All New Yamaha NMAX2025 ทริปดันเนิน นครสวรรค์ – เพชรบูรณ์

หลังจากจบทริปไปกว่าเกือบ ๆ สองสัปดาห์แล้ว แม้กระทั่งไปปฏิบัติธรรมมากว่าหนึ่งอาทิตย์ก็ยังไม่สามารถช่วยให้จิตใจสงบ เพราะก็ยังคงคิดถึงแต่ความสนุก และฟีลลิ่งที่ได้รับขณะขับขี่เจ้า All New Yamaha NMAX2025 ยังคงประทับใจอย่างไม่เลือนหาย ซึ่งในบทความนี้ขอบอกเลยว่าแม้เครื่องยนต์จะมีขนาดแค่ 155 ซีซี แต่ก็สร้างความเร้าใจให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างไม่น้อย
สำหรับใครที่อยากอ่านรีวิวตัวรถแบบละเอียด สามารถเข้าไปอ่านได้ตรงนี้เลย (คลิ๊กที่นี่) หรือใครที่อยากร่วมผจญภัยไปในเส้นทาง นครสวรรค์ – เพชรบูรณ์ ถ้าพร้อมแล้ว ก็เลื่อนลงมาอ่านกันต่อได้เลย
อาชาคู่ใจในการผจญภัยครั้งนี้

การเดินทางร่วมทริปในครั้งนี้ ทางทีม SuperBike Thailand ก็ได้โอกาสในการควบเจ้า All New Yamaha NMAX 2025 ในรุ่นย่อย Standard Edition ที่ต้องขอบอกเลยว่าศักยภาพของรถคันนี้จี๊ดจ๊าดไม่แพ้ตัวท็อปของโมเดลอย่าง YECVT เลยแม้แต่นิดเดียว
อย่างที่ใครต่อหลายคนนั้นทราบกันดีว่า NMAX โฉมใหม่ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยมีการปรับเปลี่ยนในด้านของการออกแบบดีไซน์แทบจะยกคัน เริ่มกันที่มิติตัวรถรอบคันที่ถูกเพิ่มเส้นสายให้ดูมีความเป็นสปอร์ต ไฟหน้าออกแบบดีไซน์ใหม่ให้มีความสปอร์ต และดุดันมากขึ้นกว่าโฉมก่อน บริเวณตรงกลางไฟเด่น ๆ ด้วยดวงไฟโปรเจคเตอร์ และขนาบข้างด้วยไฟเลี้ยวทั้งสองฝั่ง

รายละเอียดด้านหลังของตัวรถ ไฟท้ายมีการปรับเปลี่ยนใหม่รูปแบบใหม่ เมื่อเห็นครั้งแรก ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่ามันน่าจะดูไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ แต่เมื่อพอได้ใช้งานจริง ๆ และได้ทดลองขับขี่ตามหลังก็รู้สึกได้เลยว่ามันก็ถูกออกแบบมาให้สังเกตได้อย่างง่ายด้าย พอดีกับสายตาของผู้ขับขี่ที่ขับตามหลังมาแบบเป๊ะ ๆ
![]() |
![]() |
และในส่วนของรายละเอียดอื่น ๆ ที่มาพร้อมกับตัวรถก็ยังคงแบบเดียวกับโฉมก่อนไม่มีเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นช่องจ่ายไฟบริเวณด้านหน้าของตัวรถพร้อมช่องเก็บของ หรือช่องเก็บของใต้เบาะขนาด 25 ลิตรที่สามารถเก็บหมวกกันน็อคแบบเปิดหน้าได้หนึ่งใบ
ลงสนามขับขี่ด้วยระยะทางรวม 200 กว่ากิโลเมตร

โดยเส้นทางการขับขี่ในครั้งนี้ เหล่าขบวนกองทัพยามาฮ่าจะรวมพลกันที่สะพานเดชาติวงศ์ จังหวัดนครสวรรค์ แล้วไปสิ้นสุดทริปที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จังหวัดเพชรบูรณ์ ระยะทางรวมกว่า 241 กิโลเมตร (+10/-10 โดยประมาณ) ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 4 Check point ดังนี้
Check Point แรก
สะพานเดชาติวงศ์ – ปั้มน้ำมัน PTT Station เนินปอ

เส้นทางของ Route แรกนี้เป็น Section การขับขี่ที่มีระยะทางกว่า 80.8 กิโลเมตร ถนน และเส้นทางในไปเป็นที่เส้นทางตรงยาว ๆ บางช่วงที่ถนนที่ทรุดตัวบ้าง ต่างระดับบ้าง ให้พอได้แก้เลี่ยนในระหว่างขับขี่ไม่น้อย

เมื่อเวลาบนนาฬิกาเดินทางมาถึงช่วง 8 นาฬิกา 45 นาที สัญญาณของความสนุกก็กำลังจะเริ่มขึ้น เหล่าขบวนคาราวาน NMAX 2025 ก็ได้เริ่มออกสตาร์ทจากสะพานเดชาติวงศ์ จังหวัดนครสวรรค์ มุ่งหน้าไปสู่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ซึ่งก่อนขับขี่ส่วนตัวคิดว่าเส้นทางที่วิ่งตรงไปเรื่อย ๆ แบบนี้มันคงไม่น่าจะมีอุปสรรคอะไรให้ได้ตื่นเต้น

แต่มันดันผิดคาด เพราะสิ่งที่จะทำให้เลือดได้สูบฉีดตั้งแต่เริ่มเดินทางก็คงหนีไม่พ้นเทคโนโลยีวาล์วแปรผัน VVA ที่พร้อมรีดสมรรรถนะในทุกย่านความเร็ว ไม่ว่าจะเป็นช่วงออกตัว เร่งแซง ก็สามารถทำได้อย่างไร้ข้อกังขา สร้างความเร้าใจให้กับผู้ขับขี่ได้ตลอดเส้นทาง
![]() |
![]() |
แล้วก็ถึงที่จุดหมายแรกของการเดินทางครั้งนี้ ซึ่งทางยามาฮ่าก็เรียกได้ว่าจัดเต็มกับทริปนี้ เพราะทางค่ายเองก็ขนสื่อแทบจะทั้งหมดที่มีในประเทศไทย รวมถึงร้านแต่งต่าง ๆ เข้ามาร่วมจอยกับทริปด้วย ซึ่งจุดนี้ก็จอดพักกันไม่นาน เมื่อทางยามาฮ่าตรวจเช็ครถแต่ละคัน และจัดการเติมน้ำมันเสร็จ ก็ออกเดินทางกันต่อเลย
ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน เหมือนขี่รถคันนี้เหมือนกันอะดรีนาลีนกำลังหลั่ง ต้องรีบเดินทางกันต่อ
Check Point ที่สอง
ปั้มน้ำมัน PTT Station เนินปอ – ร้านอาหารฟ้าไทยฟาร์ม จ.พิษณุโลก

หลังจากที่แวะจิบน้ำ เช็ครถ และเติมน้ำมันเรียบร้อยจากปั้ม PTT Station เนินปอ ก็ไม่รอช้าจัดการเดินทางต่ออีก 42.8 กิโลเมตร ซึ่งในเส้นทางของการเดินทางของช่วงที่สองนี้ก็ยังคงเป็นเส้นทางตรงที่ถนนมีสภาพถนนที่ดีกว่าช่วงแรก ทางพี่ ๆ มาร์แชลที่คอยดูแลการขับขี่ก็เหมือนจะสัมผัสได้ถึงความคะนองซองของผู้ขับขี่แต่ละคน ก็จึงเปิดโอกาสให้เหล่าผู้ขับขี่แต่ละท่านได้ ‘หวดคันเร่ง’

อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่าเส้นทางในช่วงที่สองนี้ก็ยังคงเป็นทางตรงเหมือนกับเส้นทางในช่วงแรก จึงไม่รอช้าที่จะหวดคันเร่ง บวกกับความหิว และอากาศร้อน ๆ ที่อยากจะไปถึงจุดหมายไว ๆ อย่าง ‘ร้านอาหารฟ้าไทยฟาร์ม’ ก็จัดการลงหมอบแล้วพึ่งประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมของวาล์วแปรผัน VVA กดความเร็วสูงสุด ซึ่งผู้เขียนสามารถทำได้สูงสุดอยู่ที่ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ซึ่งคนอื่นที่ผอม หรือตัวเล็กกว่าผู้ขับขี่น่าจะไหลได้ดีกว่า)
![]() |
![]() |
เห็นอาหารแล้วก็ไม่รอช้า ขี่รถมาเหนื่อย ๆ ขอพักจากหวดคันเร่งมาหวดข้าวก่อน #อร่อยจัด
Check Point ที่สาม
ร้านอาหารฟ้าไทยฟาร์ม – ร้านมีสุขแลนด์ จ.พิษณุโลก

สองเส้นทางก่อนหน้าเป็นทางตรงที่ขี่ชิลล์ ๆ สามารถให้ผู้ขับขี่ได้ลองทำท็อปสปีดกัน สำหรับใครที่ขี่ในรุ่นของเกียร์ YECVT ก็อาจจะได้ลองในเรื่องของชามไฟฟ้า พร้อมปุ่ม Shift ที่ได้กดเพื่อเร่งรอบกัน แต่ผู้เขียนได้โอกาสขับขี่เพียงรุ่น Standard เท่านั้น (ฮรือ)
ในเส้นทางการขับขี่ Route ที่สามเหมือนจะเพิ่มความเข้มข้นของการขับขี่ขึ้นมาจากร้านอาหารฟ้าไทยฟาร์ม จังหวัดพิษณุโลก สู่จุดหมาย ร้านมีสุขแลนด์ จังหวัดพิษณุโลก มีระยะทาง 68.5 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่ได้ขี่โค้งขึ้นเขาบ้างแล้ว และหลังจากนี้เป็นต้นไป จะเป็นเส้นทางที่ขี่ขึ้นสลับลงเขาแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ

ในเรื่องของการวิ่งทางตรงสำหรับคนตัวใหญ่เจ้า NMAX รุ่น Standard คันนี้สอบผ่านอย่างไม่มีปัญหาระบบวาล์วแปรผัน VVA สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่พอมาถึงช่วงเส้นทางที่ต้องมีการขี่ขึ้นเขาบ้าง สำหรับผู้ขับขี่รูปร่างปกติก็ไปกับรถคันนี้ได้อย่างสนุกสนาน พละกำลัง 15.4 แรงม้าที่ตัวรถมอบให้บอกเลยว่าเหลือ ๆ สำหรับการขับขี่ในเส้นทางลักษณะนี้
แต่สำหรับผู้ขับขี่ที่เป็นพ่อหมีก็อาจจะเหนื่อยนิดนึง ก็อย่างว่าเนอะรถคันนี้มันแค่ 155 ซีซี เอง ตัวใหญ่อยากขี่สบายก็ต้องไป XMAX300 แล้ว

Check Point ที่สี่
ร้านมีสุขแลนด์ จ.พิษณุโลก – วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์

หลังจากที่แวะจิบกาแฟกันในย่ามบ่ายที่ร้านมีสุขแลนด์ ซึ่งภาพบรรยากาศที่ร้านดังกล่าวไม่มีรูปเครื่องดื่มติดไม้ติดมือมา เพราะเมื่อมาถึงจุดหมาย ได้เครื่องดื่มที่ออเดอร์ไปก็จัดการ ‘ยกซด’ อย่างไร้ความปราณี กว่าจะรู้ตัวว่าต้องถ่ายไว้ก็คงจะสายไปเสียแล้ว

แต่ก็ไม่รอช้าเพราะระยะทางที่เหลืออีก 47.7 กิโลเมตรก็ถือว่าไม่มากแล้วสำหรับการควบอาชาคู่ใจคันนี้ไปให้ถึงวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว สำหรับใครที่เคยได้ไปก็จะทราบกันดีว่าเส้นทางก็อาจจะมีความโค้งพับไปพับมา สร้างความสนุกสนานให้กับผู้ขับขี่ไม่น้อย

และแล้วก็มาถึงจุดหมายปลายทางกับวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยือนสถานที่แห่งนี้ด้วยความงดงามขององค์พระพุทธรูปสีขาว ประดิษฐานซ้อนกันอยู่บนฐานดอกบัวเรียงกัน 5 องค์ สามารถมองเห็นได้แต่ไกล มองเห็นโดดเด่นแต่ไกล โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาช่วยส่วนเสริมความงามและบารมีของพระพุทธรูปได้อีก บอกเลยว่าต้องไปเห็นเองกับตา คุ้มค่ามาก ๆ ที่ขี่มาตลอดทั้งวัน

จุดเด่น
- เครื่องยนต์ 155 ซีซีทำงานร่วมกับระบบวาล์วแปรผัน VVA แม้จะเป็นชาม-เม็ดธรรมดา ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีปุ่ม Shift ให้กด แต่รู้สึกว่าตัวธรรมดาก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว ต้นดี ปลายไหล ธรรมดาที่แสนพิเศษ
- เบรกดีมาก ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ที่สำคัญมาพร้อม ABS ทั้งด้านหน้า และด้านหลังด้วย
- Standard Edition ดูแล บำรุงรักษาง่าย ตามสไตล์รถออโตเมติกทั่วไป
- โช้คอัพด้านหน้า และด้านหลังที่มาจากโรงงานรับแรงกระแทกดีมาก
ข้อพิจารณา
- ยางเดิมติดรถส่วนตัวรู้สึกว่าไม่ค่อยเกาะถนนเท่าที่ควร ขี่ในชีวิตประจำวัน เดินทางใกล้ ๆ ก็พอใช้งาน แต่เอามาขี่ทางไกลระยะยาว ๆ ไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่
- เบาะนั่งเดิม ๆ ก็นั่งสบาย แต่ถ้าขี่ทางไกลเมื่อยสะบัด
เกณฑ์การให้คะแนน
Ergonomic : คะแนน 8/10
- ดีไซน์ตัวรถถูกแบบท่านั่งมาให้ขับขี่ทางไกลได้ดี ช่วงแฮนด์ และการวางเท้าหากขับขี่ระยะทางไกล ๆ ไม่ค่อยเมื่อยเท่าไหร่ แต่หัก 2 คะแนนในเรื่องของเบาะนั่ง ถ้าเป็นเบาะเจลจะนั่งได้สบายกว่านี้
Engine : คะแนน 8/10
- อัตราเร่งสามารถทำได้อย่างน่าประทับใจ ทุกครั้งที่เปิดคันเร่งประสิทธิภาพของวาล์วแปรผัน VVA ก็พร้อมรีดประสิทธิภาพสูงสุด โดยอัตราการกินน้ำมันที่ทำได้อยู่ที่ 29.6 กิโลเมตร/ลิตร (ถ้ารูปร่างปกติ ผอมจะประหยัดกว่านี้)
Suspension : คะแนน 9/10
- ส่วนตัวชอบโช้คอัพที่ถูกปรับเซ็ทมาจากโรงงานมาก รู้สึกว่าไม่แข็งหรือย้วยจนเกินไป ด้านหน้าไม่ยัน ด้านหลังไม่เหลือ (หยอก) ด้านหลังเอาอยู่สุด ๆ
Brake : คะแนน 10/10
- ระบบเบรกของค่ายยามาฮ่าเป็นสิ่งที่ผู้เขียนชื่นชอบอย่างมาก เพราะหลังจากที่ได้ทดลองกำเบรกแบบกระทันหันหลายครั้งก็สามารถเอาอยู่แบบไร้กังวล
Tyre : คะแนน 5/10
- ยางเดิมที่ติดมากับรถส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าถ้าเอาไปใช้ขับขี่แค่ภายในเมืองหรือใช้เดินทางในชีวิตประจำวัน ขับไรเดอร์ส่งอาหารมันเพียงพอต่อการใช้งาน แต่เมื่อไหร่ที่จะเอามาเดินทางไกล หรือออกทริปการอัพเกรดยางน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า เพราะเจอเส้นทางในรูปแบบที่หลากหลายกว่า
Rider’s Aid : คะแนน 10/10
- คลาส 150 ซีซี เริ่มในเรื่องของระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยของตัวรถที่ติดมาให้ ผู้เขียนก็มองว่าเพียงพอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรก ABS ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง และระบบ TCS (Traction Control) บอกเลยว่าเหลือ ๆ อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้อีกผ่านแอพพลิเคชัน Yamaha Y-Connect
OVERALL : คะแนน 8.5/10
- สำหรับใครที่ต้องการอยากจะมีรถในสไตล์ออโตเมติกเป็นคันแรก แล้วดูแลไม่ยุ่งยาก อีกทั้งยังแรงดีทั้งต้น และปลาย All NEW Yamaha NMAX2025 รุ่นย่อย Standard Edition คันนี้ถือว่าตอบโจทย์ไม่น้อย เครื่องยนต์ ช่วงล่าง พร้อมใช้งานทั้งขี่ในชีวิตประจำวัน และใช้งานในการเดินทางไกล
Ride or Upgrade :
- อย่างที่ได้กล่าวไป เดิม ๆ ออกจากศูนย์คิดว่าเอามาใช้ในชีวิตประจำวันไปเรียน, ไปเที่ยว, ไปทำงาน ‘ยางเดิม’ ก็ได้ แต่ถ้าให้ดี เปลี่ยนยางก่อนเลยอันดับแรก แต่ถ้าอยากหล่อแบบเต็มระบบก็จัดไปเลย ท่อ, ช่วงล่าง ต้องมี
สีสันที่วางจำหน่ายของรุ่น Standard Edition มีดังนี้
![]() |
สี Vivid Black |
![]() |
สี Glossy White |
![]() |
สี Super Red |
![]() |
สี Pastel Blue |
สีสันที่วางจำหน่ายของรุ่น TechMAX มีดังนี้
![]() |
สี Magma Black |
![]() |
สี Prestige Gray |
โดยเจ้า All New Yamaha NMAX 2025 ได้วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว ซึ่งในรุ่นของ Standard Edtion มีวางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 4 สีได้แก่ สี Vivid Black (สีดำ), สี Glossy White (สีขาว), สี Super Red (สีแดง) และ สี Pastel Blue (สีฟ้า) มีราคาวางจำหน่ายแนะนำอยู่ที่ 98,500 บาท และรุ่นพิเศษ TechMAX มีวางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 2 สีได้แก่ สี Magma Black (สีดำ) และ สี Prestige Gray (สีเทา) มีราคาวางจำหน่ายแนะนำอยู่ที่ 113,500 บาท
สนใจอยากสัมผัส และยลโฉมคันจริงสามารถไปตัวแทนจัดจำหน่าย Yamaha ทุกสาขาใกล้บ้านได้เลย หรือสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่านทางเว็บไซต์ https://www.yamaha-motor.co.th/home หรือทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ Yamaha Society Thailand
และนี่คือทริปการขี่รถมันส์ ๆ นครสวรรค์ – เพชรบูรณ์กับเจ้า All New Yamaha NMAX2025 ที่ให้เหล่าสาวกในตระกูล Max Series ได้มาทดสอบในการขับขี่ในเส้นทางที่มีความเร้าใจอยู่ไม่น้อย สำหรับการขับขี่ในครั้งถัดไปจะเป็นการรีวิวรถรุ่นไหนจากทาง Yamaha หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ก็ติดตาม SuperBike Thailand เอาไว้ได้เลย
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก