spot_img
spot_img
spot_img
spot_img

รีวิว-ทดสอบ Royal Enfield Guerrilla 450 หรือ กองโจรสี่ห้าศูนย์

รีวิว-ทดสอบ Royal Enfield Guerrilla 450 หรือ กองโจรสี่ห้าศูนย์

 

Royal Enfield Guerrilla 450 ทดสอบบนถนนสเปน ของจริง

ฉีกกฎมอเตอร์ไซค์ Neo-Classic สู่ Roadster 100% มอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่จาก Royal Enfield ที่ปรับคาแรคเตอร์ให้ตอบโจทย์ของวัยรุ่นอินดี้(อินเดีย) ที่อยากหนีความจำเจ ด้วยรสชาติกลมกล่อม ของการขับขี่บนถนน

นิยาม EASY & FUN TO RIDE ROADSTER
ปัจจัยหลักสำคัญที่ใช้เป็นหัวใจในการออกแบบ Guerrilla 450 คันนี้
และอีกโจทย์ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ มองแล้วรู้ว่า นี่แหละ ROYAL ENFIELD

ความคลาสสิกจะเป็นสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับความทันสมัย แต่ Royal Enfield ได้จับทั้งสองอย่างผสมกันได้ลงตัวแบบพอดิบพอดี เหมือนแกงกระหรี่…เครื่องแกงผสมจากวัตถุดิบหลายชนิด

แต่การจะทำให้แกงอร่อยมันไม่ง่าย ไม่ต่างอะไรจากการออกแบบมอเตอร์ไซค์

ซึ่งทุกองค์ประกอบของคันนี้ ผ่านการทดสอบ ปรับเปลี่ยน และเลือกใส่ให้คุ้มค่าที่สุด ทั้งในด้านของต้นทุนและประสิทธิภาพ มันเป็นรถที่ขี่อร่อย แต่จะชอบไม่ชอบ ก็แล้วแต่คนกิน

เร็ว เบา ง่าย มือใหม่เข้าถึงได้ ขี่สนุกแน่นอน

 

First Impression

น้องขาวฟ้า Brava Blue คือสง่าและดูแปลกตาสมกับเป็น Neo-Classic-Roadsters

ก่อนที่จะได้เห็นตัวจริง
ก็นึกว่า อ๊ะ มาอีกค่ายละ…ทรง scrambler…ล้อหน้าใหญ่ล้อหลังเล็ก ใส่ยางหนามๆหน่อย เอาทรง อุปกรณ์อื่น ๆก็ติดๆมา ให้ขี่ได้ สเปกก็ตามราคา ไม่ได้หวือหวา เน้นดูแล้วหล่อ

นอกจากนั้นรถสไตล์คลาสสิกไม่ใช่แนวของผมเลย เฉยๆ กับทุกยี่ห้อ แต่…รุ่นนี้มันโดนใจแปลกๆ ยิ่งตัวขาวฟ้า นี่แบบอื้อหื้อ อยากจะขอยืมมาถ่ายรูปให้ได้ อยู่สเปน 3 วัน ขอ 3 วัน แต่ทีมงานหวงมาก ไม่ให้น้องโดนแดดเลย ได้มาแต่รูปในโรงแรม ถ้าถามผม น้องขาวฝ้า คือนางงามระดับ Miss Grand India สง่าที่สุดในงาน ส่วนสีอื่น ๆก็ เฉยๆ ไม่ได้กระแทกหัวใจขนาดนั้น

Guerrilla 450 ใส่ล้อมาเป็น หน้า-หลัง 17 ซึ่งมันคือขนาดของ Roadster ทั่วไป ต่างจากยี่ห้ออื่น ๆ ที่ล้อหน้าไม่ 18 ก็ 19 ก็เลยรู้สึกแปลกใจว่า ทำไม! ไม่ใส่ล้อหน้าใหญ่กว่าหลัง

จากที่ได้คุยกับทีมงานออกแบบ เขาเล่าว่า ไซส์นี้ (17นิ้ว) หายางง่าย และไม่จำกัดแค่ยางบั้งๆ เพราะมีให้เลือกอีกเยอะ แต่ที่เลือกยางตัวนี้มา เพราะ style และข้อจำกัดเรื่องต้นทุนการผลิต—รถอินเดีย ต้องยางอินเดีย เลยเลือก CEAT มาใส่

งานประกอบเกินราคา รางแบตและกล่องฟิวส์เข้าถึงง่าย ปลั๊กต่างๆไม่ต้องล้วงหา ใส่ใจรายละเอียด

สี-ลาย-งานประกอบ เนี้ยบทุกจุด พูดตรงๆว่า สมัยนี้ ดูแค่ประเทษผลิตไม่ได้ จะอ้างว่า นู้นแบรด์ญี่ปุ่น งานอังกฤษ ฟังแล้วโก้ อยากให้มาดูงานอินเดียซักหน่อย ไม่มีคำว่าก๊องแก้ง อย่างที่เขาพูดไม่มีผิด ทุกอย่างชนเพดานราคา ใส่มาสุดในงบนี้…คือเรื่องจริง

พูดถึง Spec

เครื่องยนต์ จาก Himalayan 450 ที่ปรับจูนอีกนิดหน่อย

เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ Sherpa 450 ยกมาจากรุ่น Himalayan เอามา Tune-up เปลี่ยนแมปใหม่ แรงที่ให้มาไม่มาก ไม่น้อย 452 CC, 40 ps @ 8,000 RPM , 40 Nm @ 5500 RPM

 

 

นุ่ม สบาย สไตล์ roadster

 

โช้ค
คู่หน้าเทเลสโกปิค43 mm ก็ใหญ่อยู่ ปรับไม้ได้ แต่มียางหุ้ม
ส่วนโช้คหลังเดี่ยว แบบ Arm link รวมๆ ดูมีสไตล์ …แต่นี่มันปี 2024 แล้ว
เข้าใจนะว่าต้องทำราคากับเพอร์ฟอร์มานซ์ให้ลงตัว แต่ Look ก็อีกส่วนสำคัญ
ถ้าเป็นอัพไซส์ดาวน์มา จะไม่บ่นเลย

 

 

บายบรี หรือ บายเบรมโบ้นั้นเอง

เบรก
ถ้าจะให้ติก็ตรงนี้แหละน่าเสียดายที่ออกมาใหม่ๆแต่ดันใช้เทคโนโลยีโบราณ
ปั้มล่างยังเป็น Axial ทั้งๆ ที่คู่แข่งในตลาดอย่าง Triumph Speed 400 ยังให้ Radial มา
ขนาด Zontes ยังใส่ 100mm Radial มาเลย

แต่ช้าก่อน…นี่มัน Bybre (by brembo) ที่ทีมงานบอกว่าเลือกสเปกผ้าเบรกท้อปถนน เกรดซินเตอร์มาให้
ปั๊มเบรกหน้า 2 สูบ จานเบรก 310มม. หลัง 1 สูบ จาน 270มม. พร้อมสายถัก เต็มระบบ

 

 

ยางสไตล์ออน-ออฟโรด ตัวท้อปของอินเดีย

ยาง
CEAT GRIPP XL ขนาดหน้า 120/70R17 หลัง 160/60R17 ลายดูหล่อเข้ม
ขัดใจนิดหน่อย เพราะข้างบนบอกว่า Guerrilla 450 = Sportster
แต่ดันนนน…ทะลึงใส่ยางบั้ง อะ ตามนั้น แล้วแต่ลูกพี่เลย

อุปกรณ์อื่น ๆ

  • ถังน้ำมันอะลูมิเนียม 11 ลิตร
  • ปลายท่อเดี่ยวออกข้าง และสวยด้วย
  • ไมล์กลม 4 นิ้ว TFT เชื่อมต่อมือถือขึ้น Google แมปได้ โคตรเฟี้ยว
  • ไฟหน้า LED
  • ไฟท้าย/ไฟเบรกLED รวมอยู่ในไฟเลี้ยว
  • คันเร่งไฟฟ้า
  • โหมดการขับขี่ 2 โหมด Eco / Sport
  • เบรก ABS

 

ON ROAD TEST

ขี่ง่ายๆ เลี้ยวตามตา มองทางไหนไปทางนั้น

ฟีลลิ่งการทดสอบระยะทาง 160 กม.
Barcelona Spain เมืองที่ขึ้นชื่อว่าสาวสวย หุ่นเซี้ย จมูกโด่งผิวออร่า และ ถนนสวยมาก เรียบ ละเอียด เอวเอส เอ้ย โค้งเอสเยอะ ได้ทดสอบสมรรถนะรถได้อย่างเต็มที่แน่นอน เพราะถนนแคบ แถม ประสพการณ์ครั้งก่อนที่สอนมาว่า เลยเส้นทึบ จะโดนปรับ 100 ยูโร เลยเข็ด ครั้งนี้มาเลยได้ล้างแค้น ว่า “ฉันจะต้องไม่โดนปรับ” แต่ต้องขับให้สุด เซ็งแค่มีรถขวางแล้วแซงไม่ได้ ระยะเกือบ 20 นาที

สิ่งที่ได้คือรอยแผลจาก “แตนสเปน” ต่อยขาตอนจะกางเข่าเข้าโค้ง กางเกงการ์ดเอาไม่อยู่ เล่นเอาแสบขาไปทั้งวัน ไม่ง่วงอีกเลย 555+

อย่างที่บอกไปข้างต้นประสพการณ์ ของผม กับ Royal Enfield = 0 จึงจะไม่ค่อยเข้าใจคาแรคเตอร์ ของยี่ห้อนี้ซักเท่าไหร่ แต่พอเข้าใจกับ Roadsters พอสมควร เพราะเคยขี่มาบ้าง แต่ไม่ใช่พิกัด 400cc

มารแชลนำขบวน ตามกฎหมายเป๊ะๆ ป้ายถนนเขียน 100 ขี่ 100 ป้ายเขียน 80 ขี่ 80 หมายถึงโค้งนะ น้าแกเล่นไม่เบรกเลย ไอเราก็ไหลตามๆคันหน้าไป ได้ฟีลโยนรถฉึบฉับ ตลอดทาง

ระยะทาง 160 กม. ในเวลา 10 ชม. ถามว่าขี่อะไรนานขนาดนั้น อ่อ ถ่ายรูป-ถ่ายคลิปจุใจ ไม่ผ่านถ่ายใหม่ วนอยู่ตรงนั้นแหละ  ขากลับเจอรถติด เกือบหลับ แต่ยังกลับโรงแรมได้ อีกอย่าง แผลยังแสบอยู่นะ 555

 

ขี่ลากรอบสูงๆ ก็มีสะเทือนไข่บ้าง ฟินดี

ประสิทธิภาพเครื่องยนต์
ย้อนกลับไปต้นๆของบทความนี้ ที่บอกไว้ว่า นี่คือ ประสพการณ์ครั้งแรกกับ Royal Enfield ซึ่ง ไม่รู้เลยว่า เครื่องเป็นยังไง ถ้าพูดฟีลลิ่งหลังขับขี่ ของเครื่อง Sherpa 450, มีทั้งข้อดีและข้อเสียปนๆกัน

สิ่งแรกที่รู้สึกได้คือทอร์คที่มาช่วง 5000 รอบ และดูเหมือน เครื่อง จะถูกโฉลกกับรอบเครื่องแถวๆนี้  คือ ประมาณ 4000-6000Rpm

แรงม้าสูงสุดที่ 8000 รอบ บอกเลยว่าาาาาา อย่าหาทำ เพราะเครื่องสั่นมาก สั่นทั้งคัน สั่นแบบ กระจกมองข้าง มองข้างหลังเห็นเป็นสีๆ เบลอๆ สิ่งที่ทำได้คือรีบผ่อนคันเร่ง แล้วกลับมาใช้ทอร์ค ที่เกียร์สูงขึ้นแทน

เอาจริง ๆ เครื่องสูบเดียวก็ประมาณนี้อยู่แล้ว แต่ดันสั่นจนเสียวที่รอบแรงม้าสูงสุด ทั้ง ๆที่ยังไม่ถึง Red-line มันทำเอาเสียอารมณ์มาก ๆ ถ้าอยากได้รถรอบสูง ข้ามรุ่นนี้ไปเลย แต่ถ้าขี่รอบกลาง ใช้ทอร์คเน้นๆ คือ ดี…ดีมาก จังหว่ะโยนโค้ง เลี้ยว หรือเปิดคันเร่งตอนออกโค้ง ถ้าใช้รอบเครื่องที่ทอร์คทำงาน มันสนุกมาก แต่ถ้าเข้ารอบสูงก็อืม…ทำใจ

 

ไหล่ไม่ตั้ง ศอกไม่ตึง เข่าหนีบถังกำลังดี

ท่านั่งและการควบคุม
หนึ่งสิ่งทีสัมผัสได้จากการคร่อมรถครั้งแรก ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะผมมี DNA อินเดียรึเปล่า แต่พอนั่งปุ้บ  เฮ้ย! คือทุกอย่าง มันพอดี ขนาดใส่รองเท้าเการ์ดที่ไม่ได้ใส่มานานนนนนมาก ขนาดเดินยังไม่ชิน แต่เวลาขี่ เตะเกียร์ เหยียบเบรก เป๊ะๆ

ระยะแฮนด์พอดี ถัง อาจจะต่ำไปนิด แต่พอหนีบได้ ซึ่งจริงเวลาขี่ มันไม่จำเป็นต้องหนีบถังเข้าโค้งเลย หมอบ…ไม่อยากพูดถึงแต่ก็ต้องพูด ถ้าจะเอาคางติดถัง ท่าขี่จะเหมือนตะพาบว่ายน้ำกินสาหร่าย คือ ถังกับหัว ไกลมากกกกกก ก้มจนปวดคอ…เอาเป็นว่า Guerrilla 450 มันออกแบบให้นั่งตัวตรง โดนลมแล้วกัน ใครจะหมอบ ปรึกษาแพทย์แผนโบราญรอไว้เลย คอ-บ่า-ไหล่ต้องเข้า

ถ้าพูดถึงการขับขี่แบบคนปกติ อย่างที่บอก มันพอดี เบาะแคบ ถังเล็ก ไม่ต้องแหกหำขี่ กำลังดี ระยะแฮนด์ ไม่กว้างไป พับเท้าอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานง่าย ไม่ไกล ไม่ลึก

สำคัญ! เลี้ยวง่ายมาก มองทางไหนไปทางนั้น วูบวาบ แบบ รถเน้คเก็ต ไม่ต้องโหนรถ ไม่ต้องย้ายก้น ทิ้งไหล่ เข้าได้เลย เหมาะมาก สำหรับมือใหม่ สาย Lean-With แต่ถ้าจะโหน ต้องระวังนิดนึง เพราะถังเตี้ย ไม่ค่อยมีที่เกาะ + ล้อหน้าที่ไวมาก ขยับนิดเดียวพับ อาจจะเหวอได้ หนีบถังเข้าโค้งก็พอ ไม่ต้องโหนก็หมดขอบได้
โดยรวม ชอบ handling ผ่าน ไปข้อต่อไป

 

 

จริตรถไม่เน้นเข่าติดพื้น เพราะแค่เอียงไหล่ รถก็เข้าแล้ว

ระบบช่วงล่าง
ตอนขี่ในเมือง คือว้าว!  ระบบช่วงล่าง นุ่ม ซับแรง ขี่สบาย เข้าโค้งคม ที่ความเร็วบานกลาง…เน้นย้ำ…ปานกลาง แต่เจอหลุม/หลังเท่า ก็มีสะเทือน แต่ขี่ไปซักพักก็ชิน

อีกแหละ โจทย์ของ  Guerrilla 450 ทำมาเพื่อมือใหม่ที่พึ่งเข้าวงการบิ้กไบค์ เพราะเท่าที่ทดสอบ 70-90 คือความเร็วที่ปลอยภัย และ รับกับทุกโค้งบนถนน  ครั้นจะขี่ความเร็วสูงคงไม่ตอบโจทย์ ถ้าเริ่มเค้นหนักๆ ความเร็ว 120+ จะเจออาการท้ายสับ หน้าไหวๆ ซึ่ง แก้ปัญหาด้วยการลดความเร็ว ถ้าไม่อยากเสียตังซื้อของแต่ง

 

 

ไม่ค่อยมั่นใจกับยาง เวลายัดโค้งแรงๆมีโยกเยกเล็กน้อย

ยาง
ยาง…ขัดใจใบ๋สุดๆ ทีมออกแบบน่าจะตัดสินใจปั้นนรถให้ดูดุๆ แล้วยัด ยางบั้ง แต่ตอนพรีเซ็นต์ ดันมีคำว่า Roadster ค้ำคอ ซึ่งถ้าจะเอายี่ห้อ CEAT มันก็มีตัวเลือกเป็นยางลายสปอร์ตอยู่ ประสิทธิภาพยาง พอถูไถ ขี่ได้แต่ถ้าขี่เร็ว + เจออาการสับของโช้ค ทำได้อย่างเดียวคือลดความเร็ว แล้วก็ทำใจ
อย่างว่า ยางไซส์นี้ ตัวเลือกเยอะมาก เอาที่ชอบ แต่อันนี้ ผมไม่ชอบบบบบบ เคนะ

 

 

ดีเวอร์ แต่ปั้มบนตึงมือไปหน่อย

เบรก
ยอมรับเลย ผ้าเบรกที่ให้มา รวมกับสายถัก เต็มระบบ เหมือนของแต่ง ยันกล่อง ABS กำหนัก หัวทิ่ม ผมว่าดีเกินไปด้วยซ้ำ ถ้าจะให้ติ ก็แค่ปั๊มบนที่มัน modulation ได้น้อย คือไล่น้ำหนักยากนิดนึง เออแล้วไม่ได้เป็นแค่ที่มือนะ ที่ตีนก็เหมือนกัน เหยียบปั้บเบรก

 

 

ยอมรับว่าพลาดที่ไม่ได้ลอง Google Map

ระบบหน้าจอ และระบบช่วยเหลือการขับขี่
ตอนมาอ่านสเปกชีทว่า เฮ้ยแม่งเชื่อม googlemap ได้ ไม่ต้องกลัวหลง เนี้ยคือจุดขายสำคัญของคนใช้มอไซเพราะไม่ต้องติดอปุกรณ์เพิ่มให้เกะกะ ใช้ไมล์ที่มีมาให้ได้เลย  เสียดายที่สุดเพราะไม่ได้ลอง
หน้าจอ เด่นชัด สว่างจ้า แม้แดดแยงตาก็มองเห็น

จอ=ปลื้มมาก มันไม่ใหญ่ ไม่เล็ก สเปกแน่นๆ

ระบบช่วยเหลือ อย่างสีเหลือง เยลโล่ เอ้ย ABS สำหรับผม คิดว่ามันหน่วงและห่างไปหน่อย เวลาเบรกหนักๆ มันยึกๆ อธิบายไม่ถูก เหมือนระยะจับ-ปล่อยมันห่างกัน ทำให้รถมีอาการ ไหล-หยุด ไหล-หยุด ถ้าใครเคยขี่รถ Scooter มี ABS ก็จะอารมประมานนั้น ถามว่าแย่มั้ย ก็ไม่ แต่มันมีที่ดีกว่านี้

Traction ไม่มี ซึ่งความเห็นของผม ในส่วนนี้มองว่า รถในคลาสเริ่มต้น ไม่ได้จำเป็นอยู่แล้ว คือมีก็ดี ส่วนมากจะได้ใช้เวลาขี่ห้าวในทางเปียก แต่ด้วยกำลังเครื่องที่ไม่ได้สูงมาก ทางแห้ง ถ้ายางดี ๆหน่อยผมพนันได้เลยว่า Traction ไม่จำเป็น

ส่วนนี้ ใช้เท่าที่มี มีเท่าที่ใช้ ดีแล้ว ยัดมาเยอะๆไม่ได้ใช้ เพิ่มราคาตลาดแตก ก็ไม่แปลกที่จะขายไม่ออก

ตามโจทย์ Guerrilla 450 เน้นลงตัว ทุกสัดส่วน

โหมดการขับขี่ มี 2 โหมด
คือ SPORT โหมดไม่ตอน และ ECO โหมดตอน
เท่าที่ทดสอบในโหมด Sport ช่วงรอบต่ำ คันเร่งหน่วงนิดๆ บิดคันเร่งแล้วต้องรอ ecu ทำงาน รอบถึงจะมา แต่ถ้ารอบกลางๆไหลๆ ไม่มีปัญหา คันเร่งติดมือดี ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นมาจากการออกแบบ เพื่อไม่ให้มือใหม่เหวอ หรือ ทอร์คลงพื้นหนักไป

ส่วน ECO อืดมาก ขี่แล้วหงุดหงิด แถมอีกอย่าง ถ้าจะเปลี่ยนโหมด ต้องจอดสนิท เปลี่ยนขณะขับขี่ไม่ได้ นึกภาพว่า ขี่รถยาวๆ ตามคันหน้า 20-30 นาที ไม่จอด พลั้นจะเร่ง รถก็เร่งไม่ไป ชวนหัวร้อนมาก

เอาเป็นว่าโหมดนี้ ใช้ในเมือง ไฟแดงถี่ ๆ หรือความเร็ว ไม่เกิน 60 ไหลๆ แต่ถ้าขี่ออกทริปก็ รีบหาที่จอด เพื่อเปลี่ยนโหมดด่วนๆ

สรุป

มันเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ขี่สนุกสำหรับมือใหม่จริง ๆ ทุกอย่างที่ให้มาคือ Royal Enfield คิด วิเคราะห์ แยกแยะ มาแล้วว่าดีพอสำหรับกลุ่มเริ่มต้น ไม่แรงไป ไม่แข็งไป เลี้ยวไว คุมง่าย กำลังเครื่องพอมือ

เรียกได้ว่าทุกอนุภาคของรถ คุ้มกับเงินที่จ่ายไปอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเบรก โช้ค เบาะ พักเท้า แม้แต่ท่อ เดิม ๆ มันจบในตัว ไม่ต้องทำเพิ่ม

ถ้าจะแต่งก็คงใส่แค่ อุปกรณ์ Styling เก๋ๆ เช่นกระเป๋าข้าง ท่อทรงคลาสสิก แครชบาร์ การด์ไฟหน้า เน้นแต่งหล่อๆพอ

ส่วนตัวผมมองว่า Guerrilla 450 มันคือรถที่จอดแล้วหล่อ ขี่แล้วหล่อ ไม่ใช่สายเพอร์ฟอร์แมนซ์ เหมือนแบรนด์อื่น ๆ ที่พยายาม บี้ๆ กันในเรื่องสเปก ว่าตรงนี้ฉันดีกว่า ตรงนั้นฉันเทพกว่า

ตรงกันข้าม Guerrilla 450 มันนัว อร่อย กำลังดี ไม่เผ็ดแสบลิ้น หรือเปรี้ยวแหลมจนตาหยี รสชาติไม่ได้หนักไปทางได้ทางหนึ่ง เสมือนแกงกะหรี่ที่กลมกล่อม กินได้ทุกเพศทุกวัยจริง ๆ

ยิ่งถ้าราคาอยู่รวาม 140,000 – 160,000 ผมว่าคุ้มแน่นอน

 

Triumph Speed 400

ซ้าย Royal Enfield Guerrilla 450, ขวา Triumph Speed 400
มวยถูกคู่ สไตล์ Neo Classic Roadster

เปรียบเทียบ

ในคลาส 400cc ทรงคลาสสิก ถ้าเทียบจะรูปร่าง และ สเปก กับรุ่นอื่นๆ เช่น Honda CB300R , Triumph Speed 400  ส่วนตัว คิดว่า Guerrilla 450 ยังด้อยในเรื่องของ หน้าตา โช้คหน้า และคาลิเปอร์หน้า เพราะส่วนมากในปัจจุบัน หลากหลายยี่ห้อ ได้หันมาใข้ โช้กอัพหน้าแบบ อัพไซต์ดาวน์ และปั๊มล่างเรเดียล แต่ Royal Enfield ไม่ได้ตามกระแสในส่วนนี้

คำถามคือ….คนส่วนมากเลือกรถจากการไปดูรูปในเน็ต
อ่านสเปคก่อนถึงจะตัดสินใจไปลองขี่ แล้วค่อยซื้อ

หรือบางที่ อาจจะไม่มีให้ทดลองขี่ด้วยซ้ำ ซื้อก่อน ลองที่หลัง

แม้ว่า Royal Enfield จะบอกว่าให้ทุกอย่างมาเต็มสเปก เบรกดี โช้คดี
แต่สุดท้ายถ้าไม่ได้ลองเองก็ไม่มีวันรู้ จะบอกว่าเป็นจุดแข็งก็ไม่ใช่ จุดอ่อนก็ไม่เชิง
เพราะว่ารูปลักษณ์บอกความรู้สึกไม่ได้

ข้อดี

  • ผ้าเบรกซินเตอร์ สายเบรกถัก แน่น เอาอยู่
  • นั่งตัวตรงขี่สบายๆ ทุกอย่าง อยู่ในระยะที่พอดี (ถ้าสูงประมาณ 166-175)
  • คุมง่าย เลี้ยวได้ดั่งใจ หมดขอบไม่ต้องโหน
  • งานประกอบ พาร์ทต่าง ๆ ดูดี มีราคา
  • ราคาเข้าถึงง่าย
  • จอดหล่อ สีสวย

ข้อสังเกตุ

  • รอบสูงเครื่องสั่น สั่นมาก
  • โหมดขับขี่ ที่มาแบบตอนๆ
  • คันเร่งหน่วงที่รอบต่ำ
  • ยาง…ไม่พอมือ สายถนน
  • ต้องลองขี่ ถึงจะรู้ว่าดี

 

คะแนนสำหรับการรีวิวทดสอบ

ประสิทธิภาพเครื่องยนต์
7/10 รอบสูงสั่น แต่แรงม้าดันอยู่รอบสูง

ท่านั่งและการขับขี่
10/10 ไม่เมื่อยแน่นอน

ช่วงล่าง
7/10 นุ่ม ดี “สำหรับมือใหม่”

เบรก
9/10 bybre ดีแน่ แต่ทำม้ายยย ไม่เอาเรเดียล

ยาง
5/10 CEAT ขี่ได้ มาไทยอาจจะ IRC

ระบบช่วยเหลือ
7/10 กูเกิ้ลแมพ หน้าไมล์อย่างเฟี้ยว ที่เหลือก็ อืม…

OVERALL 7.5/10
โจทย์คือ มือใหม่ ถ้านี่คือมอเตอร์ไซค์คันแรก ผมว่าใช่ คุ้มทุกบาทที่จ่ายไป
แต่ถ้าขี่รุ่นอื่นมาพักใหญ่ แล้วย้าย หรือลด CC มา ผมว่า มันจะต้องทำรถอีกเยอะ

Ride or Upgrade
ที่มีมาให้มันจบ แม้แต่ท่อก็ไม่ต้องเปลี่ยน รถหล่อ หน้าตาดี เสียงใช้ได้
ถ้าจะเปลี่ยน ก็เปลี่ยนยางเด้อออออ….ขัดใจมาก

ทิ้งท้าย
1 สิ่งที่ผมชอบกับแบรนด์นี้ คือความภาคภูมิ
ในความเป็น Royal Enfield
แบรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล ที่มีต้นกำเนิดจากอินเดีย
ไม่ได้บอกว่าเป็นแบรนด์อังกฤษ ยุโรป อิตาลี
เหมือนยี่ห้ออื่นๆที่ใช้ประเทศเป็นที่ตั้ง
เขาบอกว่า เขาคือ Royal Enfield
เป็นสากล ไม่ได้หวงประเทศ

ใครจะยี้ว่ารถอินเดีย เขาจะตอบคุณว่า
ใช่ รถอินเดีย แต่คุณมีขี่ยัง?

 

อานข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

- Advertisement -
SeedZaad
SeedZaad
Photographer, Moto-Tech Geek🤓. Speed Freak, and Two wheels fanatics. I🏊‍♂️Ride🚵‍♂️Bikes🏃

บทความยอดนิยม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่