Honda Eicma Trip 2024
ขี่ชิว พาชม ที่อิตาลี
นับเป็นกิจกรรมโบนัสพิเศษที่ทางค่ายรถจักรยานยนต์ค่ายปีกนกหรือไทย ฮอนด้า ได้เทียบเชิญทีมงาน SuperBike Thailand มาร่วมทดสอบขับขี่ในกิจกรรม Honda 2024 Eicma Press & Influencer Trip วันเดย์ทริปแบบสุดพิเศษบนเส้นทางที่นับได้ว่าเปลี่ยนวิวทิวทัศน์ ลบภาพจำตึกราบ้านช่องในบ้านเรา สู่อ้อมอกรายล้อมเต็มไปด้วยภูเขา กับสภาพอากาศราว ๆ 4 องศา เย็นฉ่ำชื่นใจ เพราะที่นี่คืออิตาลี!!
โดยเส้นทางครั้งนี้เดินทางมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบ Lake Como กับระยะทางราว ๆ 200 กม. จากตัวเมืองมิลานกับโมเดล Honda CBR650R E-Clutch รวมถึง Honda XL750 Transalp นับได้ว่าเป็นโมเดลที่มีขายในบ้านเราเรียบร้อยแล้วนั่นเอง รวมถึงทดสอบกันไปแล้วด้วยทั้ง 3 รุ่น กับ CBR650R E-Clutch, CB650R E-Clutch และ XL750 Transalp
2024 Honda Eicma Trip จุดสตาร์ท ณ Moto star
สำหรับฟีลลิ่งการขับขี่ในต่างแดนคงให้ประสบการณ์อะไรที่มันแตกต่างมากกว่า และนับว่าเป็นความท้าทายครั้งใหม่ของการมาเยือนต่างบ้านต่างเมืองอีกด้วย โดยการทดสอบครั้งนี้ SuperBike Thailand จัดว่าเป็นสื่อกรุ๊ปแรกที่ได้ทดสอบในครั้งนี้อีกด้วย (ทดสอบ 3 กรุ๊ป ได้อยู่กรุ๊ปที่ 1 และกรุ๊ปที่ 3) พร้อมเปิดประเดิมสำหรับการทดสอบขับขี่ ภายใต้สภาพอากาศค่อนข้างหนาวเหน็บที่จะเตรียมเข้าสู่ฤดูหนาวอยู่ราว ๆ 4 องศา
แต่อย่างไรย่อมไม่เป็นผลกับสภาพร่างกาย เพราะจัดเต็มอุปกรณ์มาอย่างดี ด้วยชุดขับขี่มอเตอร์ไซค์จากแบรนด์ Revit ผู้สนับสนุนใจดีที่ให้ชุดขับขี่ประกอบไปด้วย แจ็กเก็ด Revit Flare 2 พร้อมเสื้อกันลมชั้นใน และรองเท้า TCX ของเด็ดของดี ให้คุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นที่ใช้มานักต่อนักแต่สภาพยังดีเหมือนของสภาพมือใหม่ทีเดียว
พร้อมแล้ว..ออกเดินทาง
จากจุดสตาร์ทเริ่มต้นที่ MotoStar ศูนย์บริการเซอร์วิสรถบิ๊กไบค์ ที่จัดว่าเป็น 1 ใน 3 ศูนย์บริการฮอนด้ารายใหญ่ของเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ซึ่งหลังจากเดินเรื่องยืมรถขับขี่เป็นที่เรียบร้อย (เอกสารที่ต้องมี ใบขับขี่สากล ใบขับขี่ของกรมการขนส่ง ประเทศไทยและพาสสปอร์ต
เมื่อมีเอกสารครบทั้ง 3 อย่างนี้ สามารถยืมรถนำไปขับขี่ได้ทันที แต่ต้องกลับมาทันภายในเวลา 5 โมงเย็นนะ ไม่งั้นจะเสียค่าปรับเพิ่ม) ซึ่งเส้นทางครั้งนี้นำโดยมาร์แชลหนุ่มอิตาลีรูปหล่อ หน้าตาคมเข้ม ดวงตาน้ำข้าวอย่าง คริสเตียโน่ (ชื่ออย่างกะคนโปรตุเกส) มาเป็นมาร์แชลนำขบวนพร้อมพาพี่ ๆ สื่อมวลชนรวมถึงตัวแอดมินร่วมออกผจญภัยครั้งนี้
ซึ่งในครั้งนี้แอดมินไม่ได้มาคนเดียว มีผู้โดยสารที่ทางค่ายจัดเตรียมมาร่วมขบวนครั้งนี้อีกด้วย ถือว่าเป็นการทดสอบช่วงล่างไปในตัวทีเดียวเลยแล้วกัน เพราะจากที่เคยทดสอบโดยสารคนเดียวมาตลอด ถือว่าเป็นความท้าทายครั้งใหม่กับการขับขี่ในต่างแดน (ฮ่า ๆ) เอาหล่ะหลังเช็คชื่อบรีฟเส้นทางเป็นเรียบร้อยแล้ว พร้อมตรวจเช็คระบบหน้าจอ (ปรับโหมดมาใช้โหมด Street เพราะมีคนบรรทุกไปด้วย) บิดกุญแจสตาร์ทรถพร้อมลุย..!!
ในขณะที่ขบวน Honda E-Clutch กำลังออก เท้าซ้ายเริ่มตบคันเกียร์ที่พักเท้าซ้าย มือซ้ายเตรียมกำคลัตช์เพราะความเคยชินจากที่ขี่รถมีคลัตช์ จนพี่สาวข้างหลังตะโกนมาว่า “ม..ึ.งจะบีบคลัตช์ ทำไม” คำพูดเหล่านั้นมากระตุ้นสมองอันทึบหนาจนคิดได้ว่า นี่มันรถไม่ต้องกำคลัตช์นี่นา ลืมตัวอีกแล้ว..เอาน่า ใส่หมวกสวมชิลด์แล้ว คงไม่มีใครรู้หรอก ฮ่า ๆ”
จากความรู้สึกค่อนข้างกังวัลเพราะด้วยขับขี่ในต่างแดนกลับปลิดทิ้ง เพราะด้วยความง่ายดายของลูกเล่น ในโมเดลอีคลัตช์รุ่นนี้ “ไม่ต้องกำคลัตช์” ซึ่งช่วยลดภาระการขับขี่ไปได้เยอะทีเดียว และไม่ต้องผะวะผะวงเรื่องรอบกระชากในเกียร์ต่ำให้ลำบากใจ เพราะรถรุ่นนี้ออกแบบมาดีเลยทีเดียว ซึ่งแก้ไขง่าย ๆ ให้เชนเกียร์ขึ้นซึ่งจะทำให้การออกตัวสมูทยิ่งกว่าเดิมไม่กระชากหนักจนเกินไป แถมไม่ต้องกำคลัตช์อีกด้วย สะดวกเสียจริง
ฟีลลิ่งจากการสัมผัส CBR650R E-Clutch
หลังขับขี่ออกมาได้ซักระยะจากตัวเมืองมิลาน เข้าสู่ถนนไฮเวย์เพื่อมุ่งหน้าไปยัง Lake Como แต่ก่อนที่จะไปถึง Lake Como นั้น จะขอมาเล่าถึงฟีลการขับขี่ ซึ่งต้องเรียนว่ามือใหม่..ขี่ได้เลย ไม่ต้องอวย ขอแค่มีใบขับขี่พอ เสริมแค่เรื่องการบาลานซ์ตัวรถนิดหน่อย ซิ่งได้เลย หรือให้ลองขับขี่ศราลม คอนโทรลตัวรถในลักษณะต่างๆ แต่ควรอยู่ในระยะปลอดภัย ไม่ชนสิ่งกีดขวางหรือทำความเดือดร้อนให้กับผู้ร่วมใช้ถนนท่านอื่นหล่ะ เท่านี้ก็ช่วยให้คุณสามารถคุ้นชินกับตัวรถได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
พอมาถึงเส้นทางชนบทก่อนเข้าไปยังริมทะเลสาบโคโม ต้องเรียนว่าเส้นทางนั้นสวยมาก..สวยเสียจริง ทางโค้งที่อิตาลีค่อนข้างแตกต่างจากบ้านเราสิ้นเชิงเพราะมีเคิฟ มีเนินชันที่สวยกว่า เสมือนขี่รถแข่งใน Isle of Man TT แต่ก็ควรชิดขวาไว้ก็ดี เพราะรถบ้านเขาที่วิ่งสวนมาไม่ชะลอเลยซักคัน แอบมีเสียวบ้างเป็นระยะ ๆ
เรื่องกำลังเครื่องยนต์สำหรับการขับขี่ในเมืองตอบโจทย์แน่นอน ออกทริปก็ยิ่งสนุก เพราะคาแรคเตอร์ตัวรถออกแบบมาเพื่อ อำนวยความสะดวก “แทบ” จะทุกอย่าง ที่เหลือก็คงเป็นเรื่องของสัมภาระแล้วหล่ะ (ฮ่าๆ) แทบจะเป็นรถสกูตเตอร์ระบบเกียร์แมนนวลดี ๆ ทีเดียว สำหรับช่วงล่างถือว่าโอเค ตามมาตรฐานการใช้งานทั้งระบบเบรก ประกอบระบบกันสะเทือนกับได้สัมผัสถึงความหน่วงของตัวโช้คเพียงเล็กน้อย ซึ่งตลอดทางที่ขี่มาแทบจะไม่เจอร่องหลุมถนน เรียบอย่างไหนอย่างนั้น
ข้อดี
- ไม่ต้องกำคลัตช์ ทิ้งความลำบากออกไปได้เยอะ
- เหมาะกับมือใหม่ เพราะขี่ง่าย
- มีโหมดขับขี่ให้เลือก สามารถปรับตั้งควิกชิฟเตอร์ได้ 3 ระดับ
ข้อเสีย
- มือเก๋าอาจไม่เร้าใจ..แต่ไม่เป็นไร มีคลัตช์ให้เล่น
- ด้วยความเป็นโมเดลสายสปอร์ต ขี่นาน ๆ อาจมีปวดหลัง
- อาจไม่ถูกใจสายยก
เยือนทะเลสาบ Como Italy
เมื่อเดินทางมาถึง Lake Como สิ่งแรกที่ทำเลยก็คือ ถ่ายรูปก่อน คู่กับสปอร์ตไบค์อีคลัตช์คันนี้ กับวิวพาโนรามา พร้อมวัยรุ่นอิตาลี ย่อมเป็นของอะไรที่ควบคู่และลงตัว ก่อนทำการเปลี่ยนกรุ๊ปขับขี่ในกลุ่มต่อไป
Honda XL750 Transalp
สำหรับเส้นทางในกรุ๊ปที่ 3 จะค่อนข้างยาวกว่าสองกรุ๊ปแรกเท่าตัวทีเดียว เพราะต้องขี่นำรถไปคืนที่ Motostar บริเวณในตัวเมือง โดยเส้นทางจากกรุ๊ป 2 หลังขึ้นเขาผ่านเส้นทางคดเคี้ยวเลี้ยวลด จนมาถึงยอดเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คราวนี้ถึงตาขาลงเขาซึ่งต้องบอกว่า มันไม่ง่ายเลยบวกกับพาพี่คนซ้อนมาด้วย (ซ้อนอีกแล้ว) จึงเป็นอะไรที่ท้าทายไม่น้อยทีเดียว
หลังจากได้มาสัมผัสโมเดลคันเป็น ๆ รู้สึกว่ามันไม่ได้หนักกว่าที่คิด แถมมิติตัวรถออกแบบให้มีการขับขี่ค่อนข้างง่าย แต่เบาะอาจจะสูงเล็กน้อย สำหรับคนตัวเล็ก ๆ แนะนำให้โหลดลงซัก 1-2 นิ้ว กำลังดีเลยทีเดียว ถึงมิติตัวรถอาจดูเพรียวสูง แต่พอนั่งขับขี่แล้วรู้สึกว่าสบาย แตกต่างไปจากตัวสปอร์ตอย่างสิ้นเชิง (แหงอยู่แล้ว) ส่วนเครื่องยนต์พิกัด 2 สูบ 750 ซีซีมันคงเป็นอะไรที่เกินจริงสำหรับการขับขี่ในทริปนี้ เพราะความเร็วทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายที่นี่แหล่ะครับ ถ้าหากพูดง่าย ๆ คงบอกได้ว่า “เหลือเฟือ” สำหรับการออกทริปในครั้งนี้ และยิ่งช่วงล่าง…ไม่ต้องพูดถึง
ข้อดี
- ท่านั่งสะดวกสบาย แฮนด์กว้าง นั่งขี่สบายเหมาะกับเดินทางไกลไม่ปวดหลัง
- ช่วงล่างออกแบบมาดี ได้โช้คจากแบรนด์ Showa SFF-CA ด้านหลังสวิงอาร์มพร้อมกระเดื่องซับแรงและยาง Dual Purpose
- มีโหมดขับขี่ในเลือกเล่นมากมาย แถมมีระบบนำทางตอบโจทย์การใช้งาน
- เครื่องยนต์กำลังเหลือ ๆ สำหรับทริปครั้งนี้ จริง ๆ น่าไปขี่ลุยมากกว่า
- ชิลด์หน้าช่วยบังลมได้ดี โฉยเฉพาะอากาศเย็น ๆ
ข้อเสีย
- ตัวรถค่อนข้างสูงเล็กน้อย คนตัวเล็กอาจลำบาก
- วงเลี้ยวแอบกว้างเล็กน้อย
- ยางพอใช้งานตามมาตรฐาน ใส่ Pirelli ดีกว่านี้
โดยเส้นทางก็เป็นอย่างที่กล่าวไปเหมือนตอนขี่ E-Clutch เลนถนนแอบแคบ เพราะเป็นโค้งหักศอกลงเขาที่ไม่ได้มีความกว้างมากมายอะไรนัก แต่การขับขี่ลงเขาต้องระมัดระวังให้ดี เบรกไม่ต้องใช้บ่อย ปล่อยให้เอ็นจิ้นเบรกทำงานแทน อุ่นใจกว่าเยอะ เมื่อลงเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เข้าสู่หมู่บ้านแถวบริเวณเชิงเขา กับแสงยามเย็น อากาศเย็น ๆ จึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างแฮปปี้ “การเดินทางมันต้องแบบนี้สิ” ที่อยากให้มีในบ้านเราเหลือเกิน แต่ต้องรอช่วงฤดูหนาวแหล่ะครับ ถึงจะได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนั้นจริง ๆ
ตามด้วยเส้นทางลัดเลาะตามเขาผ่านทะเลสาบ Como สู่อุโมงค์เพื่อเข้าไฮเวย์ใช้เวลาราว ๆ 2 ชม. (ไม่มีการแวะพักใด ๆ พี่มาร์แชลพลังเหลือล้น) ขี่จนน้ำมันรถคนที่มาด้วยหมดเกลี้ยงเกือบได้เข็นแล้วไหมหล่ะ อีกประเด็นหนึ่งที่ชอบเลยก็คือ ถนนไฮเวย์หรือทางด่วนบ้านเขาสามารถวิ่งได้ ในไทยบ้านเราน่าจะมีบ้าง..
เมื่อมาถึงที่จอดรถพร้อมส่งคืนรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถืออันเป็นการจบสิ้นภารกิจสำหรับการขับขี่ Honda E-Clutch และ XL750 Transalp ที่ประเทศอิตาลีเป็นที่เรียบร้อย ต้องบอกว่ารถฮอนด้าบิ๊กไบค์ เป็นรถที่ขี่ง่าย ด้วยคาแรคเตอร์การออกแบบไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ เครื่องยนต์ มิติท่านั่งขับขี่ต่าง ๆ ที่เข้าถึงได้ง่าย เหมาะแก่การขี่ออกไปเที่ยวหรือใช้งานในชีวิตประจำวัน แถมเรื่องบริการเซอร์วิสไว้ใจได้ แถมราคาเป็นมิตรกว่าแบรนด์อื่น ๆ
หากใครสนใจหรืออ่านบทความนี้แล้ว อยากลองไปสัมผัสกับรถฮอนด้าบิ๊กไบค์ก็ลองไปทดสอบขับขี่กันดูก่อนได้ที่ Honda Big Wing ทุกสาขาทั่วประเทศเลย อ๊ะ..นี่ขอบอกราคา 2 คันนี้หน่อย สปอร์ตอีคลัตช์ ราคา 347,300 บาท ส่วน XL750 Transalp ราคา 389,000 ตัดจบราคานี้ ซิ่งไหนก็ได้ ฮอนด้าดูแลดี แน่นอน
อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก