Ducati Streetfighter V2S 2025 ทดสอบแล้ว..จองเลยได้ไหม!

ถ้าคุณสยองจาก Ducati Streetfighter V2S 2025 ก็มากองที่คันนี้ ทดสอบการใช้งานแบบชีวิตจริง ขับขี่ชิลล์ ๆ ด้วยน้ำมัน 1 ถัง กับ ถนนประเทศสเปนที่มีระยะทางการขับขี่กว่า 200 กิโลเมตร (ขี่ไปไหนนักหนา)
แปลกแต่จริง..นี่คือดูคาติคันแรกที่ขี่แล้วไม่เหมือนดูคาติ !! อ่า..ใจเย็นนะครับทีมงานดูคาติ ให้ผมอธิบายก่อน รูปร่างหน้าหล่อเหมือนนักสู้รุ่นพี่ V4 เพียงแค่ไม่มีปีก แต่ฟีลลิ่งของเครื่องยนต์ต้องบอกว่า..หืม? มันเปลี่ยนไปขนาดนี้จริง ๆ หรือ
Ducati Streetfighter V2S 2025 มิติภาพรวมของดีไซน์

ส่วนหัว…คืออันเดียวกันกับรุ่น V4 ตัวพี่ แต่ไหลและตูด (เอ้ย) ถังและแฟริ่งจะเป็นเวอร์ชันของตัวเอง ซึ่งสไตล์การออกแบบจะใช้พื้นฐานเดียวกันคือเอา Panigale V2 มาถอดแฟริ่งและเปลี่ยนชุดแผงคอหน้าให้เป็นเน็กเก็ด แล้วไล่ระบบแอโร่ไดนามิกใหม่หมด สรุปผลที่ได้ออกมาคือ Streetfighter V2 ที่ขาดแค่วิงแซ่บ เอ้ย วิงก์เล็ต ผ่ามมม!
ในเรื่องดีไซน์การออกแบบก็เป็นไปในแนวทางเน็กเก็ดของ Ducati คือครึ่งหน้าแฟริ่ง ครึ่งหลังโชว์เครื่อง และที่เห็นได้เด่น ๆ คือโช้คอัพแกนนอนฝั่งซ้ายของตัวรถ ยิ่งท่าเป็น V2S ก็จะเห็นเป็นโช๊ค Ohlins เหลือง ๆ และที่ติดมาด้านท้ายคือ ท่อคู่ทรงกระป๋องที่หล่อลงตัว

จุดสังเกตของเทรนด์การออกแบบท่อ ในหลาย ๆ แบรนด์ตลอดระยะเวลาช่วง 2-3 ปีมานี้ เน้นออกแบบทรงท่อเดิมที่เหมือนท่อแต่ง หรืออาจจะเป็นการออกแบบโดยแบรนด์ท่อที่ไม่ขอใส่โลโก้ก็เป็นไปได้ในหลาย ๆ รีวิวที่เคยพูด หรือ เขียนไป จะบอกว่าท่อเดิมก็ดูดี แต่เหตุผลเบื้องหลังคือ…ผมเป็นคนที่อยู่ในเจ็นที่ก่อนจะซื้อรถ ต้องสั่งท่อมารอไว้ก่อน แต่ถึงเวลานี้ ผมว่าไม่ต้อง Ducati Streetfighter V2 ก็คือหนึ่งในนั้น ท่อเดิม…สวย

อีกหนึ่งเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้ … เบาะสำหรับคนซ้อนคือออปชันเสริม ตัวรถจะให้เป็นครอบท้ายมาแทนจากโรงงานเลย ถ้าอยากมีคนซ้อน ต้อง “ซื้อ” เบาะ และ พักเท้าเพิ่ม ในทางกลับกัน Streetfighter V2 จะให้เบาะและพักเท้าคนซ้อนติดรถมา ถ้าจะเอาครอบเบาะ ต้องซื้อเพิ่ม ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ ว่าจะแบ่งแยกสเปกทำไม ในเมื่อก็รู้อยู่แล้วว่าคนซื้อรถรุ่นนี้ ส่วนมากขี่คนเดียวอยู่แล้ว…ใช่ม่ะ
แชสซี เครื่องยนต์ และเทคโนโลยี
อย่างที่บอก..ว่าสูตรคือ Panigale – Fairing = Streetfighter แชสชี และเครื่องยนต์มันเหมือนกันกับ Panigale เรื่องของสวิงอาร์มคู่ที่มองข้ามไม่ได้ บวกกับการที่ด้านหน้าไม่มีวิงก์เล็ต เมื่อจอดไกล ๆ อาจจะดูเหมือน..แต่เอ๊ะมันใช่ Ducati รึป่าวนะ เดินเข้าไปใกล้ ๆ ระยะห่างซัก 2 -3 ก้าว ถึงจะอ่อ…เออ Ducati สำหรับผม มันไม่เแปลกที่จะเห็นรถสวิงอาร์มคู่ แต่สิ่งที่น่าแปลกกว่าคือเห็น ‘Ducati สวิงอาร์มคู่’ แค่นั้นเอง ซึ่งทุกอย่างที่ออกแบบมา Ducati ทำเพื่อประสิทธิภาพการขับขี่มากกว่า ลุคที่ดูเด่น
เครื่องยนต์

เครื่องยนต์กำลังสูงสุด 120 แรงม้า แรงพอตัว สำหรับคลาส middleweight หรือคลาสกลาง แล้วยังมีทอร์คเริ่มต้นที่รอบต่ำสุด 3,000 rpm และอีกอย่างการที่ได้สัมผัสเป็นครั้งแรกคือ ระบบสปริงวาล์วในรถ Ducati โดยปกติแล้ว จะเป็น Desmodromic เสียงเครื่องเวลาคร่อมถังก็จะดังอีกแบบ ซึ่งแน่นอน Ducati มีโหมดปลดล็อกสำหรับคนงบเหลือคือท่อฟูลจาก Akrapovic คนดีคนเดิม เปลี่ยนแล้วรีแมพเติมให้อีก 6 แรง จบที่ 126 แรงม้า เสียงท่อก็น่าจะแสบหู เพราะ Racing Use Only
ระบบอิเล็กทรอนิกส์
จากที่ถามในช่วงบรีฟ เขาบอกว่า ระบบไม่ได้ยกมาจาก V4 ซะทีเดียว มันเป็นกล่องแบบเดียวกัน แต่..พัฒนามาเพื่อ V2 โดยจะตัดฟังก์ชันบางตัวออกไป และตัวนั้นก็คือ DSC (Ducati Slide Control) คุมให้ล้อหลังสไลด์ กับ cABS (Combine ABS) หรือระบบช่วยเบรกที่ล้อหลัง ที่เหลือมีเหมือน V4 ทั้งหมด ส่วนตัวคิดว่าขี่บนถนน 2 โหมดนี้ ไม่ได้สร้างความแตกต่างมากเท่าไหร่อยู่แล้ว
สิ่งที่น่าสนใจคือ Added Features เช่น Cruise Control, Turn by Turn navigator, TPMS, USB Port ที่ดูคาติไม่ได้บังคับติดตั้งมาให้ (ใน V4 ก็มีเป็น option เหมือนกัน) แต่สามารถซื้อเพิ่มได้ อันนี้ผมก็ยกมือถามอีกว่าทำไม(งก)ไม่ติดตั้งมาให้เลย เขาก็บอกว่า มัน ”ไม่จำเป็น” สำหรับทุกคน ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วนิดนึง แต่พอคิดดูจริงๆ ก็…เออหว่ะ ใส่เกียร์ฉันยังกำคลัชอยู่เลย จะเอาอะไรกับครูซคอนโทรล มีแล้วได้ใช้รึเปล่า ก็อย่างว่าแหละ สำหรับมอเตอร์ไซค์ อะไรที่ใช้ต้องมี อะไรไม่ใช้ก็ไม่ต้องมี
First Impression
![]() |
![]() |
มุมมองแรกคือ คลีน ดูกี่ทีก็ล่ำ พอคร่อมแล้ว เออ..มันใช่ ไม่ดูเป็นเด็กน้อยขี่รถ ด้วยขนาดความสูง 168 ได้ยืนเต็มเท้าถือว่าสบายละ ไม่กลัวไฟแดง และที่โดนใจสุด ๆ คือท่อคู่ ใต้ตูดและติดตูดมด (ครอบเบาะ) มาให้เลย แต่ในสิ่งที่จะดูแหว่ง ๆ ไปคงเป็นอกล่าง เพราะรุ่นพี่ V4 จะเป็นท่อตรงอกล่าง เลยดูแน่นกว่า แต่ก็นะ ไม่เป็นไร ได้ท่อออกตูด
มาถึงคันนี้คงไม่ติเรื่องกระจกข้างแล้ว เพราะทำใจจาก V4 ได้แล้ว คือแบบ กระจกข้าง?…เออ…แปปนะครับคุณลูกค้า (หายไป 10 นาที) นี่ครับคุณลูกค้ากระจกข้าง ถามว่าทำไมผมเป็นติ่งกระจกข้าง เพราะผมใช้ไง ของที่ดีคงไม่หนีรถญี่ปุ่นแหละ เลิกบ่นดีกว่า 555
Test Ride Ducati Streetfighter V2 @Almeria กับน้ำมัน 1 ถัง

ตามที่ได้โจทย์จากบรีฟคือ ขี่บนถนนใน Almeria ด้วยระยะทางประมาณ 200-250 กม. โดยมีแวะพัก 2 ที และเติมน้ำมันเต็มถังก่อนกลับ อากาศเป็นใจมาก ๆ อุณหภูมิไม่เกิน 20 องศา ถือว่าสบาย ๆ โดยเส้นทางจะมีตั้งแต่เมืองติดไฟแดง แต่คงเทียบอะไรไม่ได้กับบ้านเรา ย่านสุขุมวิท เพราะที่ไทยคือ ไฟแดงงงงงงงงง ต่อด้วยถนนไฮเวย์ที่ได้กดท็อปสปีดสูงสุดที่ 120 กม./ชม. ตามป้ายและมาร์แชลทางยาว ๆ ต่อไปถึง ขึ้น-ลงเขา เล่นเอาเมาโค้ง และย้อนกลับมา ไฮเวย์ ลงมาในเมือง เติมน้ำมันและกลับ โรงแรม จบทริป ประมาณนี้
เริ่มแรกคือทางออกจากโรงแรม ความสมูทของเครื่องเจ็นใหม่ก็สัมผัสได้ทันที่ที่ล้อหมุน และบิดเบา ๆ มุ่งน่าสู่ไฮเวย์ เนื่องจาก Almeria เป็นเมืองที่เงียบ รถยนต์ไม่พลุกพล่าน แต่กฎหมายเรื่องความเร็วเขาโหด คุมความเร็ว อยู่ประมาน 50-60 ได้ใช้เกียร์ 1 – 2 ทอร์คมาตั้งแต่รอบต่ำ กระแทกหนักก็มียก สะกิดคลัชก็มีลอย
เข้าสู่ถนนไฮเวย์ ถึงได้เริ่มทดสอบอัตราเร่ง ของเครื่อง 890cc ต้น กลาง ได้ใช้หมด เสียดายรอบปลาย แทบไม่ได้ใช้ นั้นเป็นเพราะว่าคนนำไม่ได้พาไปเร็ว เราแค่ตาม อย่าหลงพอ ขณะที่ขี่บนไฮเวย์ ก็ได้ทดสอบ Cruise Control ไปด้วย เป็นช่วง ๆสั้น ๆ เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ดี
ไปต่อจากไฮเวย์ถึงทางขึ้นเขาถ้าให้เราก็ขึ้น เอ๊ะ… ชาเลนจ์ของถนนเมืองนอกคือ แคบและรถสวนมาแต่ละคันมาแบบไม่เกรงใจ ใส่เต็มหมด อย่าออกนอกเส้นพอ แรกๆ ก็ไม่ชินหรอก พอหลัง ๆ ก็ไม่ชินเหมือนเดิม พลาดเยอะ มีบานเลยเลนบ้าง แต่แก้อาการกลับมาได้ไว เพราะเบรคและช่วงล่างเลย ถึงกลับมาได้
ช่วงสุดท้ายที่ลงเขาเพื่อกลับโรงแรม ได้โอกาศแฝงตัวไปอยู่กลุ่มเร็วเลยได้ขี่ ไล่ บี้ จี้ ขบวนมากขึ้น เพซการขับขี่เร็วขึ้นถึงเริ่มเข้าใจคาแรคเตอร์ของ Streetfighter V2S อย่างแท้จริง
รถคันนี้ ขี่สนุกในรอบกลาง-ปลาย เหมาะกับถนนคดเคี้ยว เลี้ยวเยอะๆ แต่ไม่จำเป็นต้องเร็ว ด้วยระบบช่วยส่งกำลังต่าง ๆ ที่มีมาให้ รวมถึงควิกชิฟเตอร์ที่เป็นเหมือนพระเอกบนเส้นทางแนว ๆ นี้ ได้เข้าเกียร์ทุกโค้ง เบรก ปิดคันเร่ง สับเกียร์ ตู้ม ตู้ม เปิดคันเร่งวน ๆ อยู่ จนถึงทางไฮเวย์อีกรอบ…ไม่มีเหนื่อย และรู้สึกว่า เฮ้ยทริปสั้นจังว่ะ ส่วนรอบต่ำขับในเมือง ก็สนุกได้ ถ้าชอบยก 555 ไม่ขาด ไม่เกิน แต่ถ้ารถดติดจริง ๆ คงได้ขี่เกียร์เดียวตลอดทาง หรือออาจจะไม่พ้นเกียร์ 2 ถ้าขี่แบบเรียบร้อย
เอาเป็นว่า ถ้าสรุปจบในย่อหน้านี้ ใช่…Ducati เป็นรถที่แพง แต่ถ้าคิดว่าจะซื้อมาเพื่อใช้จริงๆ Streetfighter V2 ได้ใช้กำลังเครื่องแบบ 100% แน่นอน และเผลอ ๆ ได้ใช้ทุกเกียร์ด้วยถ้าออกทริปยาวๆ แบบไม่มีคนคุม…ว่าแล้วก็ขอถาม Ducati หน่อยว่าใบจองอยู่ไหน รถเข้าเมื่อไหร่ครับ?
ท่านั่งและการควบคุม
แฮนด์เป็นไง ถึงตอนนี้พูดได้เต็มปากว่า ชินแล้ว ไม่ได้ลำบากกับแฮนด์บาร์ ท่านั่ง ไม่ต่างกับ Streetfighter V4 มากนัก ตัวเบาะมีความสูง 837 มม. เตี้ยกว่ารุ่นพี่ 8 มิลลิเมตร คือ…ไม่ต่าง 555 ระยะห่างไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตรเลย อีกทั้งองศาทุกอย่างเหมือนกันหมด ขี่ V4 ได้ ก็ขี่ V2 ได้ หรือขี่ V2 ได้ ก็ขี่ V4 ได้ ทรงรถกระชับ ถังหนีบง่าย ไม่ต้องเขย่งขาขึ้นมา ขี่สบาย เคลื่อนย้ายสะดวก จะโยกจะโยน โหนห้อย แล้วแต่เลย ไม่มีติดขัด เรื่องแฮนด์ที่เคยบ่นว่าขอเปลี่ยนก็ยังยืนยันว่า เปลี่ยนไซส์แคบลงมาหน่อย จะช่วยให้สบายขึ้นมาก แต่ถึงตอนนี้ ทุกอย่างเดิม ๆ ชินแล้วครับ ไม่มีปัญหา
ประสิทธิภาพเครื่องยนต์
เครื่องบล็อกเดียวกันกับ Panigale V2 ความจุ 890 ซีซี พละกำลังเครื่อง 120 แรงม้า @ 10,750 รอบต่อนาที ทอร์ค 93.3 นิวตันเมตร @ 8,250 รอบต่อนาที และระบบสปริงวาล์ว ไม่ใช่ Desmo อีกต่อไป จากกราฟของทอร์คของเครื่องยนต์ V2 เจ็นนี้ จะเห็นได้ว่ามีแรงกระแทกขึ้นตั้งแต่ 3,000 รอบ ลากยาว ๆ จนถึง 8,000 กว่า ความตึงมือ ขอคอนเฟิร์มว่า เกียร์ 1-2 บิดเป็นยก
โดยสิ่งที่น่าแปลกคือรอบต่ำ เครื่องยนต์มีความสมูทมาก สมูทแบบเฮ้ย! นี่ใช่ดูคาติหรอ ก้มลงไปมองถัง เออ ดูคาติ ค่อยโล่งใจ ซึ่งความสมูทนี่แหละที่ทำเอาประหลาดใจ เพราะโดยปกติ คาแรคเตอร์ของเครื่องยนต์ Ducati จะกระแทกมาเป็นลูกๆ ตับๆๆ แล้วรอบสูง ค่อยสมูทขึ้น อันนี้รอบต่ำสมูท รอบกลาง แผดๆ ปลายค่อยสมูทอีกรอบ
ความ หืม? (ฉงน) มันเกิดตอนที่เครื่องอยู่ประมาน 5,000-7,000 รอบ เสียงเครื่องวอด ๆ แปลก ๆ เหมือนรถไม่มีแรง แต่แรงมีปกตินะ ติดแค่เรื่องเสียงนี้แหละ เรื่องเดียวเลย รอบต่ำกว่านี้หรือสูงกว่านี้ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แถม ได้ยินเสียง intake ถึงวี้ดๆ ผสมกับเสียงเครื่องก็ได้อารมณ์ดี ไม่รอบต่ำๆ เงียบ รอบสูงดัง ท่อแต่งไม่จำเป็น แค่นี้ก็เพียงพอ
ถ้าเทียบกับคันอื่น ๆ (ในอดีต) ที่เคยขี่ ถือว่าดูคาติคันนี้ได้คาแรคเตอร์ที่แปลกใหม่ สมูท แต่ก้าวร้าว เรียบ แต่กระแทก สมแล้วที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ กับวาล์วสปริงที่ไม่เคยเจอมาก่อน (คล้ายๆกับ VTR ในอดีต)
ระบบหน้าจอ และระบบช่วยเหลือการขับขี่

บ่นรุ่นพี่ ประทับใจรุ่นน้อง แต่งงเหมือนเดิม แฮนด์ปุ่มน้อยลง เข้าเมนูง่ายขึ้น แต่พอมาขี่ถนน ยิ่งปรับไม่ทันเพราะไม่ชินเหมือนเดิม เอาเป็นว่ามือใหม่ที่ซื้อคันนี้แนะนำให้ใช้เวลา เข้าโหมดตอนจอดให้ชินก่อน แล้วเวลาขี่ปรับแบบ on the fly ได้เลยเฟี้ยว ๆ
หนึ่งสิ่งที่ขออวย แบบ อวยเลยนะ คือ Cruise Control ของ Ducati ที่ออกแบบมาได้ประทับใจ กดปุ่มง่าย เซ็ตความเร็วง่าย และความเจ๋งอยู่ที่… สามารถเร่งแซงด้วยการบิดเหมือนเราใช้รถปกติ พอเราผ่อน ความเร็วจะกลับมาที่เดิม ที่เราเซ็ตไว้ ไม่โดนแคนเซิล ถ้าไม่เบรก
ตัวอย่างเช่น ขี่อยู่ในขบวน เซ็ตความเร็วที่ 80 กม./ชม. เจอรถช้า บิดเร่งแซงไป กม./ชม. พอผ่อนคันเร่ง ความเร็วก็จะค่อยๆตกลงมาที่ กม./ชม. เหมือนเดิมไม่ต่ำไปกว่านั้น
จะได้ใช้บ่อยแค่ไหน อยู่ที่เจ้าของรถแล้วล่ะ ถ้าออกทริปขี่เรียบร้อยเป็นขบวนหรือขี่ความเร็วนิ่ง ๆ คงได้ใช้ แต่ผมที่เป็นสายบิดหมดปลอก จอดแค่ปั้มเทคโนโลยีคงไม่จำเป็น เพราะเดี๋ยวเร็วเดี๋ยวช้า เอาเงินไปใส่ท่อดีกว่า (อ่าว..ไหนเมื่อกี้บอกว่าท่อไม่ต้อง)
ช่วงล่าง
V2S ติดตั้งมาให้เป็น Ohlins ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จริง ๆ แล้วไม่ได้ว้าวกับเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะไม่ใช่โช้คอัพแบบไฟฟ้า และเชื่อว่า V2(S) เหมาะขับขี่บนถนนมากกว่า V4 ฉะนั้นเรื่องช่วงล่างเทพ ไม่ได้จำเป็นสำหรับรถรุ่นนี้ เพราะ ตัวไม่ S ได้หน้า Marzocchi หลัง Kayaba ก็โอเคอยู่แล้ว แต่ถ้างบเหลือ ก็แล้วแต่ จัดไป เผื่อไว้ขี่งาน Trackday แต่ถ้าพูดถึง V2S เรื่องการขับขี่บนถนน กับ Ohlins บอกได้คำเดียวว่าเนียน ไร้ที่ติ จะติทำไมในเมื่อมันดี ข้อนี้ผ่าน
เบรค : Brembo ตามเคย เพิ่มเติมคือเบรคหลังเสียงดังมากกกกกกกกก ดังทุกคัน ไม่ต้องห่วง ใช้แทนแตรได้เลย ประสิทธิภาพดีเยี่ยม อันนี้คอนเฟิร์ม เรื่องเสียงดังผมรับได้นะ ขอแค่เบรคดี แต่ขี่เมืองไทยอาจจะถูกมองหน้าได้ ว่ารถตั้งแพง ทำไมเบรกดัง
ยาง : Pirelli Diablo Rosso IV ตัวท็อปยางวิ่งถนน จบทุกสภาพอากาศ มั่นใจได้เต็มที่ รองรับแรงเครื่องได้เต็ม ๆ แล้วตอนกระแทกยกล้อนะ ไม่มีปลิ้น ของเขาดี อิตาเลี่ยนแพชชัน
สรุป : ผมว่านี่คือม้าอิตาลีที่ Tame หรือ เชื่องนั่นเอง ที่ว่าแบบนั้นก็เพราะสั่งอะไรทำหมด จะยก จะเลี้ยว จะสไลด์ บอกมาจัดให้ได้เต็มที่ มีกำลังเครื่องรอบต่ำที่ใช้ได้ และได้ใช้จริง ระบบช่วยเหลือต่าง ๆ ให้มาครบไม่น้อยหน้ารุ่น V4 ทุกอย่างมันเป๊ะหมด สุดท้ายอยู่ที่ราคาแล้วล่ะ ต้องเข้าใจว่า Ducati คือ Ducati จะทำราคามาชน Yamaha MT-09 เป็นไม่ไม่ได้ แต่สิ่งที่จ่ายไป ทุกบาทคือความพรีเมียมสไตล์ดูคาติ
ข้อดี
- หน้าหล่อแบบรุ่นพี่
- ท่านั่งสบาย ควบคุมได้ง่าย
- กำลังเครื่อง 120 แรงม้า ที่ใช้งานได้จริง
- เทคโนโลยีครบ สำหรับสายถนน และผู้เริ่มต้นขี่ Trackday
- ปุ่มกดไม่เยอะเกินไป
ข้อสังเกต
- ออปชันเสริมที่ต้องซื้อเพิ่ม
- V2 กับ V2S ไม่ได้มีความแตกต่างมากขนาดนั้น
- คาแรคเตอร์ที่เปลี่ยนไปจากวาล์วสปริง
คะแนนสำหรับการรีวิวทดสอบ
ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ : 9.5/10 เสียงตอนรอบ 5000 – 7000 แปลก ๆ แค่นั้นจริงๆ
ท่านั่งและการขับขี่ : 9/10 ชินแล้วจบ ไม่บ่นเยอะ
ช่วงล่าง : 10/10 จะติตรงไหนดี ถ้าไม่ใช่ราคาของ S ที่แพงกว่าและให้ Ohlins
เบรก : 9/10 Brembo ที่เบรกหลังลั่นกว่าแตร
ยาง : 10/10 Diablo Rosso IV perfect match ลงตัวถ้าขี่แต่ถนน
ระบบช่วยเหลือ : 9/10 สิ่งที่ได้ใช้เนี่ย คือ ‘ต้องซื้อเพิ่มนะ’ ย้ำแล้ว
OVERALL 9.4 /10 รอดูแค่ราคาเปิดตัว ว่าเปิดมาสวย หรือ แพงทะลุเพดานตลาด ในพิกัดนี้มีตัวเลือกไม่เยอะ และได้สูบ V พร้อมเทคโนโลยีแน่น แถมขี่ง่าย ความลำบากอยู่ที่คนซื้อแล้วหละ เพราะจ่ายเพิ่มก็ได้ V2S หรือจะเอาตัวเบส แล้วเติมของแต่งเอา
Ride or Upgrade ขอเถอะ แถม Cruise Control ให้หน่อยละกัน ถ้าผมจองรถ ขี่สบายเวอร์
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก