มีโอกาสไม่มากมายเท่าไหร่นักที่จะมีรถรุ่นพิเศษและผลิตขึ้นมาจำนวนไม่มาก ถูกตัดออกมาเป็นรถให้สื่ออย่างเราได้ทดสอบ บางครั้งอาจจะได้ลองคร่อมลองขี่ไม่มากนัก หรือบางครั้งอาจจะต้องไปหายืมรถจากลูกค้าที่ซื้อมาเพื่อจะได้ทดสอบให้ผู้อ่านของเราได้เข้าใจว่าทำไมมันถึงพิเศษ และครั้งนี้เราก็ได้รับโอกาสนั้นอีกครั้ง เราได้ทดสอบเจ้า Triumph Street Triple RX กันแบบเน้นๆ ในแบบที่มีไม่บ่อยนัก เพราะงั้นไม่ควรพลาด รีบพลิกไปอ่านได้เลยครับ
Word: Kavewat Aksornpim Edit: Benz Pics: Man
ก็อย่างที่บอกไปนั่นล่ะครับว่ารถรุ่นพิเศษ โอกาสที่จะได้ทดสอบแบบจัดเต็มนั้นก็ย่อมจะหาได้ยากตามไปด้วย และครั้งนี้เราก็มีโอกาสนั้น ก่อนอื่นก็คงต้องขอเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่าง เพื่อให้ได้รู้กันชัดๆ ว่าทำไม Triumph Street Triple Rx ถึงได้เป็นรุ่นพิเศษจำนวนจำกัด (แว่วๆ มาว่าในไทยมี 77 คัน พอดีกับจำนวนจังหวัดในไทยเลย) มันแตกต่างจาก Street Triple R มากน้อยเพียงไร แล้วคุ้มมั้ยกับการที่จะซื้อมันกับราคาที่แพงกว่ารุ่นธรรมดาอยู่ 20,000 บาท และอีกคำตอบนึงที่น่าจะโดนใจหลายๆ คนคือ มันควรค่ากับคนที่กำลังหาซื้อเน็กเก็ตไบค์ระดับกลางสักคันนึงมั้ย มันเจ๋งจริงหรือแค่คำอวยจากคนอังกฤษ เดี๋ยวรู้เลยครับ
สิ่งที่เจ้า Rx นั้นมีมากกว่าก็คือของตกแต่งหรืออ็อพชั่นเพิ่มเติม โดยพวกของตกแต่งก็จะมีชิลด์ขนาดเล็กที่ด้านหน้า อกล่าง ครอบเบาะท้ายหรือตูดมด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีของเสริมสมรรถนะที่ถือว่าเป็นไฮไลท์เลยกับควิกชิฟเตอร์ (เป็นขาขึ้นทางเดียว) ช่วยให้เข้าเกียร์ได้ราบลื่นไม่ต้องกำคลัทช์ ระบบกันสะเทือนที่สามารถปรับค่าต่างๆ ได้ นอกจากนี้ยังมีระบบอำนวยความสะดวกอย่าง กันขโมย ชิฟต์ไลท์ที่สามารถตั้งค่ารอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสมกับตัวเราเวลาเปลี่ยนเกียร์ได้อีกด้วยครับ ซึ่งที่กล่าวมานี่น่ะครับตัว R ธรรมดานั้นจะไม่มีฟังก์ชั่นต่างๆ เหล่านี้ แล้วลองถามใจตัวเองดูสิครับว่า ของที่ได้เพิ่มมามากขนาดนี้เนี่ยกับเงินที่จ่ายเพิ่มอีก 20,000 นั้นมันคุ้มมั้ย สำหรับผมบอกเลยนะ 20,000 ที่ต้องจ่ายเพิ่มน่ะ มันก็คืออีกแค่นิดเดียว ก็คุ้มซะขนาดนี้ มีควิกชิฟเตอร์กับโช้คก็คุ้มแล้วครับ เพราะสองอย่างนี้ทำให้มันเป็นเหมือนรถคนละคันเลยล่ะครับ และก็แน่นอนว่าของตกแต่งที่เพิ่มเข้ามาเนี่ยก็ช่วยเสริมความหล่อ ความสปอร์ตให้กับตัวรถมากขึ้น ช่วยให้ดูเป็นเน็กเก็ตสปอร์ตที่ดูเด่นสะดุดตา ไม่ซ้ำแบบใคร ทั้งยังปราดเปรียวด้วยเส้นสายที่เฉียบคมมากขึ้นอีกด้วย ถ้าหากคุณมองมาทางค่ายรถแดนผู้ดีค่ายนี้อยู่ตัดสินใจได้ง่ายมากเลยล่ะครับ ไม่ต้องอ่านต่อก็ได้ แต่ถ้าท่านยังลังเล ยังตัดสินใจไม่ได้เพราะว่ามองค่ายอื่นเอาไว้ด้วย ก็อ่านต่อได้เลยครับ
รูปโฉม
เจ้า Street Triple Rx คันที่เราได้มาทดสอบนั้นคือเป็นสีแดงสลับเงินด้าน หรือสี Diablo Red / Matt Aluminium Silver ซึ่งดูโดดเด่นและหล่อเหลามากๆ ด้วยซับเฟรมท้ายและล้อ 5 ก้านสีแดงตัดกับสีเงินแบบด้านของถังน้ำมันและบังโคลนหน้าให้เห็นได้ชัดเจน บวกกับไฟคู่หน้าที่โดดเด่นเหมือนตาของตั๊กแตนก็ยิ่งทำให้มันมีเอกลักษณ์ แน่นอนว่าหากไม่ชอบใจ ก็ยังมีอีกชุดสีให้เลือกคือสีดำเจ็ทแบล็ค ชื่อเหมือนสี iPhone 7 เลยล่ะครับ แน่นอนว่าจุดเด่นก็ยังคงเป็นสีแดงของชิ้นส่วนต่างๆ ตัดกับสีดำเงาของตัวรถเช่นกันครับ เรียกได้ว่าหล่อแบบดุดัน แต่สีเงินก็จะเป็นหล่อแบบเรียบหรู ขอเสริมอีกสักนิดว่าเจ้า Street Triple Rx เนี่ยก็ได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่นพี่ของมันหรือก็คือเจ้า Daytona 675 R ที่เคยได้ชื่อว่าเป็นสปอร์ตไบค์ระดับกลางที่ยอดเยี่ยมอีกคันนึง ดังนั้นจะเห็นได้ว่ามันมีส่วนคล้ายคลึงกันอยู่ค่อนข้างมากเลยล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นเฟรม ถังน้ำมัน สวิงอาร์ม ท้ายรถ ท่อไอเสีย เป็นต้น เรือนไมล์ของรถนั้นเป็นแบบผสมกึ่งอนาล็อกกึ่งดิจิตอล โฉมเฉี่ยวเข้ากับตัวรถ ตัววัดรอบเป็นแบบอนาล็อก ส่วนความเร็วจะอยู่ในฝั่งดิจิตอล นอกจากนี้ยังบอกข้อมูลต่างๆ ได้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระดับน้ำมันเชื้อเพลิง ตำแหน่งเกียร์ ระยะทางทริป 1 ทริป 2 อัตราการสิ้นเปลือง และอื่นๆ อีก นอกจากนี้การปรับเปลี่ยนค่าต่างๆ เช่น เปิดปิด ABS ตั้งชิฟต์ไลท์เองก็ทำได้ง่าย ไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด
สำหรับผมแล้ว ผมว่ามันค่อนข้างลงตัวเลยล่ะครับในเรื่องของรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว ยากหาใครเหมือน ขี่ไปไหนมีคนเหลียวมองแน่นอน ถึงแม้ว่าผมอยากจะเปลี่ยนท่อของมันหน่อยก็เถอะ ไม่ใช่ว่าไม่สวยนะท่อเดิม แต่ผมอยากได้สุ้มเสียงและความแรงที่จะเพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนท่อครับ แต่เรื่องหน้าตานี่บังคับให้คนชอบไม่ได้ทุกคนหรอกครับ เรื่องแบบนี้นานาจิตตังจริงๆ ครับ แต่ผมว่าโดยรวมๆ แล้วมีสเน่ห์จริงๆ นะเออ
พละกำลัง
ในเรื่องของพละกำลังก็เป็นอีกจุดนึงที่ทางค่ายรถเมืองผู้ดีค่ายนี้ทำออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวยากจะหาใดเปรียบ เนื่องด้วยขุมกำลังนั้นของเจ้า Street Triple Rx นั้นรีดเร้นออกมาจากเครื่องยนต์ที่มีเอกลักษณ์มีเพียงไม่กี่ค่ายเท่านั้นที่เดินทางนี้ นั้นคือเครื่องยนต์ 3 สูบเรียงระบายความร้อนด้วยน้ำขนาด 675 ซีซี ซึ่งในตอนนี้มีเพียง 3 ค่ายเท่านั้นที่ใช้เครื่องยนต์ 3 สูบกับระดับมิดเดิ้ลเวทหรือระดับกลาง หนึ่งคือค่ายที่ผมเขียนอยู่นี่ล่ะครับ อีก 2 คือ ค่ายส้อมเสียงจากแดนปลาดิบอย่าง Yamaha ที่มีเจ้า MT-09 เน็กเก็ตไบค์ที่ใช้เครื่องแบบ 3 สูบ และอีกค่ายก็มาจากเมืองพิซซ่าที่โดดเด่นด้วยรถที่สวยงามดั่งศิลปะอย่าง MV Agusta ที่มีรถที่ใช้เครื่องยนต์ 3 สูบอยู่หลากรุ่นทั้งสปอร์ตไบค์และเน็กเก็ตไบค์ แน่นอนว่าถ้าเทียบรุ่นกันตรงๆ เพื่อใช้ตัดสินใจแล้วก็จะมีเจ้า Brutale 675 แต่ก็ถูกทางค่ายออกรุ่นใหม่ในตระกูลเดียวกันที่มีความจุมากกว่ากลบไปแล้ว ทำให้ในคลาสระดับกลางนี้หาเทียบรุ่นตรงๆ ให้มันยุติธรรม โดยไม่มองถึงเรื่องราคามาเป็นปัจจัยหลักแล้ว ทำได้ยากเหลือเกิน เพราะตอนนี้ทั้งสองค่ายหลังต่างก็อัพซีซีหนีไป เหมือนไม่ต้องการจะสู้กันตรงๆ ซะแล้วล่ะครับ ส่วนที่ความจุเครื่องยนต์ใกล้กันก็จะมีจำนวนสูบของเครื่องยนต์น้อยกว่าอีก แต่ยังไงก็ช่างกลับมาเข้าเรื่องของเจ้า Rx กันต่อดีกว่า
เอกลักษณ์นึงเลยที่เจ้า Rx ถ่ายทอดออกมาได้ดีและชัดเจนมากๆ เลยก็คือ พละกำลังที่ขับเคลื่อนออกมาจากเครื่องยนต์ทำได้สมู้ทและนุ่มนวลมากๆ จนแทบจะผิดแปลกจากเน็กเก็ตไบค์ของค่ายอื่นๆ ที่เน้นไปที่แรงบิดและความดุดันกระโชกโฮกฮากจนเรียกได้ว่าเป็นอสูรร้ายก็ว่าได้ แน่นอนว่าคนที่ชอบความดุดันอาจจะไม่คลิกกับเจ้านี่นัก แต่ผมมองว่ารถที่ดีมันต้องใช้งานได้จริง ขี่ได้ไม่ยาก และเจ้า Rx ก็ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดีครับ กำลังที่ให้มากำลังเหมาะมือ ไม่ดุดันก้าวร้าวจนเกินควบคุมครับผม และด้วยเหตุนี้มือใหม่เองก็สามารถโดดมาเล่นเจ้านี่เลยก็ไม่เป็นปัญหาครับ แต่ถ้าเทียบกับเน็กเก็ตไบค์จากค่ายอื่นผมมองว่าคันนี้อาจจะดูติ๋มไปหน่อย เพราะไม่ดุดัน ไม่กระโชกโฮกฮาก แต่หากได้ลองใช้งานบนถนนจริงๆ แล้วล่ะก็ผมว่าคุณจะต้องหลงรักมันแน่นอน สุ้มเสียงของเครื่องยนต์นั้นก็ไม่ได้ดุดันแต่ก็ออกไปในทางหวานหู ถ้าอยากได้เสียงเร้าๆ จากท่อของมันละก็ต้องเค้นกันพอสมควรเลยล่ะครับ
ควบคุม
ตัวรถนั้นมีน้ำหนักเบามาก เบาะนั่งก็ไม่สูงจนเกินไป ตำแหน่งของแฮนด์บาร์ช่วยให้ท่านั่งนั้นสบาย บวกรวมกับเครื่องยนต์ที่ถ่ายทอดกำลังออกมาได้สมู้ทและนุ่มนวล ไม่กระโชกโฮกฮากทำให้สามารถควบคุมรถได้ง่ายไม่ยาก เอ็นจิ้นเบรคของรถเองก็มีแบบพอดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป ระบบเบรคที่ให้มาโดยเฉพาะเบรคหน้านั้นให้แรงจิกที่ยอดเยี่ยม แต่ก็มากจนทำให้รถเสียอาการ นอกจากนี้ยังมีระบบเบรค ABS ที่สามารถเปิดปิดได้ ซึ่งก็ทำงานได้ดีช่วยเสริมความปลอดภัยได้มากเลยล่ะครับ เรียกได้ว่าเอาอยู่แน่นอน ตัวรถเองก็ให้ความรู้สึกปราดเปรียว ไม่เทอะทะจึงช่วยเพิ่มความมั่นใจเวลาขับขี่ซอกแซกไปตามถนนที่มีการจราจรหนาแน่นได้ดีเลยล่ะครับ
ช่วงล่างที่ให้มานั้น ตามค่าที่เซ็ตให้มาจากทางโรงงานนั้นสำหรับการขับขี่แบบเรซซิ่งนั้นดูจะไม่เหมาะเท่าไหร่นักแต่ก็สามารถปรับได้ โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าน่าจะปรับแต่งให้เหมาะกับการขี่บนถนนธรรมดามากกว่าอยู่แล้วล่ะครับ นอกจากนี้ระยะห่างจากตัวรถถึงพื้นนั้นก็ไม่มากนัก หากเป็นมือเก๋าที่ขี่สนามจนมีทักษะที่ดีพอ จะรู้ได้เลยว่ารถคันนี้ขี่สนามได้ไม่เหมาะนัก เนื่องจากเวลาเข้าโค้งลึกๆ แบนมากๆ ท่อหรือพักเท้าอาจจะลงไปขูดกับพื้นซึ่งอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ครับ แต่ก็นั่นล่ะครับเจ้า Street Triple Rx คือรถเน็กเก็ตไบค์ จริงๆ ทางค่ายเองชี้มาเลยว่าเป็นเน็กเก็ตสตรีท เพื่อชัดเจนว่ามันคือรถสำหรับใช้งานบนท้องถนนไม่ได้ใช้งานในสนามเหมือนอย่างสปอร์ตไบค์ หากจะขี่สนามจริงๆ ไปดูเจ้า Daytona 675 R เลยจะดีกว่าครับ
ควิกชิฟเตอร์ที่ให้มาก็ใช้งานได้ดีช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ขึ้นทำได้ง่ายมากขึ้น ไม่ต้องกำคลัทช์ทำให้มีสมาธิกับท้องถนนมากยิ่งขึ้นครับ แต่มีทริคว่าต้องเติมคันเร่งเวลาจะใช้ควิกชิฟเตอร์นะครับ ไม่งั้นจะเตะเกียร์ใม่ได้ นอกจากนี้ยังไม่เจอกับอาการเกียร์ว่าวหรือเข้าเกียร์ผิดอีกด้วย เรียกว่าทางค่ายเขาทำการบ้านเรื่องควิกชิฟเตอร์ได้ดี นอกจากนี้สำหรับคนที่ไม่คุ้นชินก็จะมีชิฟต์ไลท์คอยเตือนให้เปลี่ยนเกียร์เมื่อถึงความเร็วรอบที่เหมาะสม หรือจะตั้งเองก็ได้ ช่วยให้การขับขี่นั้นเป็นไปได้นุ่มนวลและราบลื่นมากยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ
ฟันธง
สรุปนะครับสำหรับ Triumph Street Triple Rx ก็เรียกได้ว่าทำการบ้านออกมาได้ตอบโจทย์ของมันได้เป็นอย่างดีสมกับชื่อและจุดประสงค์ใจจริงของทางค่าย มันคือราชาแห่งท้องถนน มันมีน้ำหนักที่เบา ตัวรถที่ปราดเปรียว บวกรวมกับพละกำลังที่สมู้ทนุ่มนวลของมัน ช่วยให้มันเป็นราชาของท้องถนนได้อย่างง่ายดาย ความคล่องตัวที่จะสอดแทรกไปกับถนนหนทางที่เต็มไปด้วยรถติด ความเร็วและอัตราเร่งที่มากพอที่จะแซงมอเตอร์ไบค์หรือรถยนต์คันอื่นๆ ได้อย่างสบายๆ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ทำให้คุณเลือดพล่านแบบที่เน็กเก็ตไบค์ที่ดุดันก้าวร้าวดั่งสัตว์ร้ายจากค่ายอื่นทำได้ก็เถอะ แต่ผมว่ามันคือมอเตอร์ไบค์ที่เหมาะกับการขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างที่สุด และมันก็คือบทสรุปของสิ่งที่เรียกได้ว่าส่วนเติมเต็มระหว่างเครื่องยนต์แบบ 2 สูบและเครื่องยนต์แบบ 4 สูบครับ มันคือความลงตัวของความนุ่มนวลและพละกำลังที่ควบคุมได้ ถ้าคุณกำลังแสวงหาอะไรที่มันใช้งานได้จริงมากกว่าจะหาอะไรที่มันบ้าคลั่งล่ะก็คันนี้คือคำตอบ แต่ถ้าหากคุณแสวงหาความคุ้มคลั่งละก็เดินหน้าไปเลือกค่ายอื่นเถอะครับตรงๆ กันแบบนี้เลย
“มันคือส่วนเติมเต็มระหว่างเครื่องยนต์แบบ 2 สูบ และเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ”
Triumph Street Triple RX
Rating
Engine | 7 |
Handling | 9 |
Brake | 9 |
Track | 5 |
Cruise | 7 |
Urban | 9 |
Newbies | 8 |
Advance | 8 |
Appearance | 9 |
Value | 8 |
Total | 79 |
Specifications
เครื่องยนต์ | 3 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ |
ปริมาตรกระบอกสูบ | 675 ซีซี |
ระบบวาล์ว | DOHC 12 วาล์ว |
ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก | 74.0 X 52.3 มม. |
อัตราส่วนการอัด | 12.85:1 |
แรงม้า ทดสอบจริง | แรงม้า ที่ รอบ |
แรงบิด ทดสอบจริง | ฟุต-ปอนด์ ที่ รอบ |
ระบบเกียร์ | 6 สปีด |
ระบบจุดระเบิด | ดิจิตอล |
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง | หัวฉีด |
ระบบสตาร์ท | สตาร์ทไฟฟ้า |
ระบบคลัทช์ | คลัทช์เปียกแบบหลายแผ่นซ้อนกัน |
ยาว X กว้าง X สูง | 2,055 X 740 X 1,110 มม. |
ขนาดยางหน้า | 120/70 ZR 17” |
ขนาดยางหลัง | 180/55 ZR 17” |
ระบบกันสะเทือนหน้า | โช้คหัวกลับ KYB ขนาด 41 มม. ระยะยุบ 115 มม. สามารถปรับคอมเพรชชั่นและรีบาวด์ได้ |
ระบบกันสะเทือนหลัง | สวิงอาร์มและโช้คเดี่ยว KYB ระยะยุบ 135 มม. สามารถปรับคอมเพรชชั่นและรีบาวด์ได้ |
เบรคหน้า | ดิสก์เบรคคู่แบบลอยตัวขนาด 310 มม. พร้อมคาลิเปอร์เบรค Nissin 4 พ็อต ABS เปิดปิดได้ |
เบรคหลัง | ดิสก์เบรคเดี่ยวขนาด 220 มม. พร้อมคาลิเปอร์เบรค 1 พ็อต ABS เปิดปิดได้ |
ระยะฐานล้อ | 1,410 มม. |
ความสูงเบาะ | 820 มม. |
น้ำหนักรถ | 168 กก. (ไม่รวมของเหลว) |
ความจุถังน้ำมัน | 17.4 ลิตร |
ราคา | 480,000 บาท |
ติดต่อ | Triumph Thailand |
จุดเด่น
– เครื่องยนต์สมู้ทนุ่มนวล
– หน้าตาหล่อเหลา
– ช่วงล่างดี
– ระบบเบรคดีมาก
-ข้อสังเกต
– ควิกชิฟเตอร์เป็นแบบทางเดียว
อ่านข่าวสารเพิ่มเติม คลิกทีนี้
อ่าน Facebook SuperBike คลิกทีนี้