2025 Honda Rebel 1100 ทรงเดิม เพิ่มแรงม้า พร้อมจอ TFT

2025 Honda Rebel 1100 ทรงเดิม เพิ่มแรงม้า พร้อมจอ TFT

2025 Honda Rebel 1100
คงดีไซน์ และเอกลักษณ์ความเป็นรถสไตล์ครุยเซอร์ที่มีความดุดัน

2025 Honda Rebel 1100 เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการในประเทศทางฝั่งยุโรป โดยใช้ชื่อรหัส CMX1100 การดีไซน์ออกแบบที่ยังคงความเป็นรถ ‘ครุยเซอร์’ ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและความทันสมัย เน้นความเรียบง่ายแต่ก็ยังคงความดุดัน เครื่องยนต์เพิ่มแรงม้าจากตัวก่อนหน้า และยังมาพร้อมกับระบบเกียร์ DCT (Dual Clutch Transmission) ได้รับการอัปเกรดให้ใช้งานได้ดีขึ้นที่ความเร็วต่ำ และที่สำคัญมาพร้อมกับหน้าจอ TFT ขนาด 5 นิ้วใหม่ พร้อมการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน

เครื่องยนต์อัพเกรด เพิ่มแรงม้า

เครื่องยนต์บล็อกเดิมที่พัฒนาเพิ่มนิดหน่อย

ในโมเดลใหม่นี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 สูบเรียงระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 1,084 ซีซี พละกำลังอยู่ 87 แรงม้าที่ 7,250 รอบต่อนาที (เพิ่มจากตัวก่อนหน้า 1 ตัว) แรงบิดอยู่ที่ 98 นิวตันเมตรที่ 4,750 รอบต่อนาที มาพร้อมเกียร์ 6 สปีด และเกียร์แบบ DCT 6 สปีด (แล้วแต่รุ่นย่อย) ความจุถังน้ำมัน 13.6 ลิตร

ช่วงล่างตามสไตล์ครุยเซอร์

โช้คอัพหัวกลับ แน่นหนึบ

ระบบกันสะเทือนด้านหน้ามาพร้อมกับโช้คอัพหัวกลับขนาดแกน 43 มม. สามารถปรับพรีโหลดได้ ในส่วนของระบบกันสะเทือนด้านหลังมาพร้อมกับโช้คอัพคู่พร้อมซับแทงค์ สามารถปรับพรีโหลดได้เช่นเดียวกับด้านหน้า หนึบและขับขี่ได้อย่างมั่นใจ

2025 Honda Rebel 1100
ดิสก์เบรกเดี่ยว

ระบบเบรกด้านหน้าดิสก์เบรกเดี่ยวแบบเรเดียล คาลิเปอร์แบบสี่ลูกสูบ ขนาด 330 มม. ในส่วนของระบบเบรกด้านหลังเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวแบบลูกสูบเดี่ยวขนาด 256 มม. ล้อและยางมีขนาด 130/70 B18 และ 180/65 B16 หน้า และหลังตามลำดับ 

หน้าจอ TFT และเทคโนโลยีตามสมัยนิยม

2025 Honda Rebel 1100
หน้าจอที่พบเห็นได้ในรถทั่วไปของฮอนด้า

ในส่วนของเทคโนโลยีต่าง ๆ ของ Rebel ในโมเดลใหม่จัดเต็มมาแบบสุด ๆ หน้าจอใหม่แบบ TFT ขนาด 5 นิ้ว พร้อมการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอพ Honda RoadSync โหมดการขับขี่เริ่มต้น 3 โหมด ได้แก่ Standard, Rain และ Sport และยังมี Custom สำหรับให้ผู้ขับขี่ปรับแต่งเองได้ ระบบครูซ คอลโทรล ระบบ HSTC ที่ปรับได้ 3 ระดับ และมีการปรับช่องจ่ายไฟแบบ USB-C มาไว้ทางด้านซ้ายของเรือนไมล์

Dual Clutch Transmission

2025 Honda Rebel 1100
เกียร์ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของฮอนด้า

พร้อมกับระบบเกียร์ DCT (Dual Clutch Transmission) ได้รับการอัปเกรดให้ใช้งานได้ดีขึ้นที่ความเร็วต่ำ สามารถมีประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้นทั้งออกตัว และการหยุดรถ โดยชุดเกียร์ DCT นี้จะใส่ลงในรุ่นย่อยที่เป็นตัว T DCT และ รุ่น SE เท่านั้น ในส่วนของรุ่นล่างสุดหรือ Standard จะเป็นเพียงเกียร์ธรรมดา 6 สปีดเท่านั้น

สำหรับสีที่จำหน่ายมีทั้งหมด 3 รุ่นย่อยประกอบไปด้วย

  1. รุ่นธรรมดา (Rebel 2025) ในรุ่นนี้มีเพียงสีเดียว ได้แก่ สีน้ำเงิน (Pearl Hawkseye Blue)
สีน้ำเงิน (Pearl Hawkseye Blue)

 

2. รุ่น T DCT (Rebel T DCT 2025) ที่ได้รับการตกแต่งเพิ่มเติม โดยมีกล่องข้างขนาดรวม 35 ลิตร แฟริ่งหน้าขนาดใหญ่ มีเพียงสีเดียว ได้แก่ สีเทา (Iridium Grey Metallic)

สีเทา (Iridium Grey Metallic)

 

รุ่น SE ตัวท็อปสุดของโมเดลนี้ โดยในรุ่น Special Edition จะมีรายละเอียดแตกต่างกันออกไป โดยมีการตกแต่งเพิ่มเติม ได้แก่ กระจกปลายแฮนด์อลูมิเนียมแบบตัดแสงสะท้อน เบาะนั่งปักลายไดมอนด์และครอบไฟหน้าขนาดเล็กสีเดียวกับตัวรถ และขอบล้อสีใหม่ โดยตัวรถมี 2 สี ได้แก่ สีดำ (Matte Ballistic Black Metallic) และ สีส้ม (Flare Orange Metallic)

สีดำ (Matte Ballistic Black Metallic)
สีส้ม (Flare Orange Metallic)

 

ในส่วนของราคาจำหน่ายยังไม่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ การคาดการณ์ราคา ย้ำว่าคาดการณ์ หากเข้าไทยน่าจะบวกเพิ่มจากตัวเก่าประมาณสองถึงสามหมื่นบาท (ปัจจุบันตัวที่วางขายในประเทศไทยจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 399,000 บาท) ด้วยการมาของชุดเกียร์ DCT ในส่วนของแฟนคลับครุยเซอร์ชาวไทยในโมเดลใหม่นี้อาจจะต้องรอไปอีกระยะใหญ่ ๆ Rebel ไม่ว่าจะขี่เจนเก่าหรือเจนใหม่ ก็หล่อเหมือนกันหมด บอกเลย

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

- Advertisement -
Watcharit Yosprasith
Watcharit Yosprasith
นักเขียนสายคอนเทนต์จากสนามบอล สู่ สนามแข่ง

บทความยอดนิยม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่