spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img

2025 Ducati XDiavel V4 ปรับลุคสปอร์ต พร้อมเครื่องยนต์ถอดจาก MotoGP

2025 Ducati XDiavel V4
ปรับลุคสปอร์ต พร้อมเครื่องยนต์ถอดจาก MotoGP

เข้ารับเทศกาลวันวาเลนไทน์ ด้วยรถครูเซอร์พันธุ์ปีศาจจากค่ายแดงอย่าง 2025 Ducati XDiavel V4 เผยโฉมมาพร้อมภาพลักษณ์ใหม่ ดีไซน์ใหม่และการปรับปรุงสมรรถนะเครื่องยนต์โดยดึงเทคโนโลยี DNA จากโมโตจีพี ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เดียวกันที่ใช้ในรุ่น Panigale, Streetfighter และคู่แฝดร่วมรหัสอย่าง Diavel

นี่แหล่ะ ปีศาจกล้ามโต

ยังคงเป็นภาพสุดประทับใจสำหรับสาวกดูคาติ ด้วยรูปโฉมการดีไซน์และสัดส่วนมิติที่ให้ความกำยำ รูปทรงบอดี้อัดแน่นไปด้วยความสปอร์ตทั้งชุดไฟหน้า ชุดแฟริ่งด้านข้าง และตัวถังขนาดบึกบึนขนาด 20 ลิตร เว้าสัดส่วนให้มีความคมเป็นสันเหลี่ยม พร้อมช่วงเอวกับเบาะหนังผ้าตอนเดียว ตัดเชปท้ายในแบบรถสปอร์ต ท่อไอเสียออกแบบปลายออกสี่..นี่คือปีศาจกล้ามโตในคราบชายหนุ่มอิตาลีอย่างเห็นได้ชัด

นอกเหนือรูปทรงที่ดุดันแล้ว ตัวรถยังถูกปรับให้เข้ากับผู้ขับขี่ ทั้งแฮนด์บาร์ปรับองศาใหม่ให้ต่ำลง ยืดเข้าหาตัวผู้ขับขี่มากขึ้น เบาะปรับกว้างขึ้น หนากว่าเดิม และเพิ่มระยะยุบโช้คหลัง เพื่อเสริมความสะดวกสบายในทุกสภาพการขับขี่

เครื่องยนต์ V4 Granturismo

เครื่องยนต์ Grandturismo V4 ขนาด 1,158 ซีซี พร้อมเทคโนโลยีปรับปรุงมาใหม่

เป็นครั้งแรกที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V4 Granturismo ขนาด 1,158 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 168 แรงม้าที่ 10,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 126 นิวตันเมตรที่ 7,500 รอบต่อนาที (เท่ากันกับรุ่น Diavel) ซึ่งให้พละกำลังมากกว่ารุ่นก่อน ๆ และโดดเด่นด้วยการใช้เพลาข้อเหวี่ยงแบบหมุนสวนทาง ซึ่งเป็นแบบเดียวกับรถที่ใช้แข่งโมโตจีพี มีคุณสมบัติช่วยควบคุมรถให้สะดวกสบาย บวกกับน้ำหนักเครื่องยนต์เบาลงกว่ารุ่นก่อนถึง 6 กก. (229 กก.)

แน่นอนว่าเครื่องยนต์บล็อกปี 2025 จะใช้ระบบสปริงวาล์วแบบเดียวกันกับไลน์อัพโมเดลรุ่นปีล่าสุด ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการเซอร์วิสที่ถูกลง ประกอบกับกลไลชุดขับเคลื่อนสายพานปรับมาใช้เป็นชุดโซ่เสตอร์แทน พร้อมระบบไฮดรอลิกสลิปเปอร์คลัตช์และควิกชิฟเตอร์ (DQS) 2.0 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพัฒนามาจาก Panigale V4 สอดรับกับการออกแบบแป้นเกียร์และพักเท้าเรียบหรูสไตล์รถครูเซอร์

อีกทั้งยังถ่ายทอดระบบส่งกำลังรอบต่ำที่แม่นยำ ด้วยระบบ Rear Cylinder Deactivation หรือระบบ Turn off กระบอกสูบชุดหลังแบบอัตโนมัติซึ่งทำงานตามรอบเครื่องยนต์ (ทำงานคล้าย ๆ ระบบวาล์วแปรผัน) ช่วยในเรื่องของการประหยัดเชื้อเพลิง ลดอุณหภูมิเครื่องยนต์และเดินรอบต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ช่วงล่างโรงงาน

ให้ความนุ่มนวลสไตล์ครูเซอร์ ด้วยโช้คอัพด้านหน้าแบบหัวกลับขนาดแกน 50 มม. เดี่ยวโมโนช็อก สามารถปรับค่ายุบ ยืด คืนตัว ได้เต็มระบบ ระบบเบรกให้มาดีหน่อย ด้านหน้าเป็นคาลิเปอร์โมโนบล็อก Brembo Stylema 4 ลูกสูบ ดับเบิ้ลดิสก์เบรกขนาด 330 มม. ด้านหลังเป็น Brembo 2 ลูกสูบ จานดิสก์ขนาด 265 มม. ใส่ล้อสปอร์ตขอบ 17 รัดด้วยยาง Pirelli Diablo Rosso III ขนาดไซส์ 120/70 และ 240/45 ตามลำดับ..ล้อ เบรก มาดีหมดเหลือแค่โช้คไปแต่งเอา รวมถึงอาร์มยังเป็นอาร์มเดี่ยวอยู่นะ สวยงามทีเดียว

เสริมความไฮเทคในรุ่นครูเซอร์ด้วย Riding Mode (Sport, Touring, Urban และ Wet) ระบบพาวเวอร์โหมดแบ่งระดับการเร่งรอบได้ถึง 3 ระดับ (High, Medium,Low) ระบบครูซคอนโทรล ระบบช่วยออกตัว ระบบ Cornering ABS ระบบป้องกันล้อหน้ายก แทร็คชันคอนโทรล ระบบสมาร์ทคีย์และระบบไฟกระพริบเมื่อเบรกฉุกเฉิน

หน้าจอสี TFT 6.9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลผ่านบลูทูธ สำหรับโทรศัพท์ ข้อความและเพลง รวมถึงระบบนำทางแบบ Turn-by-turn (ติดตั้งเพิ่ม) ผ่านแอปพลิเคชัน Ducati Link

สี Burning Red
สี Black Lava

โดยเปิดจำหน่าย 2 สีใหม่ ได้แก่ ได้แก่สี Burning Red ราคา 28,990 ยูโร และสี Black Lava ราคา 29,290 ยูโร หรือตีเป็นเงินไทยราว ๆ ล้านต้น ๆ โดยมีกำหนดวางจำหน่ายที่ตัวแทนจำหน่าย Ducati ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2025 เป็นต้นไป

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

- Advertisement -
Joe Superbike
Joe Superbikehttp://www.superbikemag.com
นักเขียน "หัวใจสีเขียว" ที่ชื่นชอบรถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกเป็นชีวิตจิตใจ และมาโลดแล่นในวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก

บทความยอดนิยม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่