Ducati DesertX Rally จะลุยจะเที่ยว คันเดียวจบเลย

Ducati DesertX Rally จะลุยจะเที่ยว คันเดียวจบเลย

Ducati DesertX Rally 2024

มาใหม่อีกแล้วกับแอดเวนเจอร์ไบค์ไซส์กลางจาก Ducati ครั้งนี้อาจจะไม่ใช่โมเดลใหม่แบบใหม่หมด แต่ก็เป็นโมเดลใหม่ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งนั่นก็คือเจ้า DesertX Rally ที่ปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อที่จะให้ตอบโจทย์การขับขี่ทั้งในแบบออฟโร้ดได้มากยิ่งขึ้น

Ducati DesertX Rally 2024

เรื่องดีไซน์สำหรับค่ายนี้บอกเลยไม่ต้องห่วง มีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นที่ประจักษ์กันอยู่แล้ว แต่โมเดลนี้จะพิเศษด้วยชุดสีและลายกราฟิกใหม่ให้กลิ่นอายของความเป็นสปอร์ตอยู่มาก ขณะเดียวกันก็มีชิ้นส่วนต่าง ๆ ในตัวรถที่บ่งบอกถึงขีดความสามารถในการขับขี่แบบออฟโร้ดได้อย่างชัดเจนในแวบแรกที่เห็นกันเลยทีเดียวครับ เช่น บังโคลนหน้าสูง โช้คที่มีระยะยุบมาก ล้อซี่ลวด เป็นต้น

Ducati DesertX Rally 2024

เครื่องยนต์ยังคงเป็นเครื่องเดิม ที่ชื่อว่า Testastretta 11° สองสูบวี 937 ซีซีระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังแรงสูงสุด 110 แรงม้าที่ 9,250 รอบและแรงบิดสูงสุดที่ 92 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบ ใช้น้ำมันจากถังน้ำมันขนาด 21 ลิตร

Ducati DesertX Rally

มาถึงเรื่องของช่วงล่างที่ปรับปรุงเพิ่มเติมให้พร้อมเข้าปะทะกับอุปสรรคให้มากยิ่งขึ้นไปอีก โดยยึดหลักออกแบบให้มีคาแรคเตอร์แบบเดียวกันกับรถเอ็นดูโร่หรือรถแข่งครอสคันทรีของนักแข่งมืออาชีพเลยทีเดียว แชสซีหลักจะเป็นเฟรมถักเหล็กกล้าและสวิงอาร์มคู่อลูมิเนียม มีระบบกันสะเทือนจากทาง KYB ด้านหน้าจะเป็นโช้คหัวกลับขนาด 48 ม.ม. ระยะยุบ 250 ม.ม. ปรับแต่งได้ทั้งคอมเพรสชันและรีบาวด์ มีการเคลือบแกนสไลด์ด้วยเทคโนโลยี Kashima Coating และกระบอกโช้คเคลือบ DLC ซึ่งจะช่วยเรื่องของความลื่นไหลและความทนทาน ขณะที่ด้านหลังจะเป็นโช้คเดี่ยวปรับพรีโหลด รีบาวด์ และคอมเพรสชันทั้งแบบไฮสปีดและโลว์สปีดได้ นอกจากนี้ตัวรถยังติดตั้งกันสะบัด Ohlins มาให้อีกด้วย

ส่วนของระบบเบรกจะเป็นดิสก์เบรกหน้าคู่ขนาด 320 ม.ม.กับคาลิเปอร์เบรก Brembo แบบโมโนบล็อกเรเดียลเมาท์ 4 ลูกสูบ ด้านหลังจะเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 265 ม.ม.กับคาลิเปอร์เบรก Brembo 2 ลูกสูบ ขณะที่ล้อจะเป็นล้อ Takasago Excel แบบใช้ยางใน และใช้ซี่ลวดคาร์บอนสตีล พร้อมยาง Pirelli Scorpion Rally STR ขนาด 90/90-21 และ 150/70 R18

Ducati DesertX Rally

ในส่วนของระบบอิเล็กทรอนิกส์นั้นจัดเต็มตามแบบฉบับของทางค่าย ไม่ว่าจะเป็น โหมดการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่ Sport, Touring, Urban, Wet, Enduro และ Rally โหมดควบคุมกำลังเครื่องยนต์ 4 โหมด ระบบเบรก Cornering ABS จาก Bosch ปรับได้ 3 ระดับ ระบบไฟเบรกฉุกเฉิน ระบบแทร็คชันคอนโทรล 8 ระดับ ระบบควบคุมการลอยตัวของล้อ ระบบควบคุมเอ็นจิ้นเบรก ระบบครูซคอนโทรล ระบบควิกชิฟเตอร์แบบ 2 ทาง ระบบไฟ LED เต็มระบบ หน้าจอสี TFT 5 นิ้วเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเพื่อใช้งานระบบนำทางแบบเทิร์นบายเทิร์นได้

เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มพร้อมลุยกันยาว ๆ โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในยุโรปตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้าเป็นต้นไป ของบ้านเราก็น่าจะต้องกันไปอีก อาจจะยาวไปถึงครึ่งปีหลังก็เป็นได้นะครับ

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

- Advertisement -

บทความยอดนิยม