รีวิว 2025 NMAX Tech Max ฟีล โครต ดี
หลังจากที่เห็นข่าวการเปิดตัวในอินโดนีเซียก็แอบลุ้นอยู่ไม่น้อย เพราะว่าทางบ้านเราให้ความสนใจไม่น้อยเช่นเดียวกัน กับสกูตเตอร์รุ่นฮิตขายดิบขายดีโฉมใหม่ล่าสุด ซึ่งทางไทยยามาฮ่านั้นได้แอบส่งกระซิบเงียบ ๆ เรียนเชิญให้ทีมงาน SuperBike Thailand ได้มาร่วมทดสอบ รีวิว 2025 NMAX Tech Max “ครั้งแรกในไทย” ที่สนามแก่งกระจานเซอร์กิต จ.เพชรบุรี
หลังจากทราบข่าวก็ไม่รีรอช้า รีบดิ่งซิ่งด่วนฝ่าถนนพระราม 2 วิ่งข้ามจังหวัดลงใต้มายัง อ.แก่งกระจาน เพื่อทดสอบโมเดลรุ่นนี้โดยเฉพาะ
First Impression เห็นแล้ว..หลงรัก
สำหรับการปรากฎตัวครั้งแรกของเจ้า เอ็นแม็กซ์ เท็กแม็กซ์ รุ่นนี้ ต้องบอกว่านี่..คือพ่อน้องออลนิวโฉมใหม่ ดีไซน์ใหม่ แทบยกเค้าโครงเดิมไปเกือบหมด เหลือเพียงโซนบอดี้ด้านหน้าที่ยังคงให้ความรู้สึกความเป็น NMAX อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งต้องเรียนว่ารถเอ็นแม็กซ์อย่างที่เรา ๆ เห็นคือ รถมันสวย และสปอร์ตเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่รุ่นที่เปิดตัวมานี้กลับมีดีไซน์ที่แตกต่าง แล้วต่างกันตรงจุดไหนบ้าง ?
บอดี้เพรียวขึ้น หุ่นดีขึ้นและลีนขึ้นกว่ารุ่นก่อน ๆ ที่ดูล่ำเล็กน้อย แต่ก็..แล้วแต่คนชอบ สวยทั้งคู่ (จะได้ไม่ต้องตีกัน) รูปทรงไฟหน้าปรับใหม่ดูมีมิติสัดส่วนกระชับมากขึ้น ไฟโปรเจคเตอร์ 2 ชั้นแยกเป็นไฟสูง-ต่ำ (ดูเหมือนไฟรุ่น MT) ไฟเดย์ไทม์แบบใหม่ ติดตั้งไฟเลี้ยว LED แบบใหม่ที่ดึงแบบรุ่นพี่ TMAX530 มาใส่ ซึ่งสรุปก็คือรุ่นนี้เป็นแอลอีดีหมดจดรอบคัน
แฟริ่งถูกออกแบบใหม่ มีการเว้าเส้นสายด้านข้างให้ดูสปอร์ตเหมือนรอยตอบร่องแก้ม และบริเวณด้านข้างช่วงระหว่างแฟริ่งและพักเท้าดีไซน์ใหม่เช่นเดียวกัน แน่นอนว่าสิ่งนี้จะช่วยในเรื่องของการลำเลียงทิศทางลมได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงปรับความสูงของเบาะเพิ่มขึ้นมา 5 มม. จากความสูง 765 เป็น 770 มม. เช่นกัน..ความสูงของตัวรถเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่รูปร่างเพรียวกว่านั่นเองครับ
เครื่องยนต์
ต่อด้วยหัวใจหลักที่ใคร ๆ ต่างให้ความสนใจกับเครื่องยนต์บลูคอร์แบบสูบเดียว 4 วาล์ว ขนาด 155 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ใช้ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด ขับเคลื่อนด้วยสายพาน V-Belt ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 15.15 แรงม้าที่ 8,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 14.2 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบ/นาที พร้อมระบบ VVA หรือวาล์วแปรผัน ตัดรอบทำงานที่ 6,000 รอบ/นาที ระบบ Stop & Start System ติดคู่มาด้วยถังน้ำมันขนาด 7.1 ลิตร
และพิเศษกับรุ่น Tech Max มาพร้อมระบบเกียร์ YECVT ซึ่งเป็นระบบควบคุมชุดส่งกำลังอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า หรือที่บ้านเราเรียกสิ่งนี้ว่าชามไฟฟ้า โดยรับคำสั่งผ่านกล่อง ECU ส่งต่อไปยังมอเตอร์ ขับชุดเฟืองหน้าแทนที่ตุ้มแรงเหวี่ยง (เม็ด) ทำให้สายพานเคลื่อนที่ตามความเหมาะสม กับเซ็นเซอร์จับตำแหน่งล้อขับสายพานหน้า (ชามหน้า) และเซ็นเซอร์วัดความเร็วล้อสายพานหลัง (ชามหลัง) และจะส่งข้อมูลไปที่กล่อง ECU ของรถเพื่อปรับการทำงานของชุดส่งกำลังเพื่อปรับให้สอดคล้องกับการขับขี่ ผ่านโหมดขับขี่ 2 โหมดที่ติดตั้งมาให้อย่างโหมด T (Town Mode) และโหมด S (Sport Mode)
แค่นั้นยังไม่พอ ยังมีฟังก์ชันเพิ่มอัตราเร่งรอบเครื่องยนต์กับ Shilf Down Function โดยแบ่งเป็น 2 ฟังกชันหลัก ๆ ก็คือ เพิ่มอัตราเร่งและลดชะลอความเร็ว ซึ่ง 2 ฟังก์ชันนี้แบ่งออกเป็น 3 ระดับ มีหลักการทำงานง่าย ๆ ก็คือ หากต้องใช้อัตราเร่งให้ปรับโหมดไปที่โหมด S (Sport) เปิดคันเร่งแล้วกดปุ่ม Shilft ตามรอบเครื่องยนต์ โดยแบ่งเป็น
Shift ระดับ 1 จะเริ่มที่ 4,000 รอบขึ้นไป
Shift ระดับ 2 จะเริ่มที่ 5,500 – 6,000 รอบ
Shift ระดับ 3 จะเริ่มที่ 6,500 – 7,000 รอบขึ้นไป
*แต่เมื่อไหร่ที่ผู้ขับขี่ยกคันเร่งแล้วบิดใหม่ ระดับ Shift ก็จะหายทันที*
ส่วนการชะลอความเร็วก็ทำเช่นเดียวกัน เมื่อปิดคันเร่งแล้วกด Shift เครื่องยนต์จะสร้างเอ็นจิ้นเบรก ใช้ระบบสายพานเพื่อชะลอความเร็วตามระดับของ Shift ซึ่งดูคล้ายคลึงเสมือนการเชนดาวน์สำหรับรถเกียร์ แต่ให้ความสมูท นุ่มนวลกว่าหลายเท่า โดยระบบ YECVT จะยกเลิกการทำงานก็ต่อเมื่อความเร็วต่ำกว่าหรือเท่ากับ 15 กม./ ชม.
ช่วงล่าง
ต่อด้วยระบบกันสะเทือนตามสเปคชีต โช้คหน้าให้เป็นแบบเทเลสโคปิก ส่วนโช้คหลังเป็นโช้คสปริงคู่ ระบบเบรกเป็นจานดิสก์เบรกหน้า-หลัง คาลิเปอร์ลูกสูบเดียว พร้อมระบบ ABS Dual Channel และ Traction Control ล้อแม็กขนาด 13 นิ้วและยางทูปเลสขนาดไซส์ 110/70 และ 130/70
ฟีเจอร์ใช้งานที่ติดตั้งมาให้
ช่องเก็บของด้านหน้า 2 ช่อง | พอร์ตชาร์จไฟ USB ไทป์ C 1 จุด |
กุญแจสมาร์ทคีย์ | ยูบ็อกซ์สโตว์ใต้เบาะขนาด 25 ลิตร |
หน้าจอดิจิทัล LCD (เฉพาะรุ่น Standard) | หน้าจอ Dual Display (แบบ LCD และ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว *เฉพาะรุ่น Tech Max*) |
ระบบ Y-Connect แสดงผลฟังก์ชันครบถ้วน (https://www.superbikemag.com/yamaha-y-connect/) | ระบบนำทางผ่านแอปพลิเคชัน Garmin Street Cross |
แฮนเดอริ่งขับขี่ง่าย และความสูง ไม่ใช่อุปสรรค
ถึงปรับความสูงของเบาะเพิ่มขึ้น แต่นั้นก็ไม่ใช่อุปสรรคในการใช้งานซะเท่าไหร่ นั่งสบายเต็มก้น พื้นฟุตบอร์ดวางเต็มเท้า บวกระยะแฮนด์บาร์ให้มากระชับ หลังจากลองคร่อมและศราลมดูแล้ว รู้สึกถึงความสะดวกสบาย ตามสไตล์สกูตเตอร์พิกัด 155 ซีซี
ฟีลลิ่งเครื่องยนต์
หลังจากที่ได้ทดสอบทั้ง 2 รุ่น ทั้งตัว Standard และรุ่น Tech Max ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ถึงจะมีรูปลักษณ์การดีไซน์ที่เหมือนกันแต่ความแตกต่างในด้านสมรรถนะเครื่องยนต์นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ทั้งนี้ต้องขอเล่า “พื้นฐาน” ของเครื่องยนต์รุ่นนี้กับบลูคอร์ขนาด 155 ซีซี มีระบบ VVA ตัดรอบที่ 6,000 รอบ ที่เรียกได้ว่าไม่แตกต่างมากนักจากรุ่นก่อน ๆ เดินเครื่องรอบต้นอาจจะต้องใช้เวลากว่าม้าจะวิ่ง แต่พอถึงรอบการเปิดวาล์วก็วิ่งปลายไหลขึ้นมาหน่อย ส่วนท็อปสปีดที่กดไปอยู่ราว ๆ 124 กม./ชม. ซึ่ง..มันเพียงพอต่อการใช้งานอยู่แล้ว หากเกินไปกว่านี้ก็อาจจะโดนใบสั่งเป็นไปได้
ส่วนรุ่น “Tech Max” ระบบช่วยส่งกำลังเสริมเข้ามา หากให้เล่าง่าย ๆ ไอเจ้าระบบนี้มันก็เหมือนถนนบายพาสที่จะช่วยให้เราไปถึงจุดหมายไปทางได้เร็วยิ่งขึ้น ต้นมาเร็วขึ้นจนแอบตกใจ และสามารถแบ่งรอบการทำงานของเครื่องยนต์ด้วยโหมดขับขี่ แถมยังตัดแต่งรอบด้วยระบบ Shift 3 ระดับ ซึ่งหลังจากที่ได้ทดสอบก็คือ รอบเครื่องตวัดขึ้นตามเสต็ปแบบรถออโตเมติกหรือฟีลลิ่งตอนเปลี่ยนเกียร์ Y-AMT คล้ายกัน
สำหรับสายซิ่งที่อยากอัปเสต็ปสำหรับรุ่น Standard นั้นไม่เป็นปัญหา โมดิฟายได้ตามปกติ แต่สำหรับรุ่น Tech Max ที่มีระบบเชิงกลไฟฟ้าที่ติดตั้งเพิ่มเข้ามา และเป็นระบบใหม่ล่าสุดในบ้านเราเช่นเดียวกัน คงต้องดูฝีมือของช่างสำนักแต่งว่าจะสามารถไล่สเต็ปความแรงของรถรุ่นนี้ได้หรือไม่ แต่คิดว่าทำได้เพราะฝีมือช่างไทยคือที่ 1
ทดสอบช่วงล่าง
สำหรับช่วงล่างนั้นเพียงพอต่อการใช้งานในแบบ Standard สำหรับบนท้องถนน ให้ช่วงยุบที่ยืดหยุ่น หนุบหนับ นุ่มนิ่ม เบรกดีอยู่แล้ว ยางใช้ได้ แต่ทั้งหมด ตอบโจทย์สายใช้งานแต่สำหรับสายซิ่งขี่สนาม แค่นี้ไม่พอมือแน่นอน ต้องอัพของอีกระดับ
สรุป
ข้อดี
- เทคโนโลยี YECVT ตอบสนองดีมาก อัตราเร่งดี แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดถ้าเทียบกับตัว Standard
- โช้คหน้านุ่มกำลังดีไม่มีอาการเวลาขับขี่เร็วๆ
- ระบบเบรกทั้งหน้าและหลังเอาอยู่ในทุกสถานการณ์
- เบาะนิ่มกำลังดีนั่งสบาย ไม่แคบเกินไป คร่อมแล้วไม่รู้สึกว่าขาดูกาง และเท้าสามารถลงพื้นได้เต็มเท้า
- หน้าจอสวย เห็นชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน
ข้อสังเกตุ
- เทคโนโลยี YECVT ถ้าปิดคันเร่งต้องมาเริ่มต้นไล่ Shilf ทำให้อาจจะต้องเร่งรอบความเร็วใหม่ แทนทีจะให้ Shilf หายและเป็นเอ็นจิ้นเบรกตอนแตะเบรกน่าจะดีกว่า
- โช้คหลังมาอาการนิ่มไปหน่อย แต่ไม่ได้มีผลต่อการขับขี่
- ยางติดรถให้มาแอบลื่นๆ นิดหน่อย
เกณฑ์การให้คะแนน
Ergonomic 8/10
– กำลังพอดีกับตัวผู้ขับขี่ แฮนด์ และประกับไม่เอื้อมหรือหย่อนแขนเกินไป
Engine 9/10
– อัตราเร่งดี พอยกคันเร่งแล้วต้องมาเริ่มนับหนึ่งในการไล่ระดับใหม่
Suspension 7.5/10
– โช้คหน้าดีมาก โช้คหลังนิ่มไปหน่อย
Brake 9.5/10
– เบรกหนักเอาอยู่แน่นอน
Tyre 6.5/10
– ยางแอบลื่นนิดๆ แต่พอใช้งานในชีวิตประจำวันได้ แต่ถ้าซิ่งๆ ไม่น่ารอด
Rider’s Aid 10/10
– ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีที่เกินตัวรถในพิกัด 155 ซีซี
OVERALL 9/10
– คือรถที่เหมาะกับทั้งแม่บ้านและพ่อบ้านสายซิ่ง ที่สามารถปรับเปลี่ยนการขับขี่ได้ตามความต้องการได้เลย เสียอย่างเดียวพอยกคันเร่งแล้วต้องมาเริ่มนับหนึ่งในการไล่ระดับใหม่
Ride or Upgrade (ขี่หรือแต่ง)
Upgrade ดีกว่าได้ Performance ที่มากขึ้นเช่นช่วงล่างส่วนตัวแอดอาจจะมีน้ำหนักเยอะเลยอาจจะทำให้โช้คหลังรู้สึกนิ่มไปเลยให้เปลื่ยนดีกว่า ได้ทั้งประสิทธิภาพมากขึ้นและเสมอหล่อด้วย และอัตราเร่งของเครื่องยนต์ที่ดีอยู่ แต่ถ้าอยากได้ซิ่งขึ้นแนะนำไล่ข้าง (รอหน่อยนะยังไงช่างไทยทำได้อยู่แล้ว)
และทั้งข้อดีและข้อสังเกตุในจุดต่างๆ พิจารณจากราคา …. คุ้มค่าคุ้มราคากับที่จ่ายไปแน่นอน
2025 Nmax Tech MAX ราคาแนะนำที่ 113,500 บาท
จำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 2 สี ได้แก่
สีน้ำตาล |
สีเทา |
พร้อมรับประกัน 5 ปีหรือ 50,000 กม. ใครที่สนใจสามารถเข้าไปชมตัวจริงได้ที่ YAMAHA สแควร์ ทุกสาขาทั่วประเทศ นี่แหละ All NEW ของจริง