spot_img
spot_img
spot_img
spot_img

Honda Rebel 2024 เพิ่มสีใหม่ สุดเท่ สไตล์ครูเซอร์

Honda Rebel 2024 เพิ่มสีใหม่ สุดเท่ สไตล์ครูเซอร์

Honda Rebel 2024
Rebel11000 2024 สีน้ำเงินเมทัลลิก (Glint Wave Blue Metallic)

เผยโฉมต่อเนื่อง ต่อคิวหลังจากเจ้า Gold Wing นั่นก็คือ Honda Rebel 2024 ครูเซอร์ตัวท็อปจากทางค่าย โดยครั้งนี้เจ้าครูเซอร์สุดเท่รุ่นนี้มาพร้อมเฉดสีใหม่เช่นเดียวกัน นับว่าทางค่ายปีกนกจัดรีเมกชุดใหญ่ ไฟกระพริบ ปล่อยโมเดลสีสันใหม่ รุกตลาดบิ๊กไบค์กันเต็มสูบเลยทีเดียว 

Honda Rebel 2024
Rebel1100 2024 สีเทาเมทัลลิก (Iridium Gray Metallic)

โดยเฉดสีที่มีเพิ่มมาในรุ่น Rebel1100 ได้แก่สีน้ำเงินเมทัลลิก (Glint Wave Blue Metallic) และสีเทาเมทัลลิก (Iridium Gray Metallic) ส่วนเวอร์ชันทัวริ่งในรุ่น Rebel1100T เปิดมาในชุดสีดำเงา (Gunmetal Black Metallic) พร้อมกับการเพิ่มสีบรอนซ์ในส่วนล้อนั่นเอง

Honda Rebel 2024
Rebel1100T 2024 สีดำเงา (Gunmetal Black Metallic)

สำหรับเจ้า Rebel1100 เปิดตัวเมื่อปี 2021 และถือว่าเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่น่าสนใจเลยไม่น้อย ด้วยสไตล์ตัวรถที่ออกแบบมาให้มีกลิ่นอายของความคลาสสิก ความดั้งเดิมของรถในยุคสมัยก่อนผสมผสานกับเทคโนโลยีการออกแบบที่ทันสมัย อำนวยความสะดวกต่อการใช้งานของผู้ขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น 

และรุ่น Rebel1100T ที่เพิ่มเข้ามาเมื่อปีที่แล้ว กับรูปลักษณ์หน้าตาที่ตกแต่งมาใหม่ทั้งโม่งครอบไฟหน้า กระเป๋าสัมภาระด้านข้าง การออกแบบเบาะและที่พิงหลังสำหรับคนซ้อน การติดแร็คท้ายไว้ที่ด้านหลังสำหรับผู้ขับขี่คนเดียว รวมไปถึงการใช้สีตัวล้อให้แมตช์กับตัวรถ ดูสวยงาม ลงตัว

เครื่องยนต์ Parallel Twin ปริมาตรกระบอกสูบ 1,084 ซีซี

รวมถึงเครื่องยนต์แบบ 2 สูบ 8 วาล์วแบบ Unicam ขนาด 1,084 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่เป็นพื้นฐานเดียวกันกับเจ้า CRF1100L Africa Twin และ NT1100 ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 64 แรงม้าที่ 7,000 รอบและแรงบิด 98 นิวตันเมตรที่ 4,750 รอบ พร้อมชุดเกียร์อัจฉิรยะ Dual-Clutch ทำงานร่วมกับระบบคันเร่งไฟฟ้า เพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมแรงบิดได้ดียิ่งขึ้น มาพร้อมถังน้ำมันขนาด 13.6 ลิตร น้ำหนักเคลม 233 กก. แถมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยผ่านการรับรอง EURO5 

โช้คคู่ด้านหลัง ปรับพรีโหลดได้

พร้อมระบบช่วงล่างที่ตอบโจทย์ด้วยโช้คหน้าสีดำขนาด 43 มม. และโช้คคู่ด้านหลังปรับพรีโหลด ได้ตามความถนัดของผู้ใช้งาน ขณะที่ระบบเบรก ด้านหน้าจะเป็นดิสก์เดี่ยวขนาด 330 มม. ใช้ปั๊มเบรกโมโนบล็อกแบบ 4 พอต ส่วนเบรกหลังเป็นดิสก์ขนาด 256 มม. ใช้ปั๊มเบรกพอตเดียว โดยใช้ล้อและยางหน้าขนาด 130/70-18 ส่วนด้านหลัง 180/65-16 

หน้าจอดิจิทัล LCD

ในด้านเทคโนโลยีของครูเซอร์รุ่นนี้จะประกอบไปด้วย ระบบไฟ LED หน้าจอดิจิทัล LCD ช่องเสียบ USB Type C ยังมาพร้อมกับระบบช่วยการขับขี่ทั้ง ระบบครูซคอนโทรล ระบบป้องกันล้อหน้ายก ระบบเบรก ABS และโหมดการขับขี่ 3 โหมด (User, Sport, Rain) 

ไฟหน้า LED ทรงกลม

จึงทำให้โมเดลรุ่นนี้ดูมีคลาส ไม่ตกรุ่น แถมมีสมรรถนะที่ตอบโจทย์ต่อการใช้งาน พร้อมทั้งเทคโนโลยีรองรับการขับขี่ จึงถึงทำให้เจ้า Rebel1100 เป็นรถที่สามารถขี่ได้ง่าย เหมาะกับการใช้งาน โดยเฉพาะออกทริปทางไกลได้สบาย ๆ  ตอบโจทย์แน่นอน แถมยังดูเท่ มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย 

สำหรับ Rebel โฉมปี 2024 มีราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 11,716 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว ๆ 4.2 แสนบาท ส่วนการนำเข้ามาจัดจำหน่ายในไทยก็คงต้องลุ้นกันอีกทีว่าจะมาหรือไม่มา หากไม่มาก็ไม่เป็นไร ทางศูนย์ Honda BigWing บ้านเรามีโมเดล Rebel1100 ให้จัดจำหน่ายทั้งสีแดง (BORDEAUX RED)และสีดำ (GUN METAL BLACK METTALIC) ในราคาเริ่มต้นที่ 399,000 บาท สามารถเข้าไปรับชมตัวจริงหรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซด์ https://www.thaihonda.co.th/hondabigbike/ 

สีดำ (GUN METAL BLACK METTALIC) สีแดง (BORDEAUX RED)

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

ติดตามเราบนแฟนเพจคลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

- Advertisement -
Joe Superbike
Joe Superbikehttp://www.superbikemag.com
นักเขียน "หัวใจสีเขียว" ที่ชื่นชอบรถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกเป็นชีวิตจิตใจ และมาโลดแล่นในวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก

บทความยอดนิยม