2025 Yamaha Aerox Alpha
สกูตเตอร์ตัวซิ่ง วิ่งแบบติดเทอร์โบ
นาน ๆ จะเห็นข่าวอัปเดตที แต่ทว่าการคัมแบคในแต่ละครั้งย่อมทำตลาดสั่นคลอนโดยเฉพาะหมู่แฟน ๆ สาวกค่ายส้อมเสียง กับโมเดลสกูตเตอร์ทรงสปอร์ตยอดฮิตติดตลาดขวัญใจมหาชนอย่างยามาฮ่า แอร็อกซ์ ซึ่งล่าสุดทางยามาฮ่า ประเทศอินโดนีเซีย ทำการเปิดตัวโมเดลรุ่นใหม่ 2025 Yamaha Aerox Alpha สกูตตี้พันธุ์อัลฟ่า โฉมใหม่พร้อมจุดเด่นที่น่าสนใจหลากหลายส่วน ทำเอาลุ้นอยากให้ทางค่ายนำมาขายในไทยทีเดียว
2025 Yamaha Aerox ดีไซน์ในแบบ Super Sport
ประเด็นแรกที่น่าสนใจในโฉมแอร์ร็อกซ์รุ่นนี้ รวมถึงในทุก ๆ รุ่นคงเป็นในเรื่องของการออกแบบดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งใคร ๆ ที่มองผ่านก็คงทราบกันดีว่าทรงนี้..ยังไงมันก็คือรุ่นนี้แหล่ะ ไม่มีทางเป็นรุ่นอื่นไปได้ โดยครั้งนี้โมเดลดังกล่าวได้มีการปรับดีไซน์กับความเปลี่ยนไปที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ สัดส่วนบอดี้ในแบบรถซูเปอร์สปอร์ต และเว้า Sharp เฉียบคมดูทรงแอโร่แบบเดียวกันกับซูเปอร์ไบค์รุ่นเรือธงอย่าง YZF-R1M ต่อด้วยดับเบิ้ลเฮดท์โปรเจ็กเตอร์กดชั้นด้วยเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ แทรกไฟเลี้ยวด้านข้างไปในตัว
พร้อมลวดลายกราฟิกตี้ดีไซน์ใหม่ มีการเล่นสีแตกต่างกันไปตามรุ่น โดยรุ่นดังกล่าวเปิดตัวมาพร้อมกับ 4 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น Standard 4 สี(สีเทา, สีนน้ำเงิน, สีแดงและสีดำ) รุ่น Cyber City (สีน้ำเงินแดงและสีเหลืองฟ้า), รุ่น Turbo (สีเทาแดง) และรุ่น Turbo Ultimate (สีเทาแดงตัวแต่ง)
โดยความต่างของทั้ง 4 รุ่นนี้กับลูกเล่นฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกันไป แต่ยังคงมีพื้นฐานเดียวกันก็คือ พละกำลังเครื่องยนต์แบบ Blue Core 4 จังหวะ 4 วาล์ว แบบสูบเดียวขนาด 155 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมระบบวาล์วเปิด โลกเปลี่ยนหรือ VVA และขับเคลื่อนด้วยชุดเชิงกลไฟฟ้า YECVT (Yamaha Electric CVT) ที่มอบประสิทธิภาพการขับขี่ที่เร็ว แรง เสมือนรถติดเทอร์โบ และนอกจากนี้ยังมาพร้อมด้วยกำลังแรงม้าสูงสุดที่ 15.4 แรงม้าที่ 8,000 รอบ แรงบิด 14.2 นิวตันเมตรที่ 8,000 รอบ พ่วงด้วยความจุของถังน้ำมันขนาด 5.5 ลิตร
ยังคงเดิมสไตล์ยามาฮ่าด้วยระบบช่วงล่างด้านหน้าเทเลสโคปิก ด้านหลังเป็นสปริงคู่ ตามด้วยสเปคล้อและยางขนาดที่ 110/80-14 และ 140/70-14 ยางทูปเลส รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกด้วยพอร์ตชาร์จไฟ USB ไทป์ A หน้าจอดิจิทัล LCD (รุ่น Standard และรุ่น Cyber City) ที่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลด้วยระบบ Y-Connect รองรับการใช้งานอย่างครบครัน แต่เพิ่มเติมคือ มีดิสก์เบรกหลังแล้วนะขอบอก
รุ่น Cyber City เพิ่มความสะดวกสบายเพิ่มมาอีกขั้น
สีน้ำเงิน | สีเหลือง |
ความแตกต่างนี้จะทำให้ผู้บริโภคอย่างเราสามารถตัดสินใจได้มากขึ้น โดยในรุ่น Cyber City นอกจากโทนสีที่จี๊ดจ๊าดโดนใจวัยว้าวุ่นแล้ว ยังมีฟีเจอร์เสริมติดมาให้สำหรับการใช้งานไม่ว่าจะเป็น ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) โช้คอัพหลังพร้อมกระบอกซัปแทงค์และระบบสมาร์ทคีย์ติดตั้งมาให้
รุ่น Turbo ตัวโปรของแท้
เสริมความเป็นมือโปร มือบิด มือซิ่งมากยิ่งขึ่นกับรุ่น Turbo (ที่ไม่มีเทอร์โบ) แต่สิ่งความน่าสนใจก็คือทางค่ายได้ติดตั้งฟีเจอร์การใช้งานของโมเดลบิ๊กไบค์มาใส่ไว้ในรุ่นนี้มากมายทั้งหน้าจอสี TFT มีดิสก์เพลย์ให้เลือกการใช้งานถึง 3 แบบ (ซึ่งดูจากรูปแล้วน่าจะเป็นแบบเดียวกันกับสปอร์ตรุ่นใหญ่) มีระบบนำทาง Google Map Navigation ติดตั้งมาให้
พร้อมระบบความปลอดภัยไม่ว่าจะเป็น แทร็คชันคอนโทรล ระบบไฟกระพริบเมื่อเบรกฉุกเฉิน และที่สำคัญมีระบบ Turbo Riding Mode ให้สามารถเลือกได้โดยมีโหมด “T” สำหรับการขับขี่ในเมือง และโหมด “S” หรือโหมดสปอร์ตเร่งรอบมาไวขึ้นนั่นเอง แถมยังสามารถซิ่งไปต่อได้อีก กับโหมดการเพิ่มอัตราการเร่งด้วยระบบ Y-Shift แบ่งเป็น 3 ระดับ (1=ต่ำ, 2=กลาง, 3=สูง) สามารถแพดเดิ้ลชิฟต์คอนโทรลได้ที่ประกับแฮนด์ฝั่งซ้ายได้ตามใจชอบ
สำหรับราคาเปิดตัว รุ่น Standard เปิดตัวราคาแนะนำที่ 29,000,000 รูเปียห์ หรือราว ๆ 6.3 หมื่นบาท รุ่น Cyber City เปิดราคา 33,999,000 รูเปียห์ หรือ 7.2 หมื่นบาท รุ่น Turbo เปิดราคา 39,550,000 รูเปียห์ หรือ 8.4 หมื่นบาท และรุ่น Turbo Ultimate เปิดราคา 41,730,000 รูเปียห์หรือ 8.8 หมื่นบาท ซึ่งคาดการณ์แล้วราคาค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจสำหรับสาวกอย่างเราทีเดียว แต่ทว่าถ้าหากขายในไทยคงบวกภาษีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ขอให้มาครับโดยเฉพาะรุ่นเทอร์โบ…น่าสนใจสุด ๆ จริงหรือไม่ ?
อ่านข่าวอื่นๆ จาก Yamaha คลิกที่นี่
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก