รีวิว All New R15M Connected-ABS 2022 อ็อปชันแน่น แรงระดับท็อป…!!
วันนี้เรามา รีวิว Yamaha R15M 2022 ตัวใหม่ล่าสุดจากค่ายยามาฮ่า สปอร์ตไบค์ตัวเริ่มต้นที่จัดเต็มทั้งเทคโนโลยี และสมรรถนะมาจากโรงงาน ถือว่าท็อปที่สุดในคลาสตอนนี้เลย
สำหรับการทดสอบครั้งนี้ก็ถือได้ว่าเป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่ได้มาขับขี่ทดสอบที่สนามแก่งกระจาน เซอร์กิต จ.เพชรบุรี สนามแห่งนี้ถือว่าเป็นสนามที่มีวิวสวยงามที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ รวมไปถึงเลย์เอาท์ของตัวแทร็กที่มีการดีไซน์ออกแบบให้มีโค้งหลากหลายรูปแบบ และยังมีเนินขึ้นและทางลาดลง ทำให้การทดสอบวันนี้จับฟีลลิ่งได้หลากหลาย ถือว่ายามาฮ่าจัดมาให้เต็มระบบดีทีเดียว
บิ๊กไบค์ชัด ๆ
สำหรับโฉมใหม่นี้ มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์มาใหม่หมดให้มีความรู้สึกเป็นบิ๊กไบค์มากยิ่งขึ้น มีไฟหน้าแบบโมโนโฟกัส LED ที่ทำหน้าที่เป็นทั้งไฟสูงและไฟต่ำในดวงเดียวกัน คล้ายกับรุ่นพี่อย่าง R7 ทำให้ดูสปอร์ตมากขึ้นกว่าเดิม ตัวแฟริ่งออกแบบให้มีความแอโรมากขึ้น ลดแรงต้านจากกระแสลมให้น้อยลง รวมไปถึงการดีไซน์ในส่วนของมุมมองผู้ขับขี่หรือมุมค็อกพิท ดูสปอร์ตน่าขับขี่ด้วยแผงคอสไตล์เรซซิ่ง มีเรือนไมล์แบบฟูลดิจิทัล บอกสถานะต่าง ๆ ของตัวรถ พร้อมไฟเตือนเปลี่ยนเกียร์หรือไฟชิฟต์ไลท์
อีกหนึ่งจุดที่สังเกตเห็นได้ชัดคือตัวเบาะมีการดีไซน์ตัวหนังให้มีลวดลายแบบคาร์บอนเคฟลาร์ดูสวยดุดันมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงสีและลวดลายที่ดูมีความเป็นรถสปอร์ตไบค์ มีความคล้ายกับรุ่นใหญ่ อย่าง YZF-R1 และยังมีสีพิเศษเป็นสีขาวแดงพร้อมลายสปีดบล็อกที่เป็นการเฉลิมฉลองเข้าร่วมการแข่งขันในระดับโลกครบ 60 ปี World GP 60th Anniversary Edition ที่เป็นอิดิชั่นพิเศษสวยมากขึ้นกว่าเดิม
แรงระดับแนวหน้า
สำหรับในส่วนของเครื่องยนต์ในโมเดลนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ยังคงเป็นเครื่องยนต์ 1 สูบ 155 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมเทคโนโลยี VVA หรือระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ พร้อมระบบเกียร์ 6 สปีด คลัตช์มือ และมีการติดตั้งสลิปเปอร์คลัตช์เข้ามาให้ด้วยเช่นเดิม ซึ่งจะช่วยลดแรงกระชากจากการเชนเกียร์ ช่วยให้การขับขี่ดีขึ้นมากกว่าเดิม ถือว่ายังเป็นเครื่องยนต์ที่ท็อป ๆ ในกลุ่มเซกเมนต์ซีซีเท่า ๆ กัน โดยเคลมแรงม้ามาที่ 18.4 แรงม้าที่ 10,000 รอบ และแรงบิดที่ 14.2 นิวตันเมตรที่ 7,500 รอบ
ช่วงล่างเยี่ยม
สำหรับในส่วนของช่วงล่างโช้คอัพหน้าเป็นแบบ Up Side Down จาก KYB และในส่วนโช้คอัพหลังเป็นโช้คเดี่ยวแบบสตรัทสปริง ในส่วนของระบบเบรก เป็นแบบ ดิสก์เบรก หน้า-หลัง พร้อมระบบป้องกันล้อล็อก ABS อิสระ เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม สำหรับวงล้อติดรถ หน้าหลังมาให้เป็นขนาด 17 นิ้วแบบ Tubeless หรือแบบไม่มียางใน ซึ่งก็ได้หน้ายางใหญ่ขี่มั่นใจมากขึ้น
เทคโนโลยีแน่น
ถือว่าเป็นสปอร์ตไบค์ตัวเริ่มต้นที่ท็อปที่สุด อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีมาให้ใช้แบบครบครันเหนือกว่าใคร ๆ อย่างแรกก็คือแทร็คชันคอนโทรล ป้องกันการหมุนฟรีของตัวล้อช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น หรือถ้าใครชอบความมันเร้าใจก็สามารถปิดได้อีกด้วย ในส่วนที่สองเป็นจะเป็นควิกชิฟเตอร์ (แบบขึ้นทางเดียว) ที่จะช่วยเพิ่มความสปอร์ตในการขับขี่มากยิ่งขึ้นสามารถใส่เกียร์ขึ้นแบบไม่ต้องกำคลัตช์ แต่ถ้าจะถอนเกียร์ลงยังต้องใช้คลัตช์ช่วยนะ ตรงนี้จะได้ฟีลรถแข่งมากยิ่งขึ้น ปกติมีแต่ในบิ๊กไบค์นะครับ
ในส่วนของระบบความปลอดภัยในการเบรกคงหนีไม่พ้น ABS ที่ติดตั้งมาให้จากโรงงานทั้งล้อหน้าและล้อหลังช่วยให้ขับขี่ได้มั่นใจมากขึ้น ยังไม่หมดครับ ยังมีระบบที่ไม่เคยนึกถึงว่าจะมีในรถสปอร์ตไบค์ระดับนี้คือ ตัวจับเวลา Lap Time สามารถจับเวลาต่อรอบในสนามแข่งได้ เผื่อว่าใครจะเอาคันนี้ไปลองขับจับเวลาในสนาม ทางยามาฮ่าก็ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน ถือว่ายัดเทคโนโลยีมาให้ใช้เกินตัวรถเลย
ปิดท้ายด้วย Y-Connected จะเป็นระบบเชื่อมต่อแอพพลิเคชันผ่านสมาร์ทโฟน บอกข้อมูลต่าง ๆ ของตัวรถ เตือนการโทรเข้า ข้อความเข้า สถานะของตัวรถต่าง ๆ สามารถดูได้ผ่านโทรศัพท์ทั้งหมด สะดวกสบายขับขี่ปลอดภัยมากขึ้น
ฟีลลิ่งสปอร์ตได้ใจ
พูดถึงท่านั่งการขับขี่กันก่อนเลย ตัวรถมีแฮนด์แบบจับโช้ค ท่านั่งก็จะดูซิ่ง ๆ หน่อย แต่ก็ไม่ได้ซิ่งจนหัวเข่างอขึ้นมาเยอะมาก และด้วยตำแหน่งแฮนด์ที่ทำให้ตัวโน้มไปข้างหน้า ทำให้บังคับรถได้ง่ายมากขึ้น เหมาะสำหรับขับขี่ในสนามแข่งประมาณนึง แต่ก็ไม่ได้ออกแบบให้มาใช้งานในสนามแข่งจริงจัง ส่วนการใช้งานในชีวิตประจำวันก็บอกเลยว่าได้ จะดูหล่อ ๆ หน่อย
ในส่วนของการบังคับเลี้ยว ตัวรถเลี้ยวง่าย ไม่ได้ได้ขืนหรือมีอาการเลี้ยวยากแต่อย่างใด อาจจะเป็นเพราะโพซิชันท่านั่งที่สปอร์ตทำให้การขับขี่ในสนามดูง่ายมากขึ้น การพลิกรถเลี้ยวโค้งต่อเนื่องจึงทำได้ดี แม่นยำในการเลี้ยว ถ้าดูไปดูมาจะเหมือนขี่บิ๊กไบค์ขนาดกลางเลยละในส่วนนี้
สำหรับในส่วนของการต่อสนองเครื่องยนต์ตัวนี้ ถือว่าเป็นเครื่องยนต์ที่มีเทคโนโลยีเยอะเป็นพิเศษ รอบเครื่องยนต์ที่ VVA ทำงานจะรู้สึกได้ว่ามีกำลังเครื่องเพิ่มขึ้น ในช่วงของการออกโค้งตัวรถทำได้ดี ขี่สนุก คลัตช์มือนุ่มนวลใช้งานง่าย แต่อย่างว่า ตัวนี้มี ควิกชิฟเตอร์ ติดตั้งมาให้ด้วย ช่วงทางตรงยาว ๆ ต่อเกียร์แบบไม่กำคลัตช์ก็ใส่ได้แม่นยำ ได้ฟีลลิ่งรถแข่ง ชอบเลยในส่วนตรงนี้
ช่วงล่างรู้สึกได้ว่ามีความเฟิร์มมากขึ้น เวลาเบรกหนัก ๆ ตัวโช้คอัพเอาอยู่ไม่มีอาการสับหรือยันแต่อย่างใด การเลี้ยวโค้งต่อเนื่อง ช่วงที่กดรถลงมา ก็รู้สึกมีการเล็กน้อยที่โช้คหลัง แต่โช้คหน้าถือว่าเซ็ตติ้งมาได้ดี อย่างว่า นี้คือรถเดิมเอามาทดสอบในสนามแข่งเท่านี้ถือว่าตอบโจทย์การใช้งาน แต่ถ้าใครอยากจะซิ่งกว่านี้ ก็สามารถปรับใหม่ได้ คิดว่าขี่สนุกกว่าเดิมแน่นอน
ในส่วนของการเบรกนั้น R15M ถือว่าทำงานได้ดีเลย รันอินสักหน่อยอุณหภูมิความร้อนเริ่มได้ที่ เบรกได้ดีเลยทีเดียว ในส่วนของ ABS ก็ทำงานได้ดีมีจังหวะการทำงานละเอียดเพิ่มความปลอดภัยลดระยะเบรกได้เยอะ
สรุปตรงนี้
สำหรับใครชื่นชอบรถสปอร์ตไบค์ หรือ อยากจะก้าวข้ามขีดจำกัดตัวเองเข้ามาขับขี่รถมีคลัตซ์ คันนี้ถือว่าเป็นรถที่ท็อปที่สุดในคลาส 150 ซีซี อย่างแน่แท้แล้ว เพราะเทคโนโลยีต่าง ๆ ทั้งตัวรถ เครื่องยนต์พร้อมวาล์วแปรผัน VVA ควิกชิฟเตอร์ แทร็กชัน คอนโทรล ระบบเบรก ABS ระบบจับเวลาต่อรอบ ถือว่ามีให้ใช้งานแบบครบครัน ฟีลลิ่งการขับขี่แบบสปอร์ตที่แท้จริง DNA R-Series ถูกใส่ลงไปในตัวนี้แล้ว ตอบโจทย์คนที่ชอบรถที่มีเทคโนโลยีพร้อมใช้งาน รวมไปถึงคนที่กำลังหารถซ้อมขี่ แทร็กเดย์ คันนี้ก็เหมาะสมอย่างยิ่ง
สุดท้ายนี้อ่าน รีวิว All New R15M Connected-ABS 2022 ก็คงอยากจะรู้ราคากันแล้ว สำหรับรุ่นสแตคนดาร์ดเปิดราคาแนะนำที่ 115,000 บาท ส่วน R15M Connected-ABS เปิดราคาแนะนำที่ 135,000 บาท และในอิดิชั่นพิเศษ World GP 60th Anniversary Edition เปิดราคาแนะนำที่ 137,000 บาท ถือว่าเปิดราคาได้คุ้มค่ากับเทคโนโลยีที่ใส่มาในตัวรถคันนี้ และที่สำคัญ “ถ้าถูกใจ ไม่มีคำว่าแพง” โดยแฟน ๆ สามารถไปชมรถคันจริงได้ที่ ยามาฮ่า สแควร์ทุกสาขาทั่วประเทศไทย
อ่านข่าวอื่นๆ จาก Yamaha คลิกที่นี่
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก