Ténéré 700 World Raid กับ 15 จุดอัปเกรดใหม่ มีอะไร ไปดู
ล่าสุด ยามาฮ่า มอเตอร์ ยุโรปก็ได้ทำการเปิดตัวโมเดลใหม่ แต่พื้นฐานเดิม เสริมเติมด้วยอ็อปชันอย่าง Yamaha Ténéré 700 World Raid ที่ยังคงมีพื้นฐานร่วมกันกับโมเดลธรรมดา ยังคงมีเครื่องยนต์บล็อกเดิม คือ เครื่องคอสเพลนทู (CP2) 2 สูบ ขนาด 689 ซีซีระบายความร้อนด้วยน้ำเช่นเดิม
แต่สำหรับโมเดลใหม่นี้คือการขยายขีดจำกัดให้ผู้ใช้สามารถลุยไปได้ไกลขึ้น ด้วยการอัปเกรดจุดต่าง ๆ ทั่วทั้งคัน มากถึง 15 จุด ส่วนจะมีอะไรบ้างนั่นไปลุยกันได้เลย
- ถังน้ำมันใหม่ เป็นถังน้ำมันคู่แบบยึดด้านข้างตัวรถขนาด 23 ลิตร ใหญ่ขึ้นจากเดิม 7 ลิตร ช่วยให้ขับขี่เดินทางไปได้ไกลยิ่งขึ้น ทางค่ายเคลมมาว่าสามารถขับขี่เดินทางได้ไกลมากถึง 500 กม. เลยทีเดียว และไม่ใช่แค่ใหญ่ ยังออกแบบมาให้มีศูนย์ถ่วงที่ต่ำเพื่อให้ควบคุมได้ง่าย โดยส่วนที่สูงที่สุดของถังใหม่นี้ยังต่ำกว่าถังน้ำมันเดิมเสียอีก
- เบาะนั่งราบสไตล์แรลลี่แบบแยกเป็น 2 ชิ้น ไม่เพียงจะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถยืนโยกย้ายถ่ายน้ำหนักได้สะดวกเวลาขับขี่ และสะดวกต่อการขับขี่ทั้งในแบบยืนและนั่ง การที่เบาะแยกเป็น 2 ชิ้น ยังทำให้สามารถถอดเบาะชิ้นท้ายเพื่อสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมอย่างแร็คท้ายหรือกระเป๋าสัมภาระได้สะดวก นอกจากนี้ตัวเบาะยังมีใช้วัสดุหนัง 2 แบบให้ผิวสัมผัสที่แตกต่างกันเพื่อให้เบาะที่ได้นั้นเฟิร์มดีแต่ก็ยังนั่งได้สบายอีกด้วย โดยเบาะตรงกลางจะมีผิวที่หนืดดีต่อการนั่งเพราะไม่ลื่น และส่วนที่นุ่มช่วยให้นั่งสบายและขยับตัวได้สะดวก
- หน้าจอเรือนไมล์สี TFT ขนาด 5 นิ้ว พร้อมการเชื่อมต่อเพื่อรับการแจ้งเตือนสมาร์ตโฟน โดยหน้าจอใหม่นี้จะยังคงเป็นหน้าจอแบบแนวตั้งสไตล์โร้ดบุ๊คแบบรถแข่งดาการ์เช่นเดิม แต่หน้าจอใหม่จะสามารถเลือกการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ และสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อรับการแจ้งเตือนต่าง ๆ จากโทรศัพท์ได้อีกด้วย
- ช่องจ่ายไฟแบบ USB Type A อยู่บริเวณด้านขวาของหน้าจอ ซึ่งหลาย ๆ คนน่าจะคุ้นเคยกันดี เรียกได้ว่าสะดวกกว่าแบบซ็อกเก็ต 12 โวลต์ธรรมดา เพราะไม่ต้องมาหาหัวแปลงให้ยุ่งยากอีกต่อไป สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ในปัจจุบันได้สะดวกยิ่งขึ้น
- ระบบเบรก ABS ใหม่ ที่สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานได้มากถึง 3 โหมด โดยโหมด 1 คือการทำงานแบบเต็มพิกัดทั้งล้อหน้าและล้อหลัง เหมาะกับการขับขี่บนท้องถนนทั่วไป โหมด 2 คือ ทำงานเฉพาะที่ล้อหน้า เหมาะกับการขับขี่บนทางกรวด หรือทางดินร่วน และโหมด 3 จะปิดหมดทั้งล้อหน้าและล้อหลัง เพื่อให้คุณลุยได้อย่างเต็มที่เวลาขับขี่แบบออฟโร้ด
- โช้คหน้าใหม่อัปเกรดให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้โช้คหัวกลับ KYB ขนาด 43 ม.ม.ที่มีระยะยุบ 230 ม.ม. โดยโช้คใหม่นี้จะสามารถปรับแต่งได้เต็มระบบ ทั้งพรีโหลด คอมเพรสชันและรีบาวด์ เพื่อให้คุณปรับได้เหมาะสมกับสภาวะโหลดน้ำหนักหรือสภาพเส้นทางได้ดีที่สุด ตัวโช้คใหม่นี้ยังมาพร้อมเฉดสีทองแดงเข้มดูสวยงามอีกด้วย และสุดท้ายยังระบุมาว่าโช้คใหม่นี้จะเคลือบสารที่ทำให้โช้คทำงานได้ลื่นกว่าเดิม รวมถึงยังทนทานกว่าเดิมอีกด้วย
- มีกันสะบัด Öhlins มาให้เลย โดยจะติดอยู่ที่แผงคอบน ช่วยให้ปรับใช้งานได้ง่าย ตัวกันสะบัดที่ว่านี้ไม่เพียงจะปรับระดับความหนืดความนิ่งได้มากถึง 18 ระดับแล้ว ยังมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ซึ่งเจ้านี่จะช่วยให้การขับขี่ของคุณเป็นไปได้ดียิ่งขึ้น
- โช้คหลังใหม่แบบซับแทงค์อลูมิเนียม ระยะยุบ 220 ม.ม. แน่นอนว่าไม่ได้อัปเกรดแค่โช้คหน้า ยังอัปเกรดโช้คหลังด้วย โดยระยะยุบจะมากขึ้น 20 ม.ม. และโช้คใหม่นี้จะทำงานได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย
- ห้องอากาศใหม่ ออกแบบมาให้รองรับการสถานการณ์การขับขี่แบบออฟโร้ด โดยห้องอากาศใหม่นี้จะมีแอร์ดักต์ที่โน้มไปด้านหน้าและออกแบบมาโดยป้องกันฝุ่นและเศษหินหรือดินต่าง ๆ ที่จะดีดขึ้นมาจากล้อหลัง
- ชิลด์หน้าแบบสูง สามารถปลดตัวตัดลมด้านข้างและไฟเลี้ยว LED ออกได้ง่าย โดยชิลด์หน้าจะสูงขึ้นอีก 15 ม.ม.
- ค็อกพิตแอเรียใหม่หมดรวมไปถึงแฟริ่งด้านหน้าใหม่ ทำจากไฟเบอร์กลาสทนทานสูงเพื่อให้รับการขับขี่ที่สมบุกสมบันยิ่งขึ้น
- พักเท้าขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมกันนี้ยังสามารถถอดยางรองพักเท้าออกได้ง่ายขึ้น ซึ่งตรงนี้ก็จะดีตรงสามารถช่วยควบคุมได้ง่ายขึ้นและช่วยกระจายแรงกดที่เท้าเวลายืนขับขี่ในเส้นทางวิบาก ป้องกันการสะสมของโคลนและทราย ทำให้ขับขี่ได้สบายมากยิ่งขึ้น รวมถึงการที่ถอดยางรองเท้าสะดวกเวลาจะไปขับขี่ในเส้นทางออฟโร้ดหรือทางที่เปียกชื้น
- การ์ดท้องเครื่องอลูมิเนียมแบบ 3 ชิ้น ออกแบบมาให้ป้องกันก้อนหินหรือหินดีดได้ดีมากยิ่งขึ้น
- ซัพพอร์ตเครื่องอลูมิเนียมแบบหล่อขึ้นรูปใหม่ มีน้ำหนักเบาและแข็งแรงยิ่งขึ้น
- กริลแผงหม้อน้ำใหม่ ให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่ดียิ่งขึ้น และยังช่วยป้องกันเศษหินหรือเศษอื่น ๆ ที่จะกระเด็นเข้าจากทางด้านหน้าได้ดียิ่งขึ้น
และอีกจุดใหม่ที่ไม่ได้ถือเป็นการอัปเกรด แต่เป็นสิ่งใหม่ซึ่งก็คือ สีสันใหม่นั่นเอง โดยจะมีให้เลือก 2 เฉดสีคือ สีน้ำเงิน Icon Blue ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสีของรถแข่งนั่นเอง โดยจะมีตัวแฟริ่งสีน้ำเงินเป็นหลัก แต่งเติมด้วยเส้นสายสีเหลือง ปิดท้ายด้วยล้อสีน้ำเงิน และสีดำ Midnight Black สีที่ดูเรียบง่ายแต่ให้ภาพลักษณ์เข้มขลัง มาในแฟริ่งสีดำทั้งคัน รวมไปถึงล้อก็เป็นสีดำด้วย
อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Yamaha คลิก
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก