spot_img
spot_img
spot_img
spot_img

BMW โชว์เหนือทำเฟรม S1000RR ด้วยวิธี 3D Print

       สมัยนี้อะไรๆ ก็ 3D Print หรือระบบปริ๊นท์ 3 มิติ ซึ่งสามารถใช้สร้างสิ่งของต่างๆ แทบจะเรียกได้เลยว่าสากกะเบือยันเรือรบเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งของที่มีความยุ่งยากซับซ้อนเกินกว่าที่วิธีการใช้เครื่อง CNC หรือเครื่องกลึง มิลลิ่งหรืออะไรก็แล้วแต่จะทำได้ แต่ด้วยความมาแรงของเทคโนโลยีของระบบปริ๊นท์ 3 มิติ ปัญหาเรื่องความซับซ้อนก็แทบจะหมดไป และช่วยให้เหล่านักประดิษฐ์ นักสร้างรวมถึงวิศวกรสามารถรังสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้มากขึ้น และแน่นอนว่า BMW เองก็เล็งเห็นถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีนี้ด้วยเช่นกัน

       โดยล่าสุดค่ายรถจากเมือง Bavarian เองก็ได้ทำอะไรที่ทำให้บรรดาแฟนๆ นักบิดตัวยงต้องทึ่งและหันมามองกับการสร้างเฟรมของ BMW S 1000 RR ซูเปอร์ไบค์เรือธงของทางค่ายด้วยเทคนิคปริ๊นท์ 3 มิติ

       โดยการสร้างเฟรมในครั้งนี้ใช้เทคนิคปริ๊นท์ 3 มิติแบบใช้เลเซอร์ละลายผงวัสดุให้ผสมรวมตัวและก่อตัวเป็นรูปทรงขึ้นมา ซึ่งจะมีความแม่นยำสูงมาก โดยต้นแบบจะมีการออกแบบผ่านโปรแกรม 3 มิติในคอมพิวเตอร์และใช้ผงโลหะเป็นเนื้อวัสดุในการสร้างขึ้น

       อย่างที่คุณได้เห็นจากรูปตัวชิ้นงานที่เสร็จแล้วยังค่อนข้างหยาบอยู่ซึ่งเราเองยังไม่แน่ใจว่าเป็นการตั้งใจหรือเปล่าความแข็งแรงของเฟรมที่ได้มานั้นเป็นยังไงบ้างแต่อย่างน้อยๆก็ถือเป็นการริเริ่มแนวคิดและวิธีการใหม่ๆที่จะมีผลต่อการออกแบบมอเตอร์ไบค์ในอนาคตอย่างมากมายเลยล่ะครับ

       ไม่เพียงแค่ทำเฟรมตัวนี้มาโชว์อย่างเดียวBMW กลับสนใจที่จะค้นคว้าความรู้ทางด้านนี้เต็มที่ถึงกับตั้งศูนย์ Additive Manufacturing Centre ในศูนย์วิจัยและนวัตกรรมของ BMW Group ในเมือง Munich ซึ่งจะศึกษาค้นคว้าในเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยมีการประมาณการว่าศูนย์แห่งนี้จะสามารถผลิตชิ้นส่วนต้นแบบได้มากถึง 140,000 ชิ้นใน 1 ปีเลยทีเดียว ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้กับหลายๆ แผนกของ BMW

       ซึ่งชิ้นส่วนที่ผลิตได้ในตอนนี้ส่วนใหญ่จะใช้ในรถต้นแบบซะเป็นส่วนใหญ่ เราเคยเห็นชิ้นส่วนจากศูนย์พิเศษนี้ใช้ในรถโปรดักชั่นจริงๆ ก็มี เช่น BMW i8 Roadster ที่ใช้ชิ้นส่วนปริ๊นท์ 3 มิติในส่วนของกลไกตัวยึดหลังคาเปิดประทุน

       อย่างไรก็ดี BMW ไม่ใช่ค่ายแรกที่หันมาสนใจและค้นคว้าเทคโนโลยีนี้และนำมาใช้กับรถ 2 ล้อ ยังมี Divergent 3D Dagger ที่เปิดตัวไปเมื่อประมาณ 1 ปีครึ่งที่แล้วก็มีแชสซีคล้ายๆ กันนี้ ซึ่งใช้เครื่องยนต์ซูเปอร์ชาร์จของ Kawasaki Ninja H2R

       แต่นอกจากจะวิจัยเรื่องที่จะปริ๊นท์ชิ้นส่วนโลหะทาง BMW ยังสนใจที่จทำชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ด้วย โดยหวังว่าจะทำให้มันมีราคาถูกลง ซึ่งก็มีโชว์ให้เห็นไปแล้วกับสวิงอาร์มคาร์บอนไฟเบอร์ชอง BMW G 310 R

       แน่นอนว่าท่านคงไม่ได้เห็นเทคโนโลยีนี้กับทาง BMW Motorrad ในรถโปรดักชั่นหลายๆ โมเดลภายในปีหรือ 2 ปีนี้อย่างแน่นอน แต่กับ BMW S 1000 RR ที่ทาง BMW น่าจะเปิดตัวโมเดลใหม่ในช่วงปลายปีนี้ก็ไม่แน่ เราอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่กับโมเดลซูเปอร์ไบค์รุ่นนี้ก็เป็นได้ครับ

อ่านข่าวสารเพิ่มเติม คลิก

ติดตามเพจ Facebook SuperBike คลิก

- Advertisement -

บทความยอดนิยม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่