Eliminator 2025 ทรงดี สีใหม่ ขี่ง่ายกว่าเดิม
ข่าวดีสำหรับเหล่าสาวกสายสตรีทครูเซอร์ โดยคาวาซากิประเทศญี่ปุ่นได้ทำการเปิดตัวโมเดล Eliminator 2025 กับครูเซอร์ไบค์รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีการอัปชุดสีและฟังก์ชันมาใหม่ทั้งในรุ่น STD รุ่น SE และรุ่น Plaza ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Make Every Day Exciting”
โดยเฉดสีที่มีการปรับมาใหม่ประกอบไปด้วย รุ่น STD สีดำ (Metallic Flat Spark Black)
รุ่น Plaza สีเทามุก (Pearl Storm Grey), สีกากี (Pearl Sand Khaki)
รุ่น Plaza – สีเทามุก (Pearl Storm Grey) |
รุ่น Plaza – สีกากี (Pearl Sand Khaki) |
รุ่น SE สีเขียวเข้ม (Metallic Flat Spark Black x Metallic Matte), สีฟ้า (Phantom Blue X Ebony)
รุ่น SE – สีเขียวเข้ม (Metallic Flat Spark Black x Metallic Matte) |
รุ่น SE – สีฟ้า (Phantom Blue X Ebony) |
นอกจากนี้ทางค่ายเองยังติดตั้งระบบแอสซิสต์แอนด์สลิปเปอร์คลัตช์ ที่ช่วยเพิ่มความนุ่มนวลในจังหวะเชนเกียร์ รวมถึงติดตั้งฟังก์ชันใหม่ในรุ่นพิเศษกับระบบ Drive Recorder System หรือระบบบันทึกวิดีโอกล้องหน้า-หลังรถ USB Charge Type C สำหรับใช้งาน และครอบไฟหน้าโฉมใหม่และใส่ยางหุ้มโช้คสำหรับรุ่น SE อีกด้วย
ในส่วนอื่น ๆ ยังคงยึดตามหลักพื้นฐานของตัวโมเดลที่คงความหล่อเหลาด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ตามฉบับครูเซอร์ไบค์ ทั้งมิติตัวรถในแบบ Low and Long และเครื่องยนต์วางแนวจุดศูนย์ถ่วงต่ำทำให้การขับขี่นั้นง่ายขึ้นโดยไม่ต้องพะวงเรื่องความสูง ผสมผสานความคลาสิกและความทันสมัยที่ช่วยเพิ่มความเท่ของผู้ขับขี่ไปอีกระดับ
ในด้านเครื่องยนต์เป็นแบบ 2 สูบเรียง 8 วาล์วขนาด 398 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดียวกันกับเจ้า Ninja 400 มาพร้อมจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด ระบบเกียร์แบบ 6 สปีด ให้พละกำลังแรงม้าสูงสุดที่ 48 แรงม้าที่ 10,000 รอบ และแรงบิด 37 นิวตันเมตรที่ 8,000 รอบ พร้อมความจุถังน้ำมันขนาด 12 ลิตร
ในขณะที่ช่วงล่างใช้โช้คหน้าแบบเทเลสโคปิกขนาดแกน 41 มม. ส่วนโช้คหลังเป็นโช้คสปริงคู่สามารถปรับค่าพรีโหลดได้ พร้อมติดตั้งจานดิสก์เบรกด้านหน้าขนาด 310 มม. ด้านหลังขนาด 240 มม. โดยดิสก์เบรกทั้งคู่จะถูกพ่วงด้วยคาลิเปอร์เบรก 2 ลูกสูบ พร้อมล้อและยางขนาด 130/70-18 และ 150/80-16 ตามลำดับ และเคลมน้ำหนักตัวรถมาที่ 176 กก.
สำหรับฟีเจอร์ตัวรถที่ติดตั้งมาให้ เริ่มจากหน้าจอเรือนไมล์ LCD แสดงผลฟังก์ชันใช้งานครบครัน และยังเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชัน “RIDELOGY” ที่มีทั้งฟังก์ชัน Vehicle Info, Riding Log, Telephone Notice, Tuning-General Setting รวมถึงระบบไฟส่องสว่าง LED รอบคัน และระบบกระจายแรงเบรก ABS ที่ช่วยลดระยะการเบรกได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับในเรื่องของการจัดจำหน่าย โดยรุ่น STD เปิดตัวราคาอยู่ที่ 814,000 เยนหรือราว ๆ 1.96 แสนบาท รุ่น Plaza เปิดราคาที่ 869,000 เยนหรือราว ๆ 2.09 แสนบาท และรุ่น SE เปิดราคาอยู่ที่ 913,000 เยน หรือราว ๆ 2.2 แสนบาท ซึ่งทั้ง 3 รุ่นจะเปิดตัวพร้อมกันในช่วงเดือนมีนาคมนี้ สำหรับเรื่องการจัดจำหน่ายในไทยคาดว่าน่าจะเป็นไปได้ และราคาคงไม่กระโดดจากเจ็นเดิมไปมากนัก ก็คงต้องลุ้นกันในงานมอเตอร์โชว์ 2024 ว่าทางค่ายจะนำโมเดลโฉมใหม่มาให้จับจองหรือไม่
แต่ที่แน่ ๆ ในไทยยังมีรุ่นเจ็นเดิมพร้อมจำหน่ายในราคา 224,900 บาท โดยสามารถดูรีวิวเพิ่มเติมได้ คลิกที่นี่
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก