รีวิว 2025 Honda CBR600RR
ทดสอบถึงขีดสุด!! ที่เซปัง มาเลเซีย
สำหรับครั้งนี้ได้รับโอกาสจากทีมงาน SuperBike Thailand ให้มาเป็นเทสไรเดอร์ในการร่วมทดสอบ รีวิว New CBR600RR 2025 พร้อมปลดลิมิตและสกิลบนสนามแข่งระดับโลกที่เซปังเซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย โดยครั้งนี้ต้องขอกล่าวขอบคุณก่อนเลย สำหรับไทย ฮอนด้า ที่จัดกิจกรรมดี ๆ ให้พวกเราได้มาบอกเล่าถึงประสบการณ์ของตัวโฉม SuperSport ไซส์กลางรหัส RR (Racing Rapilca) ว่ามันมีอะไรปรับมาใหม่พิเศษกันบ้าง และสมรรถนะจะตอบโจทย์เร้าใจมากแค่ไหน..มาชมกัน
รีวิว 2025 Honda CBR600RR First Impression
หลังจากเปิดตัวพร้อมราคาภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปร 2024 กับซีบีอาร์ 600 ดับเบิ้ลอาร์คันนี้ ซึ่ง First Impression ถึงความเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นก่อน ๆ 1. ก็คือลายกราฟิกที่เปลี่ยนไป แต่ยังคงอยู่ในระนาบแบบเดียวกันกับโฉมอื่น ๆ ในตระกูล CBR Series ซึ่งอาจจะดูคล้ายกับเจ้า 650R เจ็นปี 22-23 หรือไม่ก็พี่ใหญ่ตัว 1000 รุ่นปี 2022 ที่ให้กลิ่นอายค่อนข้างคล้ายคลึงกัน เสริมความแปลกด้วยจุดที่ 2. กับปีกวิงก์เล็ตแบบรถสปอร์ตยุคใหม่ พร้อมแรมแอร์บริเวณตรงกลาง และแน่นอนว่าในส่วนนี้จะช่วยในเรื่องของการสร้างแรงกดในขณะซิ่งด้วยความเร็วสูงนั่นเองหล่ะครับ สำหรับภาพรวมดีไซน์ยังดูเป็นไอ่ต้าวตุ๊ต๊ะเหมือนเดิม อ้วนท้วมสมบูรณ์กับเครื่องยนต์ 600 ซีซี
ต่อมาในจุดที่สองที่ปรับมาใหม่และค่อนข้างโอเคนั้นก็คือ ระบบ IMU 6 แกน ที่พัฒนาจากเดิมที่เป็น 5 แกน 2 Way QuickShifter OEM จากโรงงาน จอสี TFT ขนาด 5 นิ้ว มีโหมดการขับขี่และระบบเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย อาทิ Power Mode, Cornering ABS, ระบบ HSTC หรือ Traction Control 9 ระดับ, Engine Brake, Wheelie Control, Rear Lift Control คันเร่งไฟฟ้า ที่สามารถปรับเลือกใช้งามตามสภาพการขับขี่ของผู้ขับขี่ได้เต็มพิกัด
เครื่องยนต์และช่วงล่าง “เหมือนเดิม”
ในส่วนนี้ยังคงเหมือนเดิมกับเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ขนาด 599 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ กับพละกำลังแรงม้าสูงสุดที่ 119 แรงม้าที่ 14,250 รอบ และแรงบิด 63 นิวตันเมตรที่ 11,500 รอบ ครอบมาด้วยถังน้ำมันความจุขนาด 18 ลิตร
ส่วนระบบช่วงล่างยังคงใช้โช้คอัพแบบหัวกลับจาก Showa ด้านหลังเป็นโช้คเดี่ยวสามารถปรับพรีโหลดได้ ระบบเบรกเป็นดิสก์คู่ด้านหน้า คาลิเปอร์ Tokico ขนาด 4 พอต ดิสก์เบรกด้านหลังขนาด 220 มม.คาลิเปอร์เบรก 1 พอต ใส่ล้อและยางขนาดไซส์ 120/70-17 และ 180/55-17
ฟีลลิ่งการเทสในสนาม
สัมผัสครั้งแรก..!! มองจากสายตา มิติรถทุกอย่างดูคล้ายเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากจนตกใจ มีเรื่องสีสันที่ แดง แบบ แดง!! ตะโกน ท่านั่งการขับขี่ ตามสไตล์รถตระกูล RR ก้มแบบสะใจ แต่ไม่ได้ทรมานมาก ความสูงจากพื้นถือว่าเป็นมิตรกับส่วนสูงมาตรฐานชายไทย เขย่งหน่อยๆ พอได้เท่ ขึ้นไปคร่อมแล้วไม่ได้รู้สึกปวดหลัง (ขนาดนั้น) ท่านั่งขี่เหมาะกับการขับขี่กางแข้งกางขาโดยธรรมชาติของตัวรถ ขับขี่ในชีวิตประจำวันทำได้ถ้าใจรัก
เซปัง ไม่หมู..นะจ๊ะ
อย่างแรกเลย สนามสวย แต่บอกเลยว่า Sepang ไม่หมูนะจ๊ะ ถือว่าเป็นสนามที่ขี่เหนื่อยเลยสนามนึง พลิกรถบ่อย และสภาพสนามที่ไม่ใช่สนาม Flat Track เหมือน ช้าง พื้นสนามมีความลาดเอียง ไม่ได้เอียงเข้านะ เอียงออกจากโค้ง – -* สนุกปนเสียว ได้เหงื่อ ได้แรง คนเทสก็ลุ้น คนให้เทสก็ลุ้นกว่า..ว่าจะล้มไหม
จากที่เคยลองขี่โมเดลเก่ามาแล้ว ที่ไม่ได้รู้สึกต่างไปจากเดิมมากคือเรื่องของอัตราการตอบสนองของเครื่องยนต์เป็นรถที่แรงม้าจะมาในย่านกลางถึงสูง คือถ้าปล่อยรอบตกปุ๊บ..ห้อยเลยทันที เปิดคันเร่งเรียกรอบใหม่ทีนึง มันนานเหลือเกินกว่ารอบจะฟาดจนรู้สึกได้ถึงแรงม้า แต่ถ้ามือตึงขี่รอบถึงๆ หวดเป็นมา หวดเป็นมา
ความต่างของเทคโนโลยี IMU ไม่ได้รู้สึกได้ขนาดนั้นแต่ถ้าเคยขี่ตัวเก่ามาก่อนจะรู้สึกได้ว่าตอนรถนอนอยู่ในโค้งมันรู้สึกได้ถึงความมั่นคงที่มากขึ้น จังหวะการพลิกรถ หรือ นอนรถเร็ว ๆ แรง ๆ อาการไม่ค่อยออก
ช่วงล่าง Showa ของเดิมติดรถที่ให้มา สมรรถนะเพียงพอกับมือใหม่ ถึง มือกลาง ไม่ได้ย้วยจนเด้ง ไม่ได้แข็งเป็นไม้กระดาน มือตึงขี่ได้ มือใหม่ไม่ได้ทรมาน 2 ways Quick Shifter ที่ปรับความนุ่มความแข็งของแรงในการเตะได้ อันนี้ถือว่าดี ชอบเป็นการส่วนตัวถ้าปรับเป็นแข็งสุดเวลาเตะเกียร์ทีนึงมันส์มาก แต่ถ้าปรับนุ่มสุดดูท่าจะไวต่อสัมผัสไปหน่อย สะกิดนิด ๆ เปลี่ยนเกียร์เฉย เจอเกียร์เสือกบ่อยนิดนึง
แม่สาวปีกนกรุ่นนี้..พร้อมดามใจ
แฟนใหม่ช่วงโปรโมชัน น้องไม่ค่อยดื้อตามใจ พูดอะไร จะให้ทำอะไรก็ทำ สำหรับคนที่อกหักช้ำรักมาจาก RR คันอื่น แม่สาวปีกนกคนนี้พร้อมจะดามใจ และ ทำให้คุณประทับใจกับสมรรถนะของน้องเค้า แต่ก็อาจจะต้องปรับตัวกันนิดนึง
คะแนนสำหรับการรีวิวทดสอบ
Design : 7/10 ดีไซน์ มีการปรับเปลี่ยนแต่ก็ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมไปมาก ลวดลาย ชุดสีและวิงก์เล็ตใหม่ ไตรคัลเลอร์สุด ๆ
Ergonomic : 7/10 ตามสไตล์รถตระกูล RR ก้มแบบสะใจ แต่ไม่ได้ทรมานมาก ความสูงจากพื้นถือว่าเป็นมิตรกับส่วนสูงมาตรฐานชายไทย เขย่งหน่อยๆ พอได้เท่ ขึ้นไปคร่อมแล้วไม่ได้รู้สึกปวดหลัง(ขนาดนั้น)
Engine : 7.5/10 เครื่องยนต์ให้สมรรถนะฟีลลิ่งไม่ต่างจากเดิมมากเท่าไหร่ ซึ่งมันแรงอยู่แล้วกับกำลังเกือบ 120 แรงม้าในพิกัดนี้ (มากกว่า R6) แต่รู้สึกโอเคกับควิกชิฟเตอร์ออกแบบมาใหม่ ปรับความนุ่มลื่นไหลการเตะได้ทันใจเท้าสุด ๆ
Suspension : 7/10 ตามมาตรฐานการใช้งาน ถ้ามองแบบใช้งานขับขี่ทั่วไปค่อนข้างโอเค แต่ในสนามแข่งอัปเกรดได้ยิ่งดี
Brake : 7/10 ติดตั้งมาให้ตามมาตรฐาน
Tyre : NA
@superbikethailand เมื่อไหร่…เมื่อไหร่แอดจะได้ขี่ !! #SuperBikeThailand #SuperBikeMag #HondaBigBike #CBR600RR #CBR1000RRRSP #TimetoAwakenChallenge #awakenfortherace #เปิดการมองเห็น
OVERALL : 7/10 ค่อนข้างโอเคกับการทดสอบในสนาม ถึงแม้จะไม่ได้หวือหวาอะไรมาก แต่ก็ดีที่ทางค่ายได้เติมระบบใหม่มาให้ใช้งาน ซึ่งค่อนข้างทันสมัยเข้ากับรถยุคใหม่ในปัจจุบันที่ให้คาแรคเตอร์ทั้งตอบโจทย์การใช้งานบนท้องถนนและบนสนามแข่ง
Ride or Upgrade : สำหรับสายสนามให้ลองเซ็ตโช้คอัพ อัประบบเบรกดูครับ
สรุป โดยรวม สำหรับ Honda Fanboy ที่ขี่เจ็นเก่าอยู่ ถามว่าต้องเปลี่ยนเป็นปี 25 ตอบตรง ๆ เลยว่า ไม่ เพราะไม่ได้รู้สึกต่างขนาดนั้นถ้าเทียบกันน้ำหนักต่อน้ำหนัก แต่ถ้าสำหรับใครที่อยากได้รถตระกูล RR ที่ขี่ในชีวิตประจำวันได้ ลงสนามได้ดี แนะนำว่าซื้อ ซื้อเท่านั้น คุ้มค่าคุ้มราคากับค่าสินสอด 549,000 บาท ราคาเท่าเดิมแต่ยัดของมาแบบแน่นๆ กับ เทคโนโลยีที่เทียบเท่ากับ 1000RR SP ในราคาหั่นครึ่ง บวกกิจกรรมที่ทางฮอนด้าบิ๊กไบค์ที่จัดให้กับลูกค้าพร้อมการบริการเซอร์วิสแบบแน่น ๆ ตลอดทั้งปี เชื่อเถอะ..ซื้อมาขี่แล้วไม่มีเหงาแน่นอน
ทดสอบและเขียนโดย : แชมป์ บางบอน
อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก