Norton V4CR คาเฟ่เรซเซอร์ตัวแรงจากอังกฤษ
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2021 นอร์ตันมอเตอร์ไซเคิลเคยเผยโฉมคอนเซ็ปต์ไบค์ที่มีชื่อว่า Norton V4CR มาก่อนแล้ว แต่ตอนนี้เจ้าคาเฟ่เรซเซอร์คันดังกล่าวได้เข้าสู่ไลน์การผลิตจริงเรียบร้อยแล้ว แถมคันจริงก็แทบจะไม่ต่างจากรถคอนเซ็ปต์คันนั้นเลย จนเรียกได้ว่าคุณต้องจ้องสังเกตหาจุดต่างเหมือนเล่นเกมจับผิดภาพกันเลยทีเดียว
สำหรับเจ้าคาเฟ่เรซเซอร์คันนี้แม้ชื่อจะบอกว่าเป็นคาเฟ่เรซเซอร์แต่ดีไซน์ที่เห็นกลับออกมาในสไตล์ของโมเดิร์นคลาสสิกซะมากกว่า เพราะมันไม่ได้มีโม่งมาให้ แต่มีลักษณะของไฟ LED ทรงกลมแบบคลาสสิกและชิลด์ขนาดเล็กด้านบน มีความดุดันจากชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ พาร์ทสีดำ ช่องแรมแอร์ที่โผล่มาด้านข้าง และตัวรถที่เผยให้เฟรมอย่างชัดเจน แต่มีความสปอร์ตด้วยแฮนด์จับโช้คกับท่านั่งแบบต้องก้ม เบาะนั่งคนเดียวและท้ายสั้นตูดมด
มาว่ากันเรื่องของเครื่องยนต์กันบ้าง แน่นอนว่าหัวใจหลักนั้นเป็นเครื่องยนต์มาจากโมเดลสปอร์ตไบค์ของทางค่ายนั่นเอง โดยจะเป็นแบบ 4 สูบวี 72 องศา ขนาด 1200 ซีซี ที่รีดแรงม้าออกมาได้ 185 แรงม้าที่ 12,000 รอบ และแรงบิดที่ 125 นิวตันเมตรที่ 9,000 รอบ ถ่ายถอดสู่ล้อหลังด้วยเกียร์ 6 สปีด สั่งงานด้วยระบบคันเร่งไฟฟ้า และอาศัยแหล่งพลังงานจากถังน้ำมันคาร์บอนไฟเบอร์ขนาด 15 ลิตร
ส่วนช่วงล่างนั้นตัวรถใช้แชสซีอลูมิเนียมท่อกลมเชื่อมด้วยมือและปัดเงา มีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นโช้คหัวกลับ Ohlins NIX30 ปรับแต่งได้เต็มระบบ ด้านหลังเป็นโช้คเดี่ยว Ohlins TTXGP ปรับแต่งได้เต็มระบบเช่นกัน ส่วนระบบเบรกจะเป็นดิสก์เบรกคู่ขนาด 330 ม.ม.ร่วมกับคาลิเปอร์เบรก Brembo โมโนบล็อก ขณะที่ด้านหลังก็จะเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 245 ม.ม.พร้อมคาลิเปอร์เบรก Brembo เช่นกัน ตัวรถยังมีกันสะบัดจากทาง Ohlins มาให้ด้วยเช่นกัน ปิดท้ายด้วยล้อคาร์บอน BST หรือจะเลือกล้อฟอร์จอลูมิเนียม OZ Racing ก็ได้ โดยจะมียางขนาด 120/70-17 และ 200/55-17 หน้าหลังตามลำดับ
มาต่อกันที่เทคโนโลยีที่ในตัวรถกันบ้าง ด้านหน้าตัวรถมีหน้าจอสีขนาด 6 นิ้วปรับความสว่างอัตโนมัติ ใช้ระบบคันเร่งไฟฟ้า โหมดการขับขี่ 3 โหมดได้แก่ Wet, Road และ Sport มีควิกชิฟเตอร์แบบ 2 ทางพร้อมระบบออโต้บลิปเปอร์ ระบบแทร็คชันคอนโทรลร่วมกับระบบ IMU ระบบเบรก ABS และระบบควบคุมการลอยตัวของล้อหน้า ปิดท้ายด้วยระบบที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายอย่างระบบกุญแจคีย์เลส
สุดท้ายเรื่องของราคาจำหน่ายซึ่งก็จะมีราคาป้ายห้อยอยู่ที่ 41,999 ปอนด์หรือราว ๆ 1.86 ล้านบาท ซึ่งถือว่าแพงเอาเรื่อง แต่ก็ด้วยวัสดุราคาแพงที่มีอยู่ในรถมากมายนั่นล่ะครับ
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก