spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img

Honda Xplorer 2025 ตะลุยทางฝุ่น 800 โล ไปกับ CRF300 Rally

Honda Xplorer 2025 ตะลุยทางฝุ่น 800 โล
ไปกับ CRF300 Rally

พร้อมผจญภัยในต่างแดนไปกับเหล่าลูกค้าโดย Honda BigBike สานต่อกิจกรรมแห่งความสนุก กับการพาเหล่ายูสเซอร์ร่วมเปิดประสบการณ์ทางฝุ่นที่ประเทศลาวกับ Honda Xplorer 2025 กับโมเดลสายลุยโฉมใหม่อย่างเจ้า Honda CRF300L & CRF300 Rally โดยครั้งนี้แอดมินจะมาเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้ไปร่วมสัมผัสในกิจกรรม ควบคู่กับสมรรถนะของแรลลี่ทางฝุ่นรุ่นนี้ว่าจะเป็นอย่างไร จะตอบโจทย์มากน้อยแค่ไหน

รวมพลสายลุย

CRF300 Rally CRF300L

สำหรับรูปแบบของกิจกรรมจะเป็นการขับขี่ผจญภัยเหมือนเช่นดั่งทุกปี แต่สิ่งที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือการนำเจ้า Honda CRF โฉมใหม มาร่วมทดสอบขับขี่ กับระยะทางทั้งหมด 800 กม. ซึ่งเริ่มจากจุดสตาร์ทที่อำเภอเชียงของ จ.เชียงราย ข้ามแดนไปยังอุดมไชย – หลวงพระบาง ที่สปป.ลาว แล้วขี่กลับสู่จ.น่าน

โดยครั้งนี้ทางทีมงาน SuperBike Thailand เเละคณะสื่อต่าง ๆ ก็ได้เข้าร่วมทริปนี้ด้วยเช่นกัน แต่ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป เราได้รับเลือกให้ขับขี่ทดสอบเจ้า Honda CRF300L & CRF300 Rally  โมเดล 2025 ตัวจี๊ดประจำค่ายที่สายลุยจะต้องอินกับคำว่า “ไปทุกที่ ที่ไม่มีทาง” เเละเราจะต้องใช้ชีวิตกับเจ้า CRF ตลอดทริป ซึ่งอาจเรียกได้ว่า ฟีลเเฟน…ไปไหนไปกัน เเละเราก็ได้เลือกรุ่นตัวแรลลี่ ที่ตอบโจทย์การขี่ทางไกลกับกิจกรรมครั้งนี้ (รุ่น 300L เคยลองมาแล้ว เลยอยากเทสรุ่นแรลลี่ว่ามันจะเป็นยังไง)

DAY 1 – เดินทางสู่อุดมไชย 

ภารกิจวันแรกได้เริ่มต้นขึ้นจากจุดสตาร์ทที่อำเภอเชียงของ จ.เชียงใหม่ พร้อมกับรถสายลุยของเหล่ายูสเซอร์ที่มาร่วมกิจกรรมมากมายนับหลายสิบคัน ไม่ว่าจะเป็น X-ADV 750, NX500, 500X, NC750X, CRF1000L และ CRF1100L เป็นต้น พร้อมวอร์มเครื่องเดินทางมุ่งสู่ชายแดนและข้ามฝั่งไปยังเมืองห้วยชายใน สปป.ลาว

เข้าสู่ต่างแดน

เส้นทางช่วงเช้าจะเป็นทาง On Road (120 กม.) โดยขับขี่ลัดเลาะชุมชนหมู่บ้านเเละพื้นที่เขาสูง เพื่อจะไปพักทานข้าวเที่ยงที่หลวงน้ำทา ความเร็วที่ใช้ในการเดินทางอยู่ที่ 90-100 กม./ชม. ซึ่งลักษณะเส้นทางที่เป็นอุปสรรคเล็กน้อย กับถนนยางมะตอยผสมกับดินข้างทางทับถมจาง ๆ บวกกับน้ำตามทางลาดชันที่รถสิบล้อชอบลาดพื้นเพื่อระบายความร้อน ซึ่งสามอย่างนี้ฟีเจอริ่งกันมันก็ย่อมเป็นอะไรที่แอบลื่นเล็กน้อยโดยเฉพาะผู้ขับขี่สองล้อ แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น..มิใช่ปัญหาของเจ้า CRF รุ่นนี้

“โอ้ววว…ผมอยากลื่นครับ ผมอยากลื่นน” อยากลองทดสอบระบบ ABS ที่ติดตั้งมาใหม่ในรุ่นนี้ว่ามันทำงานยังไง แต่ก็ไม่ทันได้ใช้ ยางคู่นี้เกาะถนนใช้ได้เลย หรือแม้กระทั่งการเข้าโค้งก็ไม่เป็นปัญหาเลย ช่วงล่างติดมาจากโรงงาน ไม่ย้วยโหยง ๆ ยุบ ๆ แบบรุ่นก่อนหน้านี้แล้ว

ถังน้ำมัน 12.8 ลิตร หลงป่าได้ยาวขึ้น 

หลังจากขับขี่มาซักพัก ก็เเวะเติมน้ำมันอัดให้เต็มถังซึ่งตัวแรลลี่รุ่นนี้ ให้ขนาดถังน้ำมันมาที่ 12.8 ลิตร ซึ่งจะมีขนาดความจุมากกว่า 300 L ถึง 5 ลิตร ถามว่าดีไหม…ก็ดีหน่ะสิ เต็มทีเดียว เข้าป่านาน ๆ แต่ก็ต้องแลกพร้อมน้ำหนักหน่ะเด้อ ซึ่ง..มิใช่อุปสรรค

เข้าสู่ไฺฮไลท์วันแรกนั้นก็คือเส้นทาง Off-Road ที่พร้อมจะวัดใจคนขี่ ลัดเลาะผ่านตามภูเขากับสภาพดินแดงและมีทรายในบ้างช่วง โดยเส้นทางออฟโร้ดที่เราลุยวันแรกรวมระยะทั้งหมด 180 กม. เพื่อไปยังจุดหมายปลายทางพักแคมป์ ที่น้ำกัดยอละปา อุดมไชย 

สำหรับใครหลาย ๆ คนที่บอกว่ารถสูงนั้น ผมก็ไม่เถียง 55+ คือ..มันไม่ได้สูงขนาดนั้น ต้องลองมาคร่อมก่อน ส่วนตัวแอดมินสูงอยู่ประมาณ 177 ซม. ยืนคร่อมโครตสบาย ส่วนสูง 170 ซม. ขึ้นคิดว่าไม่น่ามีปัญหาใครช่วงขายาวก็ได้เปรียบ แต่ถ้าเอาที่สบายใจก็ลองโหลดเตี้ยดูได้   

ช่วงล่างสายลุย จอ LCD เพิ่มฟังก์ชัน ABS

โช้คหัวกลับ ของใหม่จากโรงงาน ปุ่มเปิด-ปิด ABS ล้อหลัง

และรุ่นนี้ให้โช้คอัพด้านหน้าเป็น เทเลสโคปิคแบบหัวกลับ แกน 43 มม. ด้านหลังเป็นแบบ Pro-link ซับแรงดีกว่ารุ่นก่อน แต่ถ้าหากให้เทียบกับโช้ค Ohlins ก็คงไม่ใช่ แต่แน่นอนว่าหลุมไหนก็ไม่กลัวพื้นฐานให้มาโอเค วิ่งผ่านหลุมสบาย ตัวสปริงยืดหยุบ นุ่มหนึบ จนแอบคิดว่าทีมงานแอบเซ็ตช่วงล่างมาให้ไหม ก็บอกเลยว่า เดิมโรงงาน..ไม่งั้นเขาจะเอามาให้ทดสอบทำไม

พร้อมระบบเบรก ABS ทั้งหน้า-หลังให้มาแบบจบ ๆ หน้าจอไม่ต่างจากเดิม LCD เหมือนเคย แสดงข้อมูลต่าง ๆ เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือไฟชิฟไลท์เตือนรอบเครื่องยนต์ เเละฟีเจอร์เสริมสามารถปิด ABS ที่ล้อหลังได้ด้วย ใครอยากพาวเวอร์สไลด์มันส์ ก็ปิดไปเลยย (แต่เปิดไว้ดีที่สุด ฮ่า ๆ )

ตะวันพลบค่ำ กับระยะทางที่เหลือ 65 กม.

ตะวันพลบค่ำแล้ว..กับเข็มหน้าปัดนาฬิกาเวลาราว ๆ 2 ทุ่ม เพราะอะไรหน่ะหรอ..หลงครับ ทั้งสื่อทั้งลูกค้า หลงคนละทิศคนละทางไปหมด กว่าจะกลับมารวมตัวกันได้ก็กินเวลามากโขทีเดียว แต่เหตุผลเหล่านั้นยังไม่ทำให้เข่าทรุดเท่ากับเส้นทางที่เหลือกว่า 65 กม. ฮ่า ๆ เอ้าลุยกันต่อ..แต่รอบนี้โชคดีหน่อย เพราะเส้นทางที่เหลือเป็นทางดำ ซิ่งกันยาว ๆ

DAY2 อุดมไชย – หลวงพระบาง

เริ่มต้นวันที่ 2 ในเช้าที่อากาศเย็นกับฟีลแคมป์ปิ้ง หลังจากวันแรกที่เราขี่เจ้า CRF 300 Rally ไปเกือบ 12 ชั่วโมงบนรถคันนี้ (ตูดด้านกันบ้างละ) สำหรับจุดหมายวันนี้ของเราคือ หลวงพระบาง กับระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร ในเส้นทางที่เดือดกว่าวันแรก (มาร์เเชลบอกมา) โดยขับขี่ไปยังเมืองงา กับลักษณะเส้นทางขับขี่เป็น Off Road 80% ทางดำ 20% ไฮไลท์จะเป็นทางลูกรังผสมหินลอย หินก้อนใหญ่ ๆ ขึ้นภูเขาสูงชันขึ้นลงยาว ๆ เป็นร้อยกิโลเมตร ตะคริวไม่กินก็ให้มันรู้ไป..

พละกำลัง

เราใช้ความเร็ว 60-90 กิโลเมตร/ชั่วโมง เรียกว่าซัดกันทุกโค้ง ด้วยเครื่องยนต์ของเจ้ารุ่นนี้กับขนาดความจุกระบอกสูบ 286 ซีซี. นับว่าเพียงพอ มันไปได้สบายในทางแบบนี้ ขับขี่สนุก ถึงเเม้จะสู้ฟีลลิ่ง รถสูตรไม่ได้ (สำหรับมือตึง) แต่เมื่อเทียบในคลาสเดียวกันเจ้าคันนี้มันคือหนึ่งในตองอูเลย

กินฝุ่น ชุปแป้งทอด

เดินทางต่อยาว ๆ บนเส้นทางลัดเลาะตามหุบเขา ข้างล่างเป็นหุบเหวสูงชัน ให้บรรยากาศฟีลลิ่งแบบการขี่ดาการ์ แรลลี่ยังไงยังงั้นเลย กับระยะทางก่อนถึงจุดหมาย ที่หลวงพระบางอีก 30 กม. สภาพเป็นทางดำผ่านชุมชน หมู่บ้านก่อนเข้าสู่เมือง หลังจากขับขี่บนเส้นทางฝุ่น ทางลุย 2 วันเต็ม ๆ นับระยะทางได้รวมกว่า 600 กิโลเมตร ++

DAY 3 หลวงพระบาง สปป.ลาว สู่จังหวัดน่าน

และแล้วก็เข้าสู่วันสุดท้ายในสปป.ลาว เราเดินทางออกจาก หลวงพระบาง ขึ้นเรือข้ามฝั่งเพื่อมุ่งหน้าไปยังเขตชายเเดน ลาว-ไทย วิ่งเข้าในเขตจังหวัดน่าน ซึ่งเส้นทางวันนี้ ไม่มีเเล้วทางฝุ่น (เย้) เพราะทางดำล้วน ๆ เลยเกือบ 300 กิโลเมตร ลัดเลาะภูเขา หมู่บ้าน เส้นทางสวย วิวเเจ่ม จะว่าไปทางดำกับ CRF 300 Rally ก็ไม่เลว นั่งขี่ได้สบาย ๆ ชิลด์หน้าขนาดใหญ่บังลมสบาย ส่วน CRF 300 L คงลำบากหน่อยกับทางแบบนี้

ฟีลลิ่งการทดสอบ

หลังจากขี่ CRF300 Rally  กันแบบจุก ๆ 3 วัน บนเส้นทางที่ต้องบอกว่าเลอะเทอะกันทั้งตัวรถและตัวผู้ขี่ ดูได้จากชุดขี่  ฮ่า ๆ ก็จะขอพูดถึงฟีลลิ่งตัว CRF 300 Rally กันสักหน่อย คันที่เราชาวคณะสื่อได้ขี่นั้น เป็นโมเดล 2025 ตัว Rally เเละ ตัว L ตัวรถดีไซน์ ยังคงเดิมไม่ได้แตกต่างจาก โมเดลก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ จะเรียกว่า “ New Sticker” ก็ว่าได้ 

แต่ก็มีจุดที่ปรับใหม่จากตัวก่อน นั้นก็คือ ช่วงล่างที่ปรับมาใหม่เเละการระบายความร้อนที่ดีขึ้น อันนี้ยอมรับเลยว่า 2 วันที่อยู่ด้วยกัน ช่วงล่างไม่ย้วยไม่นิ่มเหมือนตัวก่อนเเล้ว จากการทดสอบขี่เส้นทาง ฝุ่น หลุม ทางชันๆ ตกหลุมเเรง ๆ ระยะยืดยุบเยอะลุยได้สบาย

การบังคับเลี้ยวคล่องตัวตามสไตล์รถสายลุย พริ้วเลยละ ด้วยที่ให้ล้อหน้ามาขนาด 19 นิ้ว เเละล้อหลัง 17 นิ้ว การควบคุมผ่านทางลุยคือไม่มีปัญหา ดันเนินสบาย เเละในโมเดล 2025 นี้ตัวรถยังมีฟีเจอร์ที่เพิ่มใหม่ด้วยนะ ทั้งระบบแอสซิสสลิปเปอร์คลัตช์ เเละระบบ ABS สามารถปิดที่ล้อหลังได้ ส่วนตัวได้ลองใช้ดูเเล้วจังหวะลงเนินชัน ๆ กดเบรคหลัง ล้อคสไลด์กันเลยทีเดียว แนะนำว่าไม่ควรปิดดีกว่า ถ้ามือตึง ๆ คงจะชอบน่าดู แต่เน้นความปลอดภัยเปิดไว้ดีที่สุด

ในส่วนของ เครื่องยนต์ก็ยังคงใช้บล็อคเดิมจากโมเดลก่อนหน้านี้ ตอบสนองคันเร่งได้ดีเช่นเคย มันไม่ได้ถึงขั้นแรงมาก เเต่เป็นเครื่องยนต์ที่ให้ความสนุกตอนขี่ ใน่ช่วง เกียร์ 2-3-4-5 อัตราเร่งดีเลยทีเดียว การระบายความร้อนดีขึ้น ช่วงดันเดินยาว ๆ ชัน ๆ ลากเกียร์ 2-3 จนรอบตัดไปหลายที ไม่รู้สึกถึงความร้อนจากหม้อน้ำเลย อันนี้ให้ผ่าน

แต่ก็ไปด้วยกันได้อย่างสบาย ๆ กับความเร็ว 90-110 กม./ชม. การเดินทางไกล อาจจะเมื่อยก้นสักหน่อย กับ ทรงตัวเบาะของรถที่ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับการวิ่งทางไกล แต่ก็แก้ปัญหาด้วยการสลับ ยืนขี่บ้างนั่งบ้าง จอดพักกันเป็นระยะ ๆ 

โดยรวมครั้งนี้ กับการขับขี่ทางไกลเป็นระยะเวลา 3 วัน เรียนรู้ คลุกคลีกับเจ้า 2 รุ่นนี้จึงทำให้เข้าใจความเป็นสายลุยใน DNA ของเจ้าคันนี้กับคำว่าไปทุกที่ ที่ไม่มีทาง มันทำให้การขี่รถสนุกมากขึ้น ขี่ขนาดเดิมโรงงานก็ขี่สนุกเเล้ว แต่ถ้าอยากได้สมรรถนะที่ดีขึ้นกว่าเดิม แนะนำว่าควร เซ็ตติ้งเพิ่ม ในส่วนของช่วงล่าง หรือ ปรับเปลี่ยนใส่ของแต่ง หรือใครอยากทำสายลุย โมโตครอสเลย CRF มันตอบโจทย์การเอาไปต่อยอดได้อยู่เเล้ว  

จุดเด่น

  • เครื่องยนต์ควบคุมง่าย ไม่กระชาก เข้าเกียร์ลื่นไหล อัตราเร่งช่วงต้นดี
  • โช้คอัพปรับเซ็ตมาใหม่ หมดปัญหาเดิม ไม่ย้วยเเล้ว (สงสัยได้รับ Feed back เยอะ ฮ่า ๆ )
  • เบาะนั่งสบาย โฟมนุ่มรองรับคนน้ำหนักเยอะ
  • เบรกดี ทั้งหน้า-หลัง พร้อมลูกเล่นใหม่ ปิด ABS ล้อหลังได้
  • ดูเเลรักษาง่าย ตามสไตล์ CRF

ข้อตำหนิ  

  • ดีไซน์ยังคงเดิม เหมือนเปลี่ยนแค่สติ้กเกอร์ (นี่มันปี2025 เเล้วนะ)
  • ตำเเหน่งแฮนด์ต่ำไปนิดหน่อย (มีปัญหาสำหรับคนตัวสูง)
  • คนตัวเล็กขี่ลำบาก (เฉพาะ 300 Rally) จิกเท้าแน่นอน 

คะแนนสำหรับการรีวิวทดสอบ
Ergonomic : 8/10 (ตำเเหน่งแฮนด์ต่ำ เวลายืนขี่มีปัญหา) ขี่ทางไกลเมื่อย
Engine : 9/10 (ฟีลดี ไม่เเรง แต่ขี่สนุก)
Suspension : 8.5/10 (แก้ไขปัญหาเดิมเเล้ว  แต่ขี่โหด ๆ ต้องอัพของ)
Brake : 8.5/10 (เบรกดีตามมาตรฐาน ให้ลูกเล่นเปิด-ปิด ABS ล้อหลังได้มือตึงชอบ)
Tyre : 8/10 (ไม่ใช่ยางเดิมโรงงาน ให้ฟีลลุยดี แต่ทางดำหอน)
Rider’s Aid : 8/10 (อยากให้ปรับละเอียดในแต่ละโหมดได้อีกนิด)

OVERALL : 7.5/10 คันนี้เป็นรถที่เหมาะสำหรับคนเริ่มต้น (สายลุย) ออปชั่นพื้นฐาน เพียงพอต่อการใช้งาน ขี่ง่าย ไม่ต้องแต่ง เเต่ถ้าอยากสุดแต่งยกลำจะโหดมาก
Ride or Upgrade : รถออกศูนย์เดิมไม่ต้องเเต่งก็ขี่สบาย ใช้งานทั่วไปได้ แต่ถ้าคุณเป็นสายลุย ท่อ,ยาง,อัพช่วงล่าง,ต้องมี

CRF 300 Rally  (สีเเดง,น้ำเงิน,ขาว)
CRF 300L  (สีเทา,ดำ)
 CRF 300L  (สีแดง,ขาว)

โดยเปิด สำหรับ รุ่น 300 L มีทั้งหมด 2 สี (เทา,ดำ) เเละ (เเดง,ขาว) ราคาแนะนำอยู่ที่ 155,900 บาท  เเละรุ่น 300 Rally สี (แดง,น้ำเงิน,ขาว) ราคาแนะนำอยู่ที่ 179,900 บาท โดยสามารถไปทดสอบตัวจริงได้ที่ตัวแทนจัดจำหน่าย Honda ทุกสาขาใกล้บ้านท่านได้เลย หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ https://www.thaihonda.co.th/honda/ หรือทางเฟสบุ๊กแฟนเพจ รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า (Honda Motorcycle Thailand) 

เเละนี่คือทริปขี่รถมันส์ ๆ 3 วันในลาว ในกิจกรรม Xplorer The Unseen Discovery ที่ให้ชาวสาวก Honda ได้ร่วมเปิดประสบการณ์ขี่รถต่างแดน ค้นหาเเพชชั่นใหม่ ๆ กับเส้นทางที่ท้าทาย ไปกับรถคู่ใจของคุณ กับบรรกาศที่หาที่ไหนไม่ได้อีกเเล้ว สำหรับครั้งต่อไปจะเป็นการรีวิวรถรุ่นไหนจากทาง Honda หรือกิจกรรมใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ก็อย่าลืม ฝากติดตามผลงาน SuperBike Thailand กันด้วยครับผม

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

- Advertisement -

บทความยอดนิยม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่