2025 Benelli Leoncino Bobber 400
สิงโตหน้าเหยี่ยว หัวใจสูบวี
เพียงสายตาที่เหลือบมองผ่านภาพใบนี้ ภาพของฝูงเหยี่ยวที่บินโฉบเหยื่อเหนือบนทุ่งหญ้าในป่าเขตร้อนก็ลอยมาในหัวทันที นึกคำตอบในใจยังไงก็ฮาร์ลี่ย์ เดวิดสันแน่นอน หรือนี่อาจเป็นรุ่นน้อง ๆ ของเจ้า Sportster ก็เป็นไปได้ แต่ทว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิด นี่คือ Benelli Leoncino Bobber 400 บ๊อบเบอร์บล็อกวีทวินจากค่ายสิงโตที่เปิดตัวภายในงาน Eicma ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
2025 Benelli Leoncino Bobber 400 แตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ
เปลี่ยนสายพันธุ์จากพญาเหยี่ยวสู่สิงโต ด้วยความน่าสนใจของโมเดลรุ่นนี้ก็คือ เป็นโมเดลที่ใช้บล็อกเครื่องยนต์แบบสูบวีหรือ V-Twin 60 องศา “รุ่นเดียว” ในตระกูล Leoncino ที่เคยมีโฉมก่อนหน้านี้อย่างตัว 800 และ 125 ซีซีนั่นเอง (ทั้งสองรุ่นที่กล่าวมายังคงใช้สูบเรียง)
รวมถึงการดีไซน์นั้นแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งผู้ออกแบบหรือทางค่ายได้ตั้งใจที่จะสร้างโมเดลดังกล่าว ให้ดูมีความคลาสสิกย้อนยุคโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถสไตล์อเมริกันนั่นเอง เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ว่าทำไมมันดูเหมือนรถฮาร์ลีย์ซะเหลือเกินตั้งแต่ไฟหน้าทรงเหลี่ยม มิติสัดส่วนมุมเรคต่าง ๆ ทรงแฮนด์บาร์ เบาะ จอสี TFT ทรงกลมแสดงผลฟังก์ชันเรือนไมล์แบบอนาล็อก กรองอากาศฝั่งขวาเครื่องยนต์ ท่อไอเสียปลายคู่แบบครูเซอร์ไบค์ ดูสวยงามแต่อย่างว่าฮาร์ลี่ย์ยังไงมันก็เป็นฮาร์ลี่ย์อ่านะ
สเปคเครื่องยนต์ เน้นแรงบิด
พร้อมเครื่องยนต์สูบวีที่มีปริมาตรกระบอกสูบขนาด 386.5 ซีซี ใช้ขนาดลูกสูบและช่วงชัก 60 x 68 มม. จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด ระบบเกียร์แบบ 6 สปีด ขับเคลื่อนด้วยสายพาน ติดมาพร้อมกับถังน้ำมันขนาด 15 ลิตร ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 34.5 แรงม้าที่ 8,000 รอบ และแรงบิด 36 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบ และยังผ่านค่า Euro5+ อีกด้วย
 |
โช้คหัวกลับ 35 มม. ดิสก์เบรก 300 มม. ขนาดล้อและยาง 130/90-1 |
 |
โช้คสปริงคู่ ดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 240 มม.คาลิเปอร์ลูกสูบเดียว ล้อและยาง 150/80-16 |
สำหรับระบบช่วงล่าง สิ่งที่โดดเด่นสะดุดตาเป็นอันดับแรกก็คือ ล้ออลูมิเนียมอัลลอยสีดำขนาด 16 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 130/90 และ 150/80 ใช้ระบบกันสะเทือนด้วยโช้คหัวกลับขนาดแกน 35 มม. ด้านหลังเป็โช้คสปริงคู่ ใช้ระบบเบรกกับดิสก์เบรกหน้า (300 มม.) หลัง (240 มม.) และคาลิเปอร์ขนาด 4 ลูกสูบและลูกสูบเดียวตามลำดับ พร้อมด้วยระบบเสริมความปลอดภัย ABS ติดตั้งมาให้
เปิดตัวออกมาด้วยกันทั้งหมด 3 สี ประกอบไปด้วย สีน้ำตาลทะเลทราย (Desert Tan), สีดำ (Midnight Black) และสีเทา (Onix Grey) ส่วนราคานั้นยังไม่มีการเปิดเผยออกมาแต่อย่างใด ต้องรอขายอย่างเป็นทางการในปี 2025 ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าราคานั้นไม่เกินสองแสนอย่างแน่นอนครับ ถ้านำเข้ามาขายในไทยอ่านะ
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก
 |
 |
