Yamaha R6 Race รถสี่สูบเรียงที่ได้ไปต่อ (ในสนาม)
อีกหนึ่งรุ่นที่มาพร้อมกับโฉม R1 2025 นั่นก็คือรุ่นที่ไม่ได้ไปต่อสำหรับเวอร์ชันใช้งานบนท้องถนนอย่าง R6 ตัวแรงนั่นเอง แต่กลับกันคราวนี้ทางค่ายตั้งใจที่จะรียูเนียนกลับมาใหม่อีกครั้ง ด้วยขุมพลังและสมรรถนะอันร้อนแรงที่ใครหลาย ๆ คนต่างหวนคิดถึง ทางยามาฮ่าจากฝั่งยุโรปจึงได้ทำการเปิดตัว Yamaha R6 Race 2025 ซูเปอร์สปอร์ตสี่สูบเรียงในเวอร์ชันสำหรับการแข่งขันโดยเฉพาะ (เหมาะกับการนำขี่แทร็กเดย์เป็นอย่างยิ่ง)
2025 Yamaha R6 Race ปรับใหม่เพื่อการแข่งโดยเฉพาะ
โดยสิ่งที่ปรับมาใหม่อย่างแรกเลยก็คือ ชุดไฟส่องสว่างถูกรื้ออกทั้งหมด ชุดแฟริ่งออกแบบเพื่อรองรับหลักแอโรไดนามิก ช่วยลดแรงต้าน สร้างแรงกด และเพิ่มความสเถียรภาพในการขับขี่ ชิ้นส่วนแรมแอร์ถูกออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวแข่ง M1 ในโมโตจีพี ยังรวมไปถึงตัวเฟรมเดลต้าบ็อกซ์และซับเฟรมแมกนีเซียมอัลลอยถูกออกแบบให้มีลักษณะเบาและแข็งแรง ช่วยเพิ่มการควบคุมและความคล่องตัวในสนามแข่ง แถมยังสามารถเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ตัวรถยังใช้วัสดุน้ำหนักเบาในส่วนสำคัญเพื่อรีดน้ำหนักตัวรถ (นน.185 กก.) และมิติตัวรถปรับมาใหม่เพื่อให้ได้ท่านั่งควบคุมที่เหมาะสมกับการแข่งขันอีกด้วย จึงทำให้ R6 รุ่นนี้ ดูมีความเรซซิ่งและมีน้ำหนักที่เบากว่าจากรุ่นก่อน ๆ กว่าที่เคย
เครื่องยนต์สี่สูบเรียง 118.4 แรงม้า
ขุมพลังเครื่องยนต์สี่สูบเรียงขนาด 599 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้พละกำลังแรงม้าสูงสุด 118.4 แรงม้าที่ 14,500 รอบ แรงบิด 61.7 นิวตันเมตรที่ 10,500 รอบ เครื่องยนต์ตอบสนองการทำงานอย่างแม่นยำด้วยคันเร่งไฟฟ้า มาพร้อมระบบเกียร์ 6 สปีด แอสซิสต์สลิปเปอร์คลัตช์และควิกชิฟเตอร์ ทั้งะยังมีการปรับจูนในส่วนของอัตราเร่งที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้สอดรับกับการขับขี่บนสนามแข่งโดยเฉพาะ กับขนาดถังน้ำมันเคลมมาที่ 17 ลิตร
ส่วนในเรื่องของระบบช่วงล่างกับโช้คหน้าแบบหัวกลับขนาดแกน 43 มม. ด้านหลังเป็นโช้คเดี่ยวทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม ระบบเบรกกับดับเบิ้ลดิสก์เบรกขนาด 320 มม. ด้านหลังเป็นดิส์กเบรกเดี่ยวขนาด 220 มม. โดยมีระยะยุบเท่ากันหน้า-หลัง 120 มม. พร้อมล้อขนาดเท่ากันที่ 17 นิ้วและรัดมาด้วยยางขนาด 120/70 และ 180/55 ซึ่งเป็นไซส์มาตรฐานโมเดลสายสปอร์ตนั่นเอง
รวมถึงโมเดลรุ่นดังกล่าวจะถูกติดตั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์มาพร้อมใช้งานไม่ว่าจะเป็น ระบบแทร็คชันคอนโทรล ควิกชิฟเตอร์ และโหมดการขับขี่เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในสนามนั่นเอง โดยโมเดลดังกล่าวเปิดจำหน่ายแล้วในตลาดยุโรปกับสี ดำ (Tech Black) ในราคาค่าตัว 13,000 ยูโรหรือราว ๆ 4.7 แสนบาท (ไม่รวมภาษี)
และคาดการณ์ได้ว่าสเปคของเวอร์ชันสนามแข่งไม่น่าเข้ามาขายในไทย นอกจากตัวเวอร์ชันธรรมดาและรุ่น R1M ที่ยังพอมีลุ้นอยู่นั่นเองครับ และอีกอย่างรุ่นนี้ผลิตมาก็เพื่อสนองนีทบรรดาฝรั่งทั้งหลาย แต่ใช้ได้เฉพาะในสนามแข่งเท่านั้นเนื่องจากกฎหมายในเรื่องมาตรฐานไอเสียที่เข้มงวดนั่นเอง
อ่านข่าวอื่นๆ จาก Yamaha คลิกที่นี่
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก