S1000RR 2023 แรงขึ้น ล้ำขึ้น พร้อมติดปีกกับเขาสักที
เรียกว่าเป็นเมเจอร์เชนจ์เลยก็ได้ครับสำหรับเรือธงจากค่ายใบพัดสีฟ้าอย่าง BMW S1000RR 2023 ที่ครั้งนี้ปรับมาขนานใหญ่ทั้งในส่วนของการออกแบบ ดีไซน์ เรื่องแอโรไดนามิกส์ เครื่องยนต์ ช่วงล่างและระบบอิเล็กทรอนิกส์
นับตั้งแต่ที่เปิดตัวโมเดลซูเปอร์สปอร์ตในพิกัดซูเปอร์ไบค์เมื่อปี 2009 ก็ได้รับการปรับปรุงพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและตอนนี้ก็เป็นการปรับเปลี่ยนครั้งล่าสุดที่เรียกได้ว่าล้ำหน้าที่สุดและทันสมัยที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้
เรื่องของการเปลี่ยนแปลงนั้น สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดอย่างแรกเลยเห็นจะเป็นเรื่องของแอโรไดนามิกจากการมีปีกหรือมีวิงก์เล็ต มีการปรับปรุงในส่วนด้านหน้าและด้านท้าย ตลอดไปจนถึงมีชุดสีที่ดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยวิงก์เล็ตนั้นจะช่วยเพิ่มแรงกดที่ด้านหน้าให้ล้อหน้าอยู่กับพื้นมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเวลาเร่งความเร็ว ทำให้ล้อหน้าลอยตัวน้อยลง และจุ่มเข้าไปในโค้งได้มากขึ้น เพิ่มความนิ่งเวลาเข้าโค้งอีกด้วย ส่วนด้านท้ายรถเองก็มีการออกแบบให้ดูสปอร์ตมากขึ้น และมีน้ำหนักเบาลง ส่วนชุดสีนั้นมีให้เลือก 3 เฉดสีคือ สีดำเมทัลลิก สีแดงเรซซิ่งเรด และสีขาวสว่างสไตล์เรซซิ่ง
ต่อกันที่เครื่องยนต์ 4 สูบเรียงที่ครั้งนี้ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น จนบอกได้เลยว่านี่คือมาตรฐานใหม่ของสมรรถนะ กำลังแรงบิดและการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น โดยตอนนี้ทางค่ายเคลมแรงม้าสูงสุดมาที่ 210 แรงม้าที่ 13,750 รอบ (สเปกอเมริกาไม่รวม) แรงขึ้น 3 แรงม้า ส่วนแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 113 นิวตันเมตรที่ 11,000 รอบ นอกจากนี้ยังมีช่วงกำลังที่กว้างมากขึ้นในทุกย่านความเร็ว รวมไปถึงรอบเครื่องสูงสุดที่ตอนนี้เขยิบไปเป็น 14,600 รอบแล้ว
แชสซีหรือช่วงล่างเองก็เป็นอีกจุดที่สำคัญ โดยหัวใจหลักในส่วนนี้เลยคือเฟรมอลูมิเนียมแบบสะพานและใช้เครื่องยนต์เป็นส่วนนึงของเฟรมด้วย โดยออกแบบมาเพื่อให้มีความแข็งแรงและความยืดหยุ่นที่เหมาะสม และเพื่อให้ความแม่นยำในการควบคุมรถ องศาของคอบังคับเลี้ยวได้ปรับใหม่ให้ราบลงอีก 0.5 องศา และระยะออฟเซ็ตของแผงคอก็ลดลง 3 ม.ม. ซึ่งไม่เพียงแต่จะให้ความแม่นยำ แต่ยังช่วยให้จับฟีลลิ่งที่ล้อหน้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้นอีกด้วย
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ก้าวล้ำมากยิ่งขึ้น โดยตอนนี้ระบบไดนามิกแทร็คชันคอนโทรลจะมาพร้อมกับระบบควบคุมการสไลด์แล้ว ซึ่งจะปรับตั้งได้ 2 ระดับ ซึ่งจะช่วยให้รถเร่งออกจากโค้งได้ดั่งใจมากยิ่งขึ้น โดยอาศัยเซ็นเซอร์วัดองศาการบังคับเลี้ยว หากมุมเอียงของรถเหมาะสมระบบแทร็คชันคอนโทรลใหม่นี้จะยอมให้ล้อหลังสลิปได้ในระดับนึงเวลาที่เปิดคันเร่งออกจากโค้ง และเมื่อองศาการบังคับเลี้ยวถึงจุดที่กำหนดไว้แทร็คชันคอนโทรลจึงจะเข้ามาควบคุมเครื่องยนต์เพื่อลดอาการสลิปและทำให้รถเสถียรมากขึ้น
ระบบเบรก ABS Pro เองก็มาพร้อมฟังก์ชั่นใหม่ 2 ฟังก์ชั่นด้วยกัน คือ ระบบ Brake Slide Assist ซึ่งจะทำงานคล้ายกันกับสไลด์คอนโทรลคือยอมให้รถนั้นดริฟต์ได้ในระดับที่กำหนด และอีกฟังก์ชันคือสามารถเซ็ตติ้งให้เข้ากับยางแบบสลิกได้อีกด้วย
สรุปไฮไลท์เด็ด
• แรงขึ้นเป็น 210 แรงม้าที่ 13,750 รอบ และแรงบิดเป็น 113 นิวตันเมตรที่ 11,000 รอบ
- ปรับอัตราทดเกียร์ที่ 2 ให้น้อยลงเพื่อให้ล้อหลังมีการยึดเกาะมากขึ้น
- เฟล็กซ์เฟรม เฟรมใหม่ที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
- ปรับมิติของช่วงล่างใหม่ ทั้งองศาการบังคับเลี้ยว ระยะออฟเซ็ต มุมแคสเตอร์และระยะฐานล้อ
- ชุดคิต M Chassis กลายเป็นของมาตรฐาน รวมไปถึงสวิงอาร์มแบบปรับจุดหมุนได้ และท้ายที่ยกสูงขึ้น
- ระบบไดนามิกแทร็คชันคอนโทรลพร้อมฟังก์ชันควบคุมการสไลด์
- ระบบเบรก ABS Pro พร้อมกับฟังก์ชันควบคุมการเบรกสไลด์ และโหมดเซ็ตติ้งสำหรับยางสลิก
- ปรับปรุงเรื่องแอโรไดนามิกส์ด้วยวิงก์เล็ตด้านหน้า ชิลด์หน้าแบบสูง และแผงคอต่ำลง
- มีแบตเตอรี่น้ำหนักเบา M lightweight battery เป็นมาตรฐาน
- มีพอร์ต USB สำหรับชาร์จไฟที่ด้านท้ายรถ
- ออกแบบส่วนท้ายรถใหม่ และมีที่ยึดป้ายทะเบียนที่สั้นลง
- ปรับปรุงการเดินสายไฟใหม่ให้สะดวกขึ้นเวลาถอดที่ยึดป้ายทะเบียนออกเวลาลงสนาม
- ครอบคลัตช์และเจเนอเรเตอร์เป็นสีดำ
- ใส่หรือถอดล้อหลังได้ง่ายขึ้น เพราะมีบูชแกนล้อกันบาด ผ้าเบรกลบมุมและเพลตสำหรับยึดเบรก
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก