BMW R 18 Classic First Edition เปิดตัวพร้อมสนนราคา 1,250,000 บาท
BMW R 18 Classic First Edition คือสมาชิกใหม่ล่าสุดในตระกูลครูเซอร์ของทางค่าย ซึ่งเป็นโมเดลที่จะพาไบค์เกอร์หวนกลับสู่จุดเริ่มต้นสุดคลาสสิกของมอเตอร์ไซค์ทัวริ่งครูเซอร์ ด้วยสไตล์ที่โดดเด่นและแตกต่าง R 18 First Edition ซึ่งเผยโฉมไปเมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อสืบทอดแก่นแท้ของมอเตอร์ไซค์ครูเซอร์อย่างสมบูรณ์แบบ
โดยโมเดลใหม่นี้จะมาพร้อมกับอุปกรณ์เพิ่มเติมอย่างชิลด์หน้าขนาดใหญ่ เบาะคนซ้อน กระเป๋าข้าง ไฟหน้า LED เสริม และล้อหน้าขนาด 16 นิ้ว
ส่วนหัวใจหลักยังคงเป็นเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบขนาดใหญ่แห่งสุนทรียภาพในการขับขี่ของโมเดลนี้ โดยเครื่องยนต์ 1,802 ซีซีนี้ให้กำลังแรง 91 แรงม้า ที่ 4,750 รอบต่อนาที ส่งแรงบิดสูงสุด 158 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบต่อนาที และสามารถส่งแรงบิดมากกว่า 150 นิวตันเมตรตลอดช่วงรอบ 2,000 ถึง 4,000 รอบต่อนาที
ส่วนระบบช่วงล่างของตัวรถ โดดเด่นด้วยโครงสร้างเหล็กกล้าสองชั้น ทั้งยังคงความคลาสสิกด้วยการใช้ช่วงล่างแบบเทเลสโคปิกแทนการควบคุมด้วยไฟฟ้า โดยมีคานรับน้ำหนักกลางที่สามารถปรับตั้งค่าความหนืดและการยุบตัวของสปริงได้ เพื่อการควบคุมที่เฉียบคมและนุ่มสบาย ระบบเบรกมาพร้อมดิสก์เบรกคู่ที่ล้อหน้า ดิสก์เบรกเดี่ยวที่ล้อหลัง และคาลิเปอร์เบรกแบบตายตัว 4 ลูกสูบ พร้อมล้อซี่ลวดที่เสริมลุคให้คลาสสิกโดดเด่นยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังพิเศษด้วยโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ Rain, Roll และ Rock ให้เลือกปรับตามความชอบเฉพาะตัว พร้อมเทคโนโลยีด้านการขับขี่ที่ครบครันมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นการเสริมความปลอดภัยด้วยฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิงพร้อมระบบล็อก ระบบควบคุมการทรงตัวแบบอัตโนมัติ (ASC) ระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง (MSR) จากการชะลอตัวหรือลดเกียร์ และระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน (Hill Start Control) ผสานความล้ำสมัยจากยุคปัจจุบัน เช่น ระบบสตาร์ทแบบไร้กุญแจ (Keyless Ride) ระบบเกียร์ถอยหลัง (Reverse Gear) ระบบสัญญาณกันขโมย ระบบป้องกันรถกระชาก (Anti-hopping Clutch) และระบบ Dynamic Brake Control นอกจากนี้ยังพกพาระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติหรือครูซคอนโทรล (Electronic cruise control) อีกด้วย
ในเรื่องของดีไซน์นั้นเป็นการประสานความคลาสสิกเข้ากับองค์ประกอบต่าง ๆ ที่สะดุดตา ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างเหล็กกล้าสองชั้น ถังน้ำมันทรงหยดน้ำ เพลาแบบเปิดเปลือย พร้อมเสริมลูกเล่นดีไซน์ด้วยการทำสีแบบลายเส้นบนตัวถังเป็นมาตรฐาน สอดแทรกกลิ่นอายความล้ำสมัยด้วยมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อกทรงกลม พร้อมจอแสดงสถานะการขับขี่ที่ปรากฎให้เห็นเฉพาะเวลาเปิดไฟ รวมทั้งไฟหน้า Adaptive LED แบบใหม่ พร้อมระบบ Daytime Riding light และ Headlight Pro
ประวัติศาสตร์สุดคลาสสิกของมอเตอร์ไซค์ทัวริ่งยังสะท้อนผ่านชุดแต่งเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะรุ่น ไม่ว่าจะเป็นตัวถังสีดำ Black Storm Metallic ตัดกับลายเส้นสีขาว กับชิ้นส่วนโครเมียม ลูกเล่นป้ายสลัก BMW บนเบาะที่นั่ง และป้ายสลักโครเมียม “First Edition” ข้างตัวถัง
ทั้งนี้จะวางจำหน่ายในราคา 1,250,000 บาท แพงกว่าโมเดลธรรมดาอยู่ 100,000 บาทเท่านั้นครับ สำหรับสาวกสายคลาสสิคที่หลงใหลการเดินทางไกล จัดว่าโมเดลนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะครับ
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก