Honda Hawk11 กับ 10 เรื่องที่คุณต้องรู้ ก่อนกำเงินรอ
Honda Hawk11 กับ 10 เรื่องที่คุณต้องรู้ ก่อนกำเงินรอนั้น เราได้รวบรวมประเด็นที่น่าสนใจมาทั้งหมด 10 เรื่องเกี่ยวกับเจ้าเหยี่ยวหมายเลข 11 โมเดลสไตล์คาเฟ่เรเซอร์คันล่าสุดจากค่ายปีกนกคันนี้
- โมเดลนี้คือคาเฟ่เรเซอร์แบบตั้งใจทำขึ้นมาให้เป็นโมเดลใหม่เลย ไม่ใช่แค่การหยิบโมเดลเน็กเก็ตอย่าง CB1000R หรือ CB1100 มาใส่โม่งเฉย ๆ เท่านั้น ยังมีการปรับเปลี่ยนในหลาย ๆ ส่วนให้เหมาะกับสไตล์และการขับขี่ของรถอีกด้วย เช่น แฮนด์แบบจับโช้ค กระจกทรงกลม เรือนไมล์ทรงกลม เป็นต้น และแม้ว่าจะมีพื้นฐานหลาย ๆ อย่างคล้ายกับโมเดลอื่นก็ตาม แต่นั่นเป็นเรื่องปกติของค่ายรถอยู่แล้ว เพื่อที่จะไม่สิ้นเปลืองในเรื่องค่าใช้จ่ายในการพัฒนาโมเดลใหม่ ๆ
- ขุมพลังของโมเดลนี้คือเครื่อง 2 สูบขนาด 1,082 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งหลายคนน่าจะสังเกตได้ว่าเครื่องนี้คือเครื่องเดียวกันกับ Africa Twin 1100 และ NT1100 แต่ไม่ใช่ยกมาใส่ดื้อ ๆ ตัวเครื่องนั้นมีการปรับปรุงระบบไอดีและไอเสียให้โมเดลนี้โดยเฉพาะ โดยปรับให้สามารถขับขี่ได้ดีทั้งในแบบสปอร์ตที่เน้นความเร้าใจและแบบนุ่ม ๆ สบาย ๆ เวลาอย่างท่องเที่ยวออกทริปกับเพื่อนฝูงชาวคณะ และไม่มีโมเดล DCT แต่อย่างใด
- เครื่องยนต์มีกำลังสูงสุด 102 แรงม้าที่ 7,500 รอบ และแรงบิดที่ 104 นิวตันเมตรที่ 6,250 รอบ ตัวเลขสมรรถนะอาจจะดูไม่เยอะดังรถสปอร์ตไซส์ใหญ่ ๆ สมัยนี้ ดังนั้นขอให้รับรู้ว่าคันนี้เน้นขี่หล่อมากกว่าจะซิ่ง แต่ก็สามารถขับในแบบสไตล์สปอร์ตได้ไม่เคอะเขิน
- ตัวรถใช้ระบบคันเร่งไฟฟ้า จึงมีโหมดการขับขี่ให้เลือก โดยจะมีให้เลือก 4 โหมดด้วยกัน ได้แก่ Sport, Standard, Rain และ User ซึ่งแน่นอนว่าโหมดสุดท้ายสามารถปรับตั้งค่าต่าง ๆ ได้เอง
- ช่วงล่างนั้นใช้โช้คหน้าหัวกลับแบบ SFF-BP จาก Showa ส่วนด้านหลังจะเป็นโช้คเดี่ยวร่วมกับสวิงอาร์มแบบโปรลิงก์ ระบบเบรกจะเป็นดิสก์เบรกหน้าคู่ และดิสก์หลังเดี่ยวร่วมกับคาลิเปอร์เบรกจาก Nissin ปิดท้ายด้วยล้ออลูมิเนียมขนาด 17 นิ้ว
- ระบบไฟส่องสว่างทั้งหมดในโมเดลนี้เป็น LED เต็มระบบ เรียกว่าเป็นมาตรฐานใหม่ของรถในยุคนี้แล้วก็ว่าได้
- กระจกมองหลังนั้นไม่ได้ยึดติดกับแฟริ่งหรือโม่งด้านหน้า แต่อยู่ด้านในบริเวณจุดยึดโม่งหน้าแทน ดังนั้นหากว่าจะนำไปซิ่งในสนามในวันแทร็กเดย์ ก็สามารถถอดกระจกออก แล้วซิ่งในสนามแบบหล่อ ๆ เนียน ๆ ได้เลย ไม่ต้องใช้ที่อุดกระจกอีกต่อไป
- ตัวรถมีระบบช่วยเหลือในเรื่องของความปลอดภัย อาทิ ระบบแทร็คชันคอนโทรล ระบบเบรก ABS และระบบ ESS หรือระบบไฟกระพริบเตือนฉุกเฉิน ซึ่งระบบต่าง ๆ เหล่านี้ ก็เริ่มจะเป็นมาตรฐานอีกอย่างนึงของทางฮอนด้าบิ๊กไบค์แล้ว โดยมีในเกือบแทบจะทุกโมเดลใหม่ของทางค่ายแล้ว
- โมเดลนี้มีจำหน่ายด้วยกัน 2 เฉดสี คือ สีน้ำเงิน และสีกราไฟต์
- จากแหล่งข่าวของทางฮอนด้าประเทศญี่ปุ่นระบุไว้ว่าจะผลิตขึ้นเพียง 1200 คัน และจำหน่ายในราคา 1,397,000 เยน หรือราว ๆ 373,467 บาท ซึ่งโมเดลนี้จะเป็นโมเดลจากทางฝั่งญี่ปุ่น ยังไม่มีการเปิดตัวในฝากยุโรป ดังนั้นมีความเป็นไปได้ว่า ถ้ามาจำหน่ายในไทยจะราคาประมาณสี่แสนกว่าบาท แต่ก็เป็นไปได้ว่าบ้านเราอาจจะไม่ได้ลุ้นเลยก็เป็นได้ แต่บอกตรง ๆ ช่วงนี้เดาใจฮอนด้ายากจริง ๆ ครับ
สุดท้ายนี้สำหรับคนที่เห็นหน้าตาแล้วถูกใจและอยากจะกำตังรอ ก็ขอให้เพื่อใจเอาไว้บ้างนะครับว่าอาจจะมาหรือไม่มาจำหน่ายในไทยก็ได้ครับ
อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก