP+ 4 วาล์ว 1 สูบ พิกัด 125 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีกำลังแรงม้าสูงสุดที่ 12.06 แรงม้าที่ 8,250 รอบ แรงบิด 11.4 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบ
มาพร้อมระบบหัวฉีด PGM-Fi เพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น โดยเคลมอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ 44.6 กม./ลิตร ใช้ระบบส่งกำลังแบบสายพาน CVT และติดตั้งถังน้ำมันมาให้ขนาด 7 ลิตร
และยังคงโดดเด่นด้วยระบบช่วงล่างปรับแต่งมาให้เหมาะกับการใช้งาน ด้วยระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบเทเลสโคปิก มีขนาดแกน 33 มม. ส่วนด้านหลังเป็นแบบสปริงคู่ ต่อด้วยระบบเบรกกับดิสก์เบรกหน้า-หลังขนาดเท่ากันที่ 240 มม. คาลิเปอร์เบรกหน้าแบบ 2 ลูกสูบ ด้านหลังลูกสูบเดียว ล้อเท่ากันขนาด 16 นิ้ว และยางขนาด 100/80 และ 120/80 ตามลำดับ
![Honda SH125i 2024](https://www.superbikemag.com/wp-content/uploads/2023/10/c3.webp)
และใช้ระบบไฟส่องสว่าง LED รอบคัน ระบบกุญแจคีย์เลส ช่องเสียบชาร์จ USB พร้อมด้วยระบบอำนวยการขับขี่ ประกอบไปด้วย ระบบเบรก ABS Dual Channel ระบบ Iding Stop หรือระบบหยุดการทำงานเครื่องยนต์ในรอบเดินเบา และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (HSTC) สำหรับราคาเปิดตัวที่ 3,999 ปอนด์สเตอลิงหรือราว ๆ 1.7 แสนบาท ถือว่าเอาเรื่องอยู่พอสมควร
Honda SH350i 2024
![Honda SH125i 2024](https://www.superbikemag.com/wp-content/uploads/2023/10/453993_MY24_SH350i.webp)
มาถึงรุ่นพี่ใหญ่กับ Honda SH350i ซึ่งครั้งนี้จัดเต็มกับสีใหม่เช่นเดียวกัน กับสีฟ้า (Zefiro Blue Metallic) และสีเงิน (Matt Techno Silver Metallic) มาพร้อมล้อสีใหม่แบบเดียวกันกับรุ่นเล็กนั่นเอง
รวมไปถึงจุดเด่นในส่วนอื่น ๆ ทั้ง หน้าจอดิจิทัล LCD ระบบป้องกันล้อหน้ายก ระบบไฟส่องสว่าง LED รอบคัน และช่องเสียบ USB Type C ติดมาให้บริเวณใต้เบาะให้ใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
![](https://www.superbikemag.com/wp-content/uploads/2023/10/453998_MY24_SH350i.webp)
รวมถึงสมรรถนะเครื่องยนต์แบบ eSP+ 4 วาล์ว ขนาด 330 ซีซี ใช้ระบบหัวฉีด PGM-Fi ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 28.8 แรงม้าที่ 7,500 รอบ และแรงบิด 31.5 นิวตันเมตรที่ 5,250 รอบ
เคลมอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ 29.4 กม./ลิตร ติดตั้งถังน้ำมันขนาด 9.1 ลิตร แถมเครื่องยนต์ยังผ่านการรับรอง EURO5 อีกด้วย
ต่อด้วยระบบช่วงล่าง โช้คหน้าแบบเทเลสโคปิก ขนาดแกน 35 มม. โช้คหลังสปริงคู่ ระบบเบรกกับดิสก์เบรกขนาดเท่ากันที่ 256 มม. คาลิเปอร์เบรกหน้าแบบ 2 ลูกสูบ ด้านหลังลูกสูบเดียว มาพร้อมระบบ ABS แบบ Dual Channel ล้อ 16 นิ้ว หน้า-หลัง และยางขนาด 110/70 และ 130/70 โดยเปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 5,499 ปอนด์สเตอลิง หรือราว ๆ 2.4 แสนบาท
Honda SH Mode 125 2024
ปิดท้ายด้วย Honda SH Mode 125 2024 เรโทรสกู๊ตเตอร์ไซส์มินิ ที่หน้าตาดูละหม้ายคล้ายคลึงกับสกู๊ตเตอร์ตัวแรงในบ้านเราซะเหลือเกิน โดยครั้งนี้เจ้า SH Mode 125 2024 มาพร้อมกับเฉดสีใหม่เช่นเดียวกัน
กับสีแดง (Candy Luster Red), สีดำ (Matt Galaxy Black Metallic) รวมไปถึงสีเก่าอย่างสีขาว (Pearl Jasmine White) และสีเงิน (Mat Techno Silver Metallic)
![]() |
![]() |
สีแดง (Candy Luster Red) | สีดำ (Matt Galaxy Black Metallic) |
![]() |
![]() |
สีขาว (Pearl Jasmine White) | สีเงิน (Mat Techno Silver Metallic) |
ในด้านเครื่องยนต์ ใช้แบบเดียวกันกับเจ้า SH125i แต่มีกำลังแรงม้าน้อยกว่าประมาณ 1.34 แรงม้านั่นเอง ซึ่งอยู่ที่ 11.2 แรงม้าที่ 8,500 แรงบิด 12.1 นิวตันเมตรที่ 5,000 รอบ รวมถึงระบบกันสะเทือนด้านหลังที่ต่างกัน
โดยรุ่นนี้เป็นแบบสปริงเดี่ยว และระบบเบรก ด้านหน้าเป็นดิสก์เบรก ขนาด 220 มม. ขณะที่ด้านหลังเป็นดรัมเบรก ล้อหน้า16 นิ้ว ล้อหลัง 14 นิ้ว และยางขนาด 80/90 และ 100/90 ตามลำดับ
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
ในส่วนเทคโนโลยีมีใช้เป็นพื้นฐานแบบเดียวกันกับตัวพื้นฐานทั้ง หน้าจอ LCD ระบบไฟส่องสว่าง LED รอบคัน กุญแจคีย์เลส และช่องเสียบ USB ที่มีมาให้ ซึ่งหากเทียบกับตัวมาตรฐาน รุ่นนี้อาจมีสเปคที่ลดลงมานิดหน่อย แต่ก็พอเพียงสำหรับขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวันนั่นเอง สำหรับราคาค่าตัวเรื่มต้นที่ 3,099 ปอนด์สเตอรลิง หรือประมาณ 1.3 แสนบาทครับ
อย่างไรก็ดี โมเดลคอลเลกชัน 2024 รุ่นดังกล่าว พร้อมเปิดจำหน่ายในตลาดยุโรป ส่วนในไทยอาจจะเป็นไปได้ค่อนข้างยากเลยทีเดียว เนื่องด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร ซึ่งหากเทียบกับโมเดลอื่น ๆ ของค่ายแล้ว อาทิ Giorno, Lead, หรือแม้กระทั่ง PCX150, ADV160 เชื่อว่ายังไงภาษีรุ่นอื่น ๆ ดีกว่าอยู่แล้วจึงเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าลองปรับราคาลงมาซักหน่อย ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก