2025 Ducati StreetFighter V2
สตรีทเน็กเก็ด เครื่องใหม่ เบาหวิว
สปอร์ตเน็กเก็ตที่เผยโฉมมาพร้อมกับรุ่นซูเปอร์สปอร์ตจากบ้านดูคาติอย่าง 2025 Ducati StreetFighter V2 อเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Ducati ที่ได้รับการออกแบบให้ผสมผสานความดุดันและสมรรถนะเหนือชั้น เครื่องยนต์ที่ปรับปรุงใหม่ในปีนี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองต่อการขับขี่ที่เร้าใจ แต่ยังมอบความมั่นใจในการควบคุมและประหยัดพลังงานได้อย่างลงตัว
New Ducati V2 Engine
พร้อมเอาใจสายสตรีทเน็กเก็ดด้วยขุมพลังตัวใหม่ “New Ducati V2 Engine” ที่เป็นเครื่องยนต์ V-Twin ขนาด 90 องศา มีปริมาตรกระบอกสูบ 890 ซีซี ออกแบบคาแรคเตอร์ให้ความสมดุลระหว่างแรงม้าและแรงบิดอย่างลงตัว มาพร้อมกับระบบวาล์วแปรผันหรือ Variable Timing ให้อัตราการเร่งได้อย่างเร้าใจแม้ในรอบต่ำ โดยเครื่องยนต์บล็อกใหม่ยังปรับปรุงให้ผ่านค่ามาตรฐาน Euro5+ อีกด้วย
สำหรับแรงม้าสูงสุดที่รีดมาได้อยู่ที่ 120 แรงม้าที่ 10,750 รอบและแรงบิดสูงสุด 93 นิวตันเมตรที่ 8,250 รอบ มีอัตราส่วนอัดที่ 13.1 : 1 บวกกับน้ำหนักของบล็อกเครื่องยนต์ถูกขนานนามได้ว่า เบาที่สุด (น้ำหนัก 54.5 กก. ซึ่งเบากว่าเครื่องยนต์ Superquadro รุ่นก่อนหน้าที่ 9.4 กก.) ในบรรดาบล็อกเครื่องยนต์ของดูคาติทั้งหมด ซึ่งสมรรถนะดังกล่าวส่งผลให้เจ้าสตรีทไฟเตอร์รุ่นนี้ มีอัตราเร่งได้อย่างทรงพลัง แต่ยังคงความนุ่มนวลสำหรับการขับขี่ทั้งในสนามและท้องถนน
มาพร้อมกับระบบส่งกำลังกับชุดเกียร์ 6 สปีด ที่ติดตั้งระบบ Ducati Quick Shift (DQS) up/down EVO 2 ซึ่งช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น อีกทั้งยังมาพร้อมคลัตช์เปียกแบบหลายแผ่นที่มีระบบ Slipper และ Self-servo ลดแรงกระชากเมื่อเปลี่ยนเกียร์ลง แถมยังเร่งได้ทันใจด้วยระบบคันเร่งไฟฟ้า มาพร้อมกับขนาดความจุของถังน้ำมันที่ 15 ลิตร โดยรวมตัวรถมีน้ำหนักรวมเพียง 177 กก. (รุ่น V2S น้ำหนัก 175 กก.) ซึ่งถือว่าค่อนข้างเบาสำหรับโมเดลพิกัด 890 ซีซีทีเดียว
StreetFighter V2S | |
StreetFighter V2 |
นอกเหนือจากเรื่องของขุมพลังและความเบาแล้ว ตัวรถยังถูกออกแบบให้มีความแข็งแรง ด้วยการเฟรมโมโนค็อกอลูมิเนียม ยึดกับอาร์มคู่ตัวชูโรงของค่าย โดยทำงานร่วมกับระบบกันสะเทือนซึ่งรุ่น V2 จะใช้โช้คอัพด้านหน้าจาก Marzocchi ขนาด 43 มม. โช้คหลัง KYB ปรับแต่งได้เต็มระบบ ส่วนรุ่น V2S จะใช้เป็นโช้คหัวกลับ Ohlins NIX30 ขนาด 43 มม. โช้คหลังเป็น Ohlins และปรับแต่งได้เต็มระบบเช่นเดียวกันทั้ง พรีโหลด รีบาวด์และคอมเพรสชัน ส่วนระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกคู่ด้านหน้าขนาดจาน 320 มม. พร้อมคาลิเปอร์ Brembo โมโนบล็อกเรเดียลเม้าท์ M50 ขนาด 4 ลูกสูบ ดิสก์เบรกหลังเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 245 มม. จับคู่กับคาลิเปอร์ขนาด 2 ลูกสูบ พ่วงมากับล้อขนาดเท่ากันที่ 17 นิ้ว รัดยางสายฟ้า Pirelli Diablo Rosso IV ขนาด 120/70 และ 190/55 ตามลำดับ
เทคโนโลยี
อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีเริ่มด้วยหน้าจอสี TFT 5 นิ้ว ปรับการแสดงผลได้ถึง 4 โหมด โหมดการขับขี่ 4 โหมด ระบบ Connering ABS จาก Bocsh ปรับได้ 3 ระดับ ระบบแทร็คชันคอนโทรล ปรับได้ 8 ระดับ ระบบป้องกันล้อหน้าลอย เอ็นจิ้นเบรกและระบบไฟฉุกเฉินเมื่อเบรกกระทันหัน
ดีไซน์ใหม่พร้อมอาร์มคู่
สำหรับในเรื่องของดีไซน์ ถูกจัดได้ว่าตัวรถออกแบบมาให้มีลักษณะการขับขี่ที่สบาย ไม่ลำบากจนเกินไปเมื่อเทียบกับโฉมซูเปอร์สปอร์ต อีกทั้งตัวแฟริ่งถูกออกแบบโดยคำนึงถึงแอโรไดนามิก ปราดเปรียวทั้งเส้นสาย ให้ความสปอร์ตแบบเต็มพิกัด บวกกับท่อไอเสียแบบ 2-1-2 ติดแคทกรองไอเสียมาให้เรียบร้อย โดยรุ่น V2 จะติดเบาะคนซ้อนมาให้ แต่รุ่น V2S จะถูกออกแบบมาเพื่อเน้นสำหรับการขับขี่ในสนามแข่งโดยเฉพาะ
โดยมีจำหน่าย 2 สีได้แก่ Ducati Red และ Matt black Mudgurad เปิดราคาแนะนำสำหรับรุ่น V2 เปิดราคาที่ 14,995 ดอลลาร์หรือราว ๆ 5.2 แสนบาท ส่วนรุ่น V2S เปิดราคาแนะนำที่ 17,995 ดอลลาร์ หรือราว ๆ 6.22 แสนบาท และคาดว่าเข้าไทยมาพร้อมกับเจ้า Panigale อย่างแน่นอน แต่ต้องรอทางค่ายสรุปออกมาว่าเป็นช่วงเดือนไหน อย่างไรสาวกดูคาทิสต้าสามารถติดตามอัปเดตข่าวสารจากทาง SuperBike Thailand ได้เลย
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก