Bautista คว้าแชมป์โลก แม้ Toprak เหมาชัยทั้ง 3 เรซที่อินโดนีเซีย
ล่าสุดหลังจากจบการแข่งขัน WorldSBK ในรอบ Pirelli Indonesian Round ซึ่งจัดขึ้นที่สนาม Pertamina Mandalika International Street Circuit ประเทศอินโดนีเซียเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Alvaro Buatista คว้าแชมป์โลก ให้กับทาง Aruba.it Racing – Ducati จนได้ แม้ว่า Toprak Razgatlioglu จาก Pata Yamaha With Brixx WorldSBK จะเหมาชัยทั้งสามเรซที่สนามแห่งนี้ไปได้ก็ตาม เรียกว่าแย่งแชมป์มาจาก Toprak มาได้โดยยังมีการแข่งขันที่ออสเตรเลียเหลืออีก 1 สนาม
กลับมาโฟกัสกันที่ควอลิฟายรอบซูเปอร์โพล
WorldSBK (อุณหภูมิแทร็ก 50 องศา / อุณหภูมิอากาศ 32 องศา)
หลังจากที่ Toprak Razgatlioglu กดเวลาทำสถิติสนามใหม่ในช่วงซ้อมอิสระที่ 3 ด้วยเวลา 1’32.294 นาที เขายังคว้าตำแหน่งโพลสำหรับเรซแรกไปก่อน ด้วยเวลาที่น่าทึ่งคือ 1’31.371 ซึ่งเร็วกว่าสถิติเดิมที่เคยทำไว้อีก แถมยังต่างกับสถิติของการแข่งขัน MotoGP เพียงแค่ 0.3 วินาทีเท่านั้น ส่วนอันดับอื่น ๆ บนกริดสตาร์ทตามมาด้วย Jonathan Rea Andrea Locatelli, Alex Lowes และ Alvaro Bautista ซึ่งทุกคนล้วนแล้วแต่ทำลายสถิติเวลาของสนามเดิมทั้งหมด โดยนักแข่งทั้ง 5 คนนี้ล้วนแต่ใช้ Pirelli Diablo Superbike SCX ในยางหลัง และ Pirelli Diablo Superbike SC1 ในยางหน้า มีเพียง Rea ที่ใช้ยางสูตรกำลังพัฒนา Pirelli Diablo Superbike SC1A (A0843) ในยางหน้าเพียงคนเดียว
WorldSSP (อุณหภูมิแทร็ก 45 องศา / อุณหภูมิอากาศ 31 องศา)
ดาวเด่นในรอบซูเปอร์โพลนั้นตกเป็นของ Niki Tuuli (MV Agusta Reparto Corse) ซึ่งทำลายสถิติเวลาสนามด้วยเวลา 1’35.947 นาที คว้าตำแหน่งโพลไปสำหรับการออกสตาร์ททั้งสองเรซในสุดสัปดาห์นี้ กลายเป็นการได้ออกสตาร์ทจากกริดแรกในรอบ 5 ปี นับจากตำแหน่งโพลครั้งล่าสุดของเขานับตั้งแต่ปี 2017 ที่ Magny-Cours ถัดจากเขาลงมาเพียงเสี้ยววินาทีเป็น Can Oncu (Kawasaki Puccetti Racing) นักแข่งชาวเตอร์กิช และผู้นำบนหัวตารางคะแนน Dominique Aegerter (Ten Kate Racing Yamaha) กริดที่ 4 เป็นของ Nicolò Bulega (Aruba.it Racing WorldSSP Team Ducati) เรียกว่ามาจาก 4 ค่ายแตกต่างกัน โดยมี Tuuli และ Aegerter ใช้ ยางหลัง Pirelli Diablo Superbike SC0 และยางหน้า SC1 รีดเวลาที่ดีที่สุดออกมาได้
WorldSBK เรซที่ 1 (อุณหภูมิแทร็ก 60 องศา / อุณหภูมิอากาศ 36 องศา)
สำหรับเรซแรกนั้นชัยชนะตกเป็นของโพลแมนอย่าง Toprak ที่ยึดหัวแถวตั้งแต่ต้นจนจบ โดยมีนักแข่งชาวสเปน Bautista จบเป็นอันดับ 2 และอันดับ 3 ตกเป็นของแชมป์โลก 6 สมัยอย่าง Rea โดยในเรซนี้ทำให้ Toprak มีสถิติใหม่คว้าชัยชนะกับ Yamaha มาแล้ว 28 ครั้งส่วนเรื่องของการเลือกยางนั้นเป็นเอกฉันท์เสียงไม่แตกมากนัก โดยทุกคนเลือกที่จะใช้ยางหลังสูตรมาตรฐาน SC0 ขณะที่ยางหน้าจะเป็นยางสูตรกำลังพัฒนา A0843 SC1 โดยมีเพียง Hafizh Syahrin (MIE Racing Honda Team) ที่เลือกใช้ SC1
WorldSSP (อุณหภูมิแทร็ก 56 องศา / อุณหภูมิอากาศ 35 องศา)
สำหรับรุ่นนี้เป็น Dominique Aegerter ที่สามารถควบม้าศึกของเขาลงแข่งแบบไร้ซึ่งการกดดันเพราะเพียงแค่เขาคว้าอันดับ 5 ในเรซนี้มาได้เขาก็จะมีแต้มมากพอที่จะเป็นแชมป์โลกรุ่นนี้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันได้ทันที แต่ชัยชนะตกเป็นของ Niki Tuuli โพลแมนที่รั้งตำแหน่งผู้นำของการแข่งขันได้เกือบตลอดทั้งเรซ โดยอันดับ 2 เป็นของ Federico Caricasulo (Althea Racing) ซึ่งออกสตาร์ทจากกริดที่ 5 ส่วนอันดับ 3 เป็นของ Can Oncu
ส่วนในเรื่องการเลือกยางนั้นก็ค่อนข้างเอกฉันท์เลยทีเดียว โดยยางหลังนั้นส่วนมากจะเลือก SC0 ขณะที่ยางหน้านั้นตัวเลือกค่อนข้างหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่จะเลือก SC1 มีบางคนที่ใช้ยางหลัง SCX ผสมกับยางหน้า SC1
ซูเปอร์โพลเรซ (อุณหภูมิแทร็ก 54 องศา / อุณหภูมิอากาศ 35 องศา)
Toprak ออกสตาร์ทจากตำแหน่งโพลและสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้อยู่ 2 แล็ป แต่เข้าแล็ปที่ 3 Rea สามารถแซงขึ้นมาได้ แต่อย่างไรก็ตามนักแข่งชาวตุรกีกลับไล่บี้แชมป์ 6 สมัยอย่างไม่ปล่อย ขณะเดียวกันศึกชิงอันดับ 3 ก็ปะทุขึ้นระหว่าง Andrea Locatelli (Pata Yamaha With Brixx WorldSBK) และ Alvaro Bautista ต่อมา Toprak ก็แซงคืนได้ในแล็ปที่ 6 และรักษาไว้ได้จนธงตราหมากรุกโบกสะบัด โดยที่ 2 และ 3 ตกเป็นของ Rea และ Locatelli ตามลำดับ ส่วน Bautista ได้อันดับ 4 และ Alex Bassani (Motocorsa Racing) กับรถดูคาติจบอันดับที่ 5 ได้เป็นนักแข่งยอดเยี่ยมที่สุดประเภททีมอิสระ
ส่วนเรื่องการเลือกยางนั้น นักแข่งส่วนใหญ่ยังคงมั่นใจเลือกที่จะใช้ยางแบบเดียวกับที่ใช้ในเรซแรกคือยางหลัง SC0 และยางหน้าสูตรกำลังพัฒนา SC1 A0843 เว้นแต่ Michael Ruben Rinaldi และ Syahrin ที่เลือกใช้ SC1 ในยางหน้า
WSBK เรซที่ 2 (อุณหภูมิแทร็ก 68 องศา / อุณหภูมิอากาศ 37 องศา)
เรซที่ 2 นี้เป็นอีกครั้งที่มีกลุ่มนำถึง 4 คน ซึ่งก็คือ Rea, Toprak, Locatelli และ Bautista ซึ่งทิ้งห่างจากกลุ่มตามกันไกลเลยทีเดียว โดย Rea ขึ้นนำจากการแซง Razgatlioglu และในแล็ปที่ 4 Bautista ก็สามารถเขยิบจากอันดับ 4 มาเป็นอันดับ 3 ได้ ขณะเดียวกัน Bassani เองก็ได้จังหวะเหนือกว่า Locatelli และแซงขึ้นมารั้งอันดับ 4 แทน กระทั่งแล็ปที่ 6 Toprak ก็แย่งตำแหน่งผู้นำกลับมาได้ และในแล็ปถัดมา Rea ก็พลาดท่าโดน Bautista แซงซ้ำเข้าไปอีก กลายเป็นการดวลเดือดสุดมันระหว่าง Toprak และ Bautista ซึ่งผลัดกันแซงไปมาเพื่อแย่งอันดับ 1 แต่ในท้ายที่สุดแล้ว Toprak สามารถเค้นฝีมือออกมาได้มากกว่าเอาชนะไปได้ แต่อันดับที่ 2 ในเรซนี้ก็ทำให้ Bautista คว้าแชมป์โลก ไปครองแล้ว ส่วนอันดับที่ 3 ตกเป็นของ Rea
ในเรื่องของการเลือกยางนั้นนักแข่งทั้งหลายยังคงเลือกใช้ยางแบบเดียวกับที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า ยางหลัง SC0 และยางหน้าสูตรกำลังพัฒนา SC1 A0843 เป็นสูตรผสมที่ได้รับการพิสูจน์ว่าเหมาะกับสนามแห่งนี้กับแทร็กร้อน ๆ ที่นี่
WSSP เรซที่ 2 (อุณหภูมิแทร็ก 66 องศา / อุณหภูมิอากาศ 36 องศา)
สำหรับการแข่งขันในเรซที่สองสำหรับรุ่นนี้แม้ว่า Aegeter จะคว้าแชมป์โลกไปแล้ว แต่ยังไม่พอใจขยี้ต่อที่เรซ 2 และคว้าชัยไปอีกเรซ ซึ่งการแข่งขันเรซนี้จบลงเร็วกว่าเดิม 5 แล็ปจากผลของธงแดงที่ Niki Tuuli เกิดอุบัติเหตุ โดยมีอันดับ 2 และ 3 เป็น Stefano Manzi (Dynavolt Triumph) และ Can Onku ตามลำดับ
เรื่องการเลือกยางนั้นนักแข่งบางคนเลือกยางที่แตกต่างออกไปจากเรซแรกซึ่งนั่นรวมไปถึง Aegeter ด้วยที่เปลี่ยนาจาก SC1 ไปเป็น SC2 ในส่วนของยางหน้า ส่วนสูตรผสมยางที่ยอดฮิตที่สุดจะเป็นยางหลัง SC0 และยางหน้า Pirelli Diablo Superbike SC2 ได้รับการเลือกมากที่สุด
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะรู้ตัวแชมป์โลกกันไปแล้วทั้งในรุ่น WSBK และ WSSP แต่การแข่งขันยังเหลืออีก 1 สนามที่ประเทศออสเตรเลียซึ่งก็คือที่ Philip Island นั่นเอง โดยจะแข่งขันในช่วงสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้หรือวันที่ 18 – 20 พฤศจิกายนนี้ครับ
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก