Home ข่าวมอเตอร์ไซค์ Hayabusa 2021 เปิดตัวแล้ว ซีซีเท่าเดิม เพิ่มเทคโนโลยี และดีไซน์ใหม่

Hayabusa 2021 เปิดตัวแล้ว ซีซีเท่าเดิม เพิ่มเทคโนโลยี และดีไซน์ใหม่

0
Hayabusa-2021

Hayabusa 2021 เปิดตัวแล้ว ซีซีเท่าเดิม เพิ่มเทคโนโลยี และดีไซน์ใหม่

แล้วก็ได้ฤกษ์เปิดตัวกันอย่างเป็นทางการแล้วครับสำหรับสุดยอดโมเดลระดับตำนานอย่างเจ้าเหยี่ยว Hayabusa 2021 ที่ตอนแรกเราคาดการณ์กันว่าเครื่องยนต์จะมีความจุมากขึ้น พร้อมเทคโนโลยีสมัยใหม่ตลอดจนถึงดีไซน์ใหม่ แต่นั้นก็ผิดไปจากที่คาดเดาครับ 

เครื่องยนต์นั้นยังคงเป็นเครื่องยนต์สี่สูบเรียงระบายความร้อนด้วยน้ำขนาด 1340 ซีซีเท่าเดิม แต่มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น ตลอดจนถึงผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro5 โดยจะเน้นไปที่ปรับให้มีสมดุลของสมรรถนะรอบด้านดีขึ้น 

ซึ่งเดิมเครื่องยนต์ของมันก็ได้ชื่อว่าทนทานและอายุการใช้งานยาวนานอยู่แล้ว มาเจ็นฯ ใหม่นี้มีการปรับเปลี่ยนไปใช้ลูกสูบและก้านสูบใหม่  มีน้ำหนักเบากว่าเดิม ช่วยรถมวลหมุนในระบบ ปรับปรุงระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ใหม่ ปรับเปลี่ยนตลับลูกปืนเข็มเพลาส่งกำลังให้ยาวขึ้นอีกด้วย

มีห้องเผาไหม้แบบ Twin Swirl ที่ออกแบบมาให้ดึงอากาศเข้าระบบได้มากขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ ระบบหัวฉีดแบบด้านข้าง Suzuki Side Feed Injectors แบบหัวฉีดคู่ ออกแบบมาให้หัวฉีดตัวที่สองของสูบฉีดเข้าสู่เพลตสะท้อนในปากแตรจนกลายเป็นละออกละเอียดก่อนเข้าห้องเผาไหม้ เมื่อบวกกับกรองอากาศใหม่ใหญ่ขึ้นและท่อไอดีที่ยาวขึ้น ทำให้กำลังเครื่องในรอบต่ำและรอบกลางเพิ่มมากขึ้น ช่วยให้ขับขี่ในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น และในตอนนี้เจ้าเหยี่ยวคันนี้ก็มีระบบคันเร่งไฟฟ้าแล้วด้วยครับ

ออกจากเรื่องเครื่องยนต์ที่หลายๆ คนสนใจ ซึ่งจริงๆ แล้วเจ้าเหยี่ยวโมเดลนี้มีจุดเด่นที่เทคโนโลยีมากกว่าเรื่องของเครื่องยนต์ครับ ซึ่ง Suzuki ยัดระบบอิเล็กทรอนิกส์ชุดใหญ่ที่มีชื่อเรียกว่า Suzuki Intelligent Ride System หรือ S.I.R.S> เข้ามาให้เจ้าเหยี่ยวคันใหม่นี้ด้วย โดยประกอบไปด้วยระบบย่อยๆ มากมาย อาทิ 

    • SDMS-α หรือ Suzuki Drive Mode Selector Alpha ซึ่งก็คือโหมดการขับขี่นั่นเอง โดยจะมีค่าเดิมมาให้ 3 ค่าคือ A, B และ C ซึ่งก็จะควบคุมระบบอิเล็กทรอนิกส์ส่วนอื่นๆ แตกต่างกันไป ช่วยให้เหมาะกับการขับขี่ในสภาวะที่ต่างกันออกไป และเจ้าของสามารถปรับเซ็ตเพิ่มเองได้อีก 3 ค่าคือ U1, U2 และ U3 โดยทั้งหมดนี้สามารถปรับได้ผ่านสวิตช์ที่แฮนด์บาร์ด้านซ้ายและแสดงผลต่างๆ ผ่านหน้าจอ TFT ตรงกลางเรือนไมล์
    • หน่วยประมวลผลและเซ็นเซอร์วัดแรงเฉื่อยแบบ 6 แกน หรือ IMU จาก Bosch 
    • ระบบควบคุมกำลังเครื่องยนต์ Power Mode Selector เลือกการตอบสนองของเครื่องยนต์ได้ 3 ระดับ โดย 1 คือโหมดที่ตอบสนองคันเร่งได้รวดเร็ว และให้กำลังสูงสุด โหมดที่ 2 ก็จะนุ่มนวลลงมา และโหมด 3 ก็จะนุ่มนวลที่สุดครับ
  • ระบบป้องกันล้อลอยตัว Anti-Lift Control System หรือโหมดป้องกันล้อหน้าลอยตัว ปรับได้ 10 ระดับ 1 คือรบกวนน้อยสุด 10 คือตัดกำลังมากสุด
    • ควิกชิฟเตอร์แบบ 2 ทาง ปรับได้ 2 ระดับ 1 คือตอบสนองเร็วสุดเหมาะกับการขับขี่แบบเรซซิ่ง และ 2 ก็จะนุ่มนวลกว่า
  • ระบบควบคุมเอ็นจิ้นเบรก Engine Braker Control System ปรับได้ 3 โหมด
    • ระบบโมชันแทร็กแทร็คชันคอนโทรล Motion Track Traction Control System หรือแทร็คชันคอนโทรลเวอร์ชันอัปเกรดแล้ว ซึ่งจะทำงานร่วมกับ IMU ปรับค่าได้ 10 โหมด
    • ระบบช่วยออกตัว launch Control System ปรับได้ 3 โหมด โดยจะล็อกรอบต่างระดับกัน
    • ระบบจำกัดความเร็ว Active Speed Limiter ระบบช่วยควบคุมความเร็วไม่ให้เกินที่กำหนด
  • ระบบครูซคอนโทรล Cruise Control System ปรับได้ตั้งแต่ 31 กม./ชม. จนถึง 200 กม./ชม.
  • ระบบไฟเตือนฉุกเฉิน Emergency Stop Signal
  • ระบบโมชันแทร็กเบรก Motion Track Brake System หรือระบบเบรก ABS แบบปรับปรุงแล้วซึ่งจะทำงานร่วมกับ IMU
    • ระบบช่วยเบรกขณะขับขี่ลงทางลาดชัน Slope Dependent Control System จะช่วยควบคุมแรงเบรกเวลาลงทางลาดชันป้องกันล้อหลังลอยตัว
  • ระบบช่วยหยุดรถบนทางลาดชัน Hill Hold Control System ช่วยป้อนแรงเบรกให้อัตโนมัติเวลาหยุดรถบนทางชัน 30 วินาที 

นอกจากเรื่องของระบบต่างๆ แล้ว ทางค่ายยังปรับปรุงช่วงล่างให้ดียิ่งขึ้น ทั้งในส่วนของเฟรม ระบบกันสะเทือนและระบบเบรก โดยเฟรมนั้นเลือกใช้วัสดุอย่างอลูมิเนียมที่มีทั้งแบบหล่อขึ้นรูปและแบบอัดผ่านพิมพ์ เพื่อให้ได้ความแข็งแรงและยืดหยุ่นที่เหมาะสม รองรับความเร็ว 299 กม./ชม.ได้ 

ระบบกันสะเทือน ด้านหน้าใช้โช้คหัวกลับ KYB ขนาด 43 ม.ม. ระยะยุบ 120 ม.ม. เคลือบ DLC ช่วยลดแรงเสียดทาน ตัวโช้คสามารถปรับได้ทั้งสปริงพรีโหลด คอมเพรสชันและรีบาวด์ ด้านหลังก็เป็นโช้คเดี่ยว KYB พร้อมกระเดื่อง สามารถปรับแต่งได้เต็มระบบเช่นกัน การันตีความนุ่มนวลและความเสถียร ตลอดไปจนถึงการยึดเกาะที่ดี

ระบบเบรกก็เกือบจะเต็มรูปแบบแล้ว โดยด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกคู่ขนาด 320 ม.ม. ใหญ่ขึ้น 10 ม.ม.ทำงานร่วมกับคาลิเปอร์เบรก Brembo Stylema ที่มีขนาดเล็กและเบา แต่ให้พลังเบรกที่สุดยอด ด้านหลังเป็นคาลิเปอร์เบรก Nissin 1 พ็อต ส่วนล้อนั้นมีล้อดีไซน์ใหม่แบบ 7 ก้าน

ในส่วนของดีไซน์ก็เรียกได้ว่าได้กลิ่นอายสายพันธ์เหยี่ยวขนานแท้ แต่ก็ได้ความสปอร์ตดุดันในแบบของจิ๊กเซอร์เข้ามา และที่สำคัญที่สุดคือระบบแอโรไดนามิกส์ที่ยอดเยี่ยมกว่าที่ผ่านมาอีกระดับ ซึ่งก็เป็นจุดเด่นสำคัญของเจ้าเหยี่ยว อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ สำหรับรถที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ในระดับ 300 กม./ชม. แบบนี้

เรือนไมล์ดีไซน์ใหม่มีหน้าจอ TFT ผสมกับระบบอนาล็อกที่แบ็กไลต์ด้านหลัง ให้ความสว่างชัดเจนแม้ยามค่ำคืน และแสดงผลข้อมูลต่างๆ ได้มากมาย ตัวไฟหน้านั้นเป็นแบบ LED ทั้งระบบและยังให้กลิ่นอายและ DNA ของ Hayabusa อย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้ยังมีไฟเดย์ไทม์รันนิงไลต์ที่เป็นไฟเลี้ยวในตัวเพิ่มเข้ามาด้วย ไฟท้ายเองก็เป็น LED ดีไซน์ใหม่สุดเฉียบ โดยมีไฟเลี้ยวอยู่ในโคมเดียวกันเลย ให้ความสวยงามมากยิ่งขึ้น

สุดท้ายนี้แม้ว่าทางค่ายจะไม่ได้ระบุตัวเลขแรงม้าออกมา แต่ยังไงเสียทุกคนก็น่าจะรู้ถึงสมรรถนะของมันได้เป็นอย่างดี และครั้งนี้ผมเชื่อว่าหลายๆ คนจะต้องตกหลุมรักมันอย่างแน่นอน สาวกคนบ้า คนขี่ฮายา ต้องไม่พลาดครับ

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Exit mobile version