2025 Triumph Speed Twin 1200 หล่อตอนจอด สปอร์ตตอนขี่

2025 Triumph Speed Twin 1200
หล่อตอนจอด สปอร์ตตอนขี่

2025 Triumph Speed Twin 1200
รุ่น RS (สีส้ม) และรุ่น Standard (สีขาว)

2024-09-17 18.00 น.

ออนบอร์ดพร้อมกันทั่วโลก กับการเปิดตัวโฉมโมเดลพี่ใหญ่สายโมเดิร์นคลาสสิกอย่าง 2025 Triumph Speed Twin 1200 และรุ่นพิเศษกับ Speed Twin 1200 RS  มาพร้อมกับการอัปเดตครั้งใหม่ในทุกองค์ประกอบ ผ่านการคัดสรรออกแบบเพื่อให้ได้ส่วนผสมที่ลงตัว และเข้ากับคอนเซ็ปต์ของความร่วมสมัยในแบบรถค่ายผู้ดี และสมรรถนะที่ได้รับการปรับปรุงครั้งใหม่เพื่อการขับขี่ที่เหนือระดับ

ดีไซน์ใหม่ แต่คงกลิ่นอายความคลาสสิก

2025 Triumph Speed Twin 1200
ตอนจอด หล่อสุด ๆ

พร้อมมอบสิ่งใหม่ ๆ ให้แก่ผู้ขับขี่ เริ่มด้วยรูปลักษณ์การดีไซน์ในฉบับโมเดิร์นคลาสิกกับเอกลักษณ์กับเส้นสายที่โค้งมนตามจุดต่าง ๆ ทั้งไฟหน้าทรงกลม LED พร้อมไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ สวมกรอบไฟอลูมิเนียมขัดเงาเพิ่มความหรูหราไปอีกขั้น ถังน้ำมันขนาด 14.5 ลิตร ที่ได้รับการออกแบบปาดเว้าด้านข้าง พร้อมประดับด้วยแถบลายกราฟิกใหม่ใส่รหัสรุ่น “1200” พร้อมแถบสีที่ให้ภาพลักษณ์ความเป็นโมเดลย้อนยุคหรือโมเดิร์นคลาสสิกนั่นเอง (และลายกราฟิก RS พร้อมแถบลายเส้น สำหรับรุ่น RS)

2025 Triumph Speed Twin 1200 2025 Triumph Speed Twin 1200
Speed Twin 1200 Speed Twin 1200 RS

และยังคงให้ความเสน่ห์ต่อเนื่องด้วยตัวเบาะชิ้นเดียวในแบบรถคลาสสิก แชสซี (โครงรถ) สีดำเคลือบ Power-Coated มีลักษณะบางลง หรือแม้กระทั่งตัวท่อไอเสียแสตนเลสขัดเงาแบบคู่ยังคงดีไซน์ได้อย่างสวยงาม เข้ากับชุดเสื้อสูบออกแบบมาให้เป็นลักษณะเดียวกัน และแน่นอนว่าชุดเครื่องยนต์ของเจ้ารุ่นนี้ยังคงมีเสน่ห์ไม่น้อยกว่ารถค่ายไหนเลยทีเดียว

นอกจากนี้ตัวโมเดลยังคงแฝงไปด้วยความทันสมัย ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสถึงฟีลลิ่งการขับขี่ในแบบสปอร์ต ด้วยชิ้นส่วนอะไหล่ที่ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์ของผู้ขับขี่ ทั้งแฮนด์บาร์ทรงยกสูงและโน้มไปด้านหน้าจากรุ่นก่อนหน้า ตำแหน่งพักเท้าถูกปรับยกสูงและย้ายตำแหน่งไปด้านหลังจากเดิมเล็กน้อย กับความสูงของเบาะที่ราบขนานเป็นแนวเดียวกันกับตัวแฮนด์ จึงให้ตำแหน่งโพลซิชันต่าง ๆ ดูสปอร์ตทั้งท่านั่งขับขี่ที่ต้องงอเข่าและต้องก้มเล็กน้อย เสมือนขี่รถสปอร์ตดี ๆ นี่เอง

เครื่องยนต์ Bonneville 1200 แรงม้าเพิ่ม 5 ตัว

2025 Triumph Speed Twin 1200
สปอร์ตตอนขี่

พร้อมสมรรถนะอันเร้าใจด้วยเครื่องยนต์สูบคู่ Bonneville ขนาด 1,200 ซีซี ระบายความร้อนด้วยของเหลว โดยมีปริมาตรของกระบอกสูบและช่วงชักขนาด 97.6 x 80.0 มม. ใชัระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด ระบบคันเร่งไฟฟ้าที่พร้อมตอบสนองแรงบิดได้อย่างแม่นยำ ผ่านระบบชุดเกียร์แบบ 6 สปีด ส่งกำลังไปยังล้อหลังด้วยโซ่ X-Ring สำหรับในเรื่องของแรงม้าทางค่ายยังเคลมมาว่าเจ้าโมเดลรุ่นนี้ถูกปรับปรุงให้มีแรงม้าเพิ่มมากขึ้น 5 ตัว จึงทำให้มีแรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 105 แรงม้าที่ 7,750 รอบต่อนาที และรอบเรดไลน์ที่ 8,000 รอบ ส่วนแรงบิดสูงสุดให้มาที่ 112 นิวตันเมตรที่ 4,250 รอบต่อนาที พร้อมผ่านค่ามาตรฐาน EURO5+

ช่วงล่างที่แตกต่าง

มาพร้อมกับระบบช่วงล่างที่ถูกออกแบบให้มีความแตกต่างกันเล็กน้อย ทั้งในเรื่องของตัวโช้คระบบเบรกและยาง แต่ทว่าดูโดยรวมแล้วสเปคคงไม่คาดเคลื่อนต่างกันไปมากแต่อย่างใดนัก

โดยรุ่น Speed Twin จะถูกติดตั้งเป็นโช้คจาก Marzocchi โดยด้านหน้าเป็นโช้คหัวกลับขนาด 43 มม. มีระยะยุบ 120 มม. ส่วนโช้คหลังเป็นโช้คเดี่ยวพร้อมซับแทงค์ มีระยะยุบ 116 มม. สามารถปรับค่าพรีโหลดได้ ตลอดจนระบบเบรก ด้านหน้าเป็นดับเบิ้ลดิสก์เบรกขนาด 320 มม. สวมคาลิเปอร์เรเดียลเม้าท์ขนาด 4 ลูกสูบรุ่นใหม่จากทางค่าย ด้านหลังเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 220 มม. ใส่คาลิเปอร์เบรก Nissin ขนาด 2 ลูกสูบ

คาลิเปอร์ Brembo Stylema M4.30 โช้คสปริงคู่พร้อมซับแทงค์ Ohlins
ปรับแต่งเต็มระบบ

สำหรับรุ่น Speed Twin 1200 RS โช้คหน้าใช้เป็น Marzocchi เช่นเดียวกันขนาดเท่ากันที่ 43 มม. แต่เป็นรุ่นอัปเกรดที่สามารถแดมปิ้งได้เต็มระบบทั้งพรีโหลด รีบาวด์และคอมเพรสชัน ถัดมาด้านหลังใช้เป็นโช้คสปริงคู่พร้อมซับแทงค์จาก Ohlins พร้อมระยะยุบ 123 มม. ที่ปรับแต่งได้เต็มระบบเช่นเดียวกัน สำหรับขนาดของตัวดิสก์เบรกเป็นขนาดเดียวกันกับรุ่นมาตรฐาน แต่คาลิเปอร์ถูกอัปเกรดขึ้นมาเป็น Brembo Stylema m4.30 เรเดียลเม้าท์ขนาด 4 ลูกสูบ ส่วนคาลิเปอร์เบรกหลังใช้เป็น Nissin 2 ลูกสูบเช่นเดียวกันและยาง Metzeler Racetec RR K3

โดยทั้งสองรุ่นจะให้ล้ออลูมิเนียมอัลลอยแบบ 7 ก้านคู่ขนาด 17 นิ้วเท่ากันหน้า-หลัง และรัดมาด้วยยางขนาด 120/70 และ 160/60 ตามลำดับ และเคลมน้ำหนักมาที่ 216 กก.

เทคโนโลยี อัปเกรด

2025 Triumph Speed Twin 1200
เรือนไมล์ LCD ผสมจอสี TFT ในแบบสมัยใหม่

ในเรื่องของเทคโนโลยีที่เข้ามาผสานประสิทธิภาพที่สมัยเข้ากับสไตล์คลาสสิกย้อนยุค กับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งได้ตามอิสระการใช้งาน ทั้งโหมดขับขี่ 2 โหมด (Road และ Rain) ระบบ Connering ABS และระบบแทร็คชันคอนโทรล ในขณะที่รุ่น RS จะถูกติดตั้งโหมด Sport เพิ่มเติมมาให้ และระบบ Triumph Shift Assist หรือควิกชิฟเตอร์ 2 ทาง

นอกจากในเรื่องของระบบช่วยเหลือการขับขี่ไปแล้ว ยังมีส่วนอื่น ๆ อาทิ หน้าจอแบบผสมทั้งตัว LCD และจอสี TFT แบบใหม่ พร้อมระบบนำทาง Turn by Turn พอร์ตชาร์จไฟ USB Type C รวมถึงระบบอื่น ๆ ที่กล่าวไปข้างต้น ทั้งระบบไฟส่องสว่าง LED รอบคันและระบบคันเร่งไฟฟ้า

สำหรับในเรื่องของสีสันที่จำหน่าย รุ่น Speed Twin 1200 RS มีจำหน่ายด้วยกัน 2 ได้แก่ สีขาว (Crystal White) และสีแดง (Carnival Red) สำหรับรุ่น Speed Twin 1200 RS มีจำหน่าย 2 สีได้แก่สีส้ม (Baja Orange) และสีดำ (Sapphire Black) โดยทั้งสองสีมาพร้อมลวดลาย RS สีทองพร้อมกับระบบกันสะเทือนชุบอโนไดซ์สีทองนั่นเอง

หากใครที่ชื่นชอบโมเดิร์นคลาสสิกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คงเดาได้ว่าโมเดลทั้งสองรุ่นนี้คงจะถูกใจท่านทั้งหลายเลยไม่น้อย ทั้งเสน่ห์ของความดั้งเดิม แต่ยังสอดแทรกไปด้วยความทันสมัย เสมือนกุลสตรีทรงผู้ดีในยุค 60 ที่หลงข้ามเวลามาในโลกปัจจุบันซะยังไงอย่างนั้น

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

2025-triumph-speed-twin-1200

- Advertisement -
Joe Superbike
Joe Superbikehttp://www.superbikemag.com
นักเขียน "หัวใจสีเขียว" ที่ชื่นชอบรถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกเป็นชีวิตจิตใจ และมาโลดแล่นในวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก

บทความยอดนิยม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่