2025 Ducati Streetfighter V4S ทดสอบแล้ว รถแรงเกินป๊ายยยย

28/03/2025 ณ สนามแข่ง Spain , Almeria (Andalucia) Circuit ความยาวสนามกว่า 5 กิโลเมตร และทางตรงที่สร้างความเร้าใจ เพราะสนามนี้สามารถกดความเร็วได้มากกว่า 250++ กิโลเมตรต่อชั่วโมง และในบทความนี้ทาง SuperBike Thailand ก็ได้รับเชิญให้ไปทดสอบขับขี่เจ้า 2025 Ducati Streetfighter V4S โดยโจทย์การขี่ทดสอบครั้งนี้คือ ล้างแค้นตัวเองที่ขี่ Streetfighter V4 2024 ที่ขี่แบบงงสนามเมื่อสองปีก่อน !
What’s New อะไรใหม่? ก็ใหม่ทุกอย่าง
เริ่มตั้งแต่ดีไซน์
![]() |
![]() |
ตั้งแต่รูปร่างจวบจนไปถึงเรื่องของดีไซน์ภายนอกที่ปรับเปลี่ยนใหม่ เรียกว่าอัพเดทใหม่ดีกว่า เพราะเอาจริง ๆ คือถ้า ไม่ได้เปรียบเทียบแบบจอดข้าง ๆ กับเจนก่อนหน้าก็ดูแทบไม่ออก แต่ดูออกว่า นี่แหละ Streetfighter โมเดลใหม่เพราะตั้งแต่ไฟหน้ายันไฟท้าย ดูสมูท และไปในทิศทางเดียวกัน เรียกว่าเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่งก็ว่าได้
วิงเล็ทบะลั้กกั้ก

ไม่ใช่แค่อัพเดทความหล่อ แค่มันคือฟังก์ชันที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มแรงกดที่ล้อหน้า ที่สร้างได้มากถึง 45Kg หรือ เพิ่มจากเดิม 17 Kg ที่ความเร็ว 270 km/h (จากที่เขาอ้างอิง) ถามว่าเวลาขี่แล้วรู้สึกได้ไหมว่าล้อหน้ากดลง ? คำตอบคือ ไม่รู้สึก แต่ ถ้าไม่มีวิงเลทอันนี้ มันจะติดพื้นอยู่รึเปล่านั้นต่างหากคือคำถามที่ถูก
สวิงอาร์มคู่

สวิงอาร์มคู่ อาจจะดูแปลกตา สำหรับสาวก Ducati Single Sided Swing Arm อาร์มเดี่ยว แต่ ด้านข้างโดยรวมก็แน่นสมส่วนดี ไม่ได้ดูขัดลูกหูลูกตา หรือเป็นสวิงอาร์มเหล็กหนา ๆ ตัน ๆ แบบรถเน็คเก็ตรุ่นอื่น ๆ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าทาง Ducati เองเขาออกแบบสวิงอาร์มมาแบบมีเทสต์นั่นแหละ
โดยรวมแล้ว ดูลงตัวทุกส่วน (ถ้าถอดท้ายออก) เส้นสายแฟริ่ง วิงเล็ท ดีเทลเครื่องยนต์ที่โชว์ออกมา และ สวิงอาร์มใหม่ ออกแบบมาได้ bellissimo (เบลิซิโม่) หรือ หล่อ นั่นเอง
แชสซี เครื่องยนต์ และเทคโนโลยีใหม่
ไม่ใช่แค่ดีไซน์ที่ถูกอัพเดท แต่เป็นการอัพเกรดทั้งคัน แน่นอนว่าอย่างที่รู้กัน (แต่ถ้ายังไม่รู้ ก็จะบอกให้) ว่า…
Streetfighter คือ Panigale ถอดแฟริ่ง

โครงสร้างตัวรถ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องยนต์ เหมือนกันทุกจุด จุดที่มีความแตกต่างจะมีแค่ระยะ Rake ด้านหน้าที่มีความยาวกว่าเล็กน้อยประมาณ 24.5 องศา มากกว่า Panigale 0.5 องศา ซึ่งผลที่ได้คือรถนิ่งขึ้นในทางโค้ง ไม่วูบวาบ แบบสปอร์ตจ๋า ๆ
แต่น่าเสียดายที่ตัวผมเองไม่เคยขี่ Panigale V4 2025 ก็เลยพูดได้ไม่เต็มปากว่าฟีลลิ่งมันเหมือนกันมากถึงขนาดนั้นไหมแต่จากที่ทีม Product ได้อธิบายให้ฟังคือ สวิงอาร์ม และ แซสซีใหม่ ออกแบบเพื่อให้ลด Lateral Stiffness แต่ไม่ลด Horizontal Stiffness ความหมายคือ เฟรม และ สวิงอาร์ม มีความ “ให้ตัว” ในแนวนอน ซึ่งจะรู้สึกได้ ขณะอยู่ในโค้ง ตัวเฟรม และสวิงอาร์มจะช่วยซับแรกจากโช้คหน้า และหลัง ทำให้ผู้ขับขี่สามารถพลิกโค้งได้ไว ….ข้อนี้ไม่เถียง ไวจริง และนุ่มมาก ส่วนการวิ่งทางตรงนั้นเฟรมจะแข็ง นิ่ง กดความเร็วได้
เครื่องยนต์

214 ม้า เพิ่มจากเดิม 6 ม้า แต่น้อยกว่า Panigale V4 2025 2 ม้า จากที่ได้รับบรีพมา แรงม้าที่น้อยลง ไปเพิ่มทอร์คในช่วงต้นมากขึ้น เสริมด้วยเทคโนโลยี Variable Velocity Stack หรือปากแตร 2 ชั้น ที่จะเพิ่มกำลังเครื่องที่รอบสูง แต่ถ้าอยากปลดล็อคโหมดบ้าพลังเต็มสูบ ก็จัดท่อฟูล Akrapovic อีกชุด พร้อม mapping ที่ทำมาพิเศษ จบที่ 226 ม้า ป้าดดดบ้าดีเดือด
มายากล อิเล็กทรอนิกส์
คำเดียว “น่าทึ่ง” 214 ม้า คุมได้ด้วยกล่องที่ฉลาดมาก ๆ มีโหมดเครื่องยนต์ (Power Mode) ให้ปรับ ถึง 4 โหมด คือ Low, Medium, High, และแรงหน้าสั่น Full ทั้งนี้ทั้ง ระบบกันหงาย(ใส่คลัชยกได้เลย ไม่ต้องกลัวเงิบ) Wheelie Control, Cornering ABS, Traction Control, Engine Brake และสามารถปรับ ขณะขี่ได้ด้วย (ยกเว้น Power Mode ต้องจอด) อยากจะตะโกนบอกว่า มันช่วยกูเยอะค้าบบบ เพราะว่า แต่ละส่วน คือช่วยจริง ๆ อยากให้ ล้อลอยนิดๆ ตอนออกโค้ง ก็ปรับ อยากให้ท้ายสไลด์น้อยๆ ก็ปรับ เรื่องเบรค ก็ Assisted Brake ใช้แค่เบรคหน้า ระบบจะทำงานเบรคหลังให้เอง พูดง่ายๆว่า ขี่ไปเถอะ รถมันฉลาด
ประสบการณ์การขับขี่ที่สนามแข่ง Spain , Almeria (Andalucia) Circuit
ถ้าให้เล่าทุกซ็อต ตั้งแต่เดินทางออกจากไทย ตั๋วบิน ตี 3 ไปนั่งรอ ตั้งแต่ 5 ทุ่มบินจาก สวรรณภูมิ ลง โดฮา เกือบ 8 ชม. หลังจากนั้นก็รอต่อเครื่องไป มาดริด อีก 2 ชั่วโมง เมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่องก็บินต่ออีก 8 ชม. หลังจากต่อเครื่องอีกรอบ เพื่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทางที่ Almeria โดยระยะเวลาการเดินทางรวม ๆ 20 ชั่วโมง จากไทยไปถึงโรงแรม “เดิม” ที่สเปน และยังดีที่ได้นอนเต็มที่บนเครื่องจากยาดีที่ลูกพี่ให้พกมา แต่สภาพโดยรวมก็คือนอนน้อยไม่ต่างจากเดิม เข้าที่พักก็หลับเลย ตื่นมาพร้อมขี่กับชุด Racing Suit Dainese Lagunaseca ตัวใหม่ ที่ซื้อมาเพื่องานนี้ และหมวกกันน็อค HJC RPHA12 ที่เบิกมาใหม่เช่นกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น เคราะห์ดีอากาศเป็นใจ แสงแดดจากดวงอาทิตย์สว่างจ้า โดยอากาศไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป อุณหภูมิอยู่ราว ๆ 20 องศา ซึ่งกลุ่มก่อนหน้าที่มาเทสต์เจออุณหภูมิเลขตัวเดียวไม่เกิน 10 องศา พอถึงสนามทุกอย่างลงตัว เซอร์ไพร์สแค่ …
ต้องขี่ 6 รอบ รอบละ 20 นาที กับ Hyper Naked ขนาด 1103 cc 214 แรงม้า
แค่คิดก็ท้อแล้ว เพราะพักผ่อนไม่พอ ขี่ไม่จบแน่เลย และ ไม่ใช่ผมแค่คนเดียวที่คิดแบบนี้ สื่ออื่น ๆ ที่มาจากโซน Asia เหมือนกัน แทบจะร้องไห้ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่น่ารอดยัน session สุดท้าย น่าจะได้เติมน้ำเกลือก่อน และคนที่บ่น 1 ในนั้น คือผมเอง
First Impression

เรื่องรูปลักษณ์ ดีไซน์ แล้วแต่ชีวิตจะคิดคนละแบบ ชอบก็คงรักเลย สวย คม ล้ำ และ แดง (สีเอกลักษณ์) โดยส่วนตัวแค่รถสีแดงก็โดนใจแล้ว อะไรก็ได้ขอแค่สีแดง แต่สิ่งแปลกตา และดูโดดเด่นเพียงอย่างเดียวที่ ชาว Ducati ไม่น่าชอบคือ ‘สวิงอาร์มคู่’ เพราะเขาว่ากันว่ามันทำให้ดูไม่เป็น Ducati แต่ถ้าถามผม ผมว่าเฉย ๆ ไม่ได้ประหลาด เพราะตัวพันแทบทุกค้ายเขาทำมาตั้งนานแล้ว
ดีเทลต่าง ๆ บนตัวรถก็ทำมาสมราคาค่าตัว (ที่คาดว่าน่าจะเปิดมาล้านกว่าบาท) ถ้าให้เอ่ยถึงจุดที่จะให้ติก็คงเป็นกระจกที่ดูก๊องแก็งไปหน่อยแต่ที่เหลือ คือไม่ต้องแต่งแล้ว ครอบเบาะก็มีมาให้เลย กลายเป็นว่า เบาะท้าย กับพักเท้าคนซ้อนต้องซื้อเพิ่ม ถ้าเข้าไทยก็ต้องดูกันอีกทีว่าจะจดเป็นนั่งคนเดียวได้มั้ย ส่วนวิงเล็ทไม่เหมือนกับ Panigale เพราะทาง Ducati นั้นออกแบบมาเพื่อโมเดลนี้โดยเฉพาะ
ไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟท้าย LED เส้นสายสวยงามสมกับเป็นผู้นำด้าน Italian Design ที่หลาย ๆ แบรนด์ จะต้องเอาไปเป็นแรงบันดาลใจ อย่างที่บอก ลงตัว ไม่ต้องแต่ง
Track Test
ท่านั่ง และการควบคุม

จากที่ฟัง Briefing มาเขาบอกว่าปรับแฮนด์เข้ามาใกล้ตัว ถังน้ำมันแคบ พักเท้าแคบ ใจเราก็คิด เอ๊ะ มันจะเหมือนคราวที่แล้วไหมนะที่บอกว่าปรับเข้ามาแล้ว นั่งสบายกว่า Panigale แต่ก็อะโอเค สบายกว่าจริง แต่ถ้าเปรียบเทียบจริง ๆ ระหว่างโมเดลปี 2023 กับโมเดลปี 2025 เจนใหม่จะดูเหมือนว่ามันสั้น และกระชับกว่า เอื้อมแขนน้อยกว่า (ปรับแฮนด์เข้ามา 10 มม.) และองศาเข่าชันน้อยกว่าเดิมจากเบาะที่ยาวขึ้น แต่แฮนด์กว้างพอ ๆ กับโฉมเดิม โดยรวมคือนั่งสบายขึ้น ถ้าจะพูดถึงข้อเสียก็คงเป็นผู้ขับขี่ที่ชอบเล่นโค้งโดยการเอาเข่าติดพื้น อาจจะต้องโหนมากกว่าเจนที่แล้วอยู่พอสมควร แต่ถ้าเน้นขี่สบาย ถือว่ามาถูกทาง
สิ่งเดียวที่อยากให้ Ducati เปลี่ยน คือความกว้างแฮนด์ สำหรับผู้ชายไซส์เล็ก – กลางอย่างเช่นตัวฉัน กางแขนเหมือนกอดต้นไม้ รักโลกไปอีกแบบ
ประสิทธิภาพเครื่องยนต์
เครื่องยนต์ ตัวเดียวกันกับ Panigale V4 เวอร์ชันปี 2025 โดยเป็นเครื่องยนต์ Desmosedici Stradale ผ่านมาตรฐาน EURO5+ ขนาดความจุ 1,103 ซีซี กำลังเครื่อง 214 แรงม้า @ 13,500 รอบ แรงทอร์ค 120.0 นิวตันเมตร @ 11,250 รอบ
ต้น กลาง ปลาย แรงทุกที่ และแรงไปด้วยซ้ำ สำหรับสนามที่โค้งเยอะ ๆ อย่างสนามนี้ ขนาดอดีตนักแข่ง ที่ว่าห้าว ๆ ขอเป็นโหมด Full Power ยังต้องกลับเข้ามาที่พิทขอเปลี่ยนกลับเป็น Medium หลังจากขี่ได้แค่ 1 Lap เพราะเขาบอก “ไม่หวาย ๆ ไอจาแหกโค้ง ” ผมก็ได้แต่หัวเราะในลำคอ แล้วพูดในใจว่า เดี๋ยวเจอนักขี่กาก ๆ จากไทยหน่อย อยากลอง 214 ม้า กระแทกอะครับพี่ชาย
สรุป เป็นเหมือนกัน ขี่ไม่ได้ แรงเกิน อย่าว่าแต่ 1 Lap เจอไป 2 โค้งก็แทบร้องแล้ว สรุบจบที่โหมด Medium พอเอาอยู่ ไม่โหดร้ายเกินไป
เรื่องโหมด Power ที่มีความแตกต่างจะไม่ได้ตอนมาสูงสุด แต่ตอนอัตราเร่งของเครื่อง ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะไม่เหมือนกับเจนที่แล้ว เพราะเจนที่แล้วจะตอนม้าสูงสุดของแต่ละโหมด แต่เจนนี้จะปรับที่กราฟอัตราการเร่งแทน คือกราฟของคันเร่งจะยกขึ้นมาไม่เหมือนกัน เหมือนพยายามบอกเครื่องยนต์ว่า ใจเย็นๆ ค่อย ๆ เร่ง ในโหมด Low แต่ถ้าเป็นโหมด Full คือเต็มที่เลยไอน้อง
ระบบหน้าจอ และระบบช่วยเหลือการขับขี่
จอขนาด 6.9 นิ้วที่มากับตัวรถ แต่ด้วยความที่ตั้งใจขี่ เลยไม่ได้ลองปรับโหมดหน้าจออื่น ๆ ใช้แต่ Race ความเร็วอยู่ที่มุมซ้ายล่าง มองไม่ค่อยเห็น (ไม่เห็นเลยดีกว่า ถ้าหมอบ) ส่วนข้อมูลอื่น ๆ ของตัวรถภาพรวมดูสะอาดตา ไม่รก
ปุ่มกด และการเข้าโหมด เข้าใจยาก และมันจะรนเวลาที่ต้องปรับขณะขี่ เพราะมันต้องใช้สมาธิอย่างมากในการปรับฟังก์ชันต่าง ๆ ส่วนตัวแล้วเรื่องการปรับยังไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ ปุ่มมันเยอะไปหมด กดผิดกดถูกโดยเฉพาะถ้าต้องการเปลี่ยนอะไรหลาย ๆ อย่างต่อเนื่องกัน เช่น ปรับ ABS เพิ่ม-ลด Wheelie Control และ ลด Traction จะเข้าแต่ละโหมด ต้องกดเหมือนสูตรเกม กว่าจะเลีอกเสร็จก็เลยโค้งไปแล้ว
แต่ช้าก่อน ที่ว่ามันรน ๆ เพราะมันคือ “ความไม่ชิน” ต่างหาก ที่ทำให้เรื่องปุ่มดูเข้าใจยาก และยิ่งเป็นสนามที่ต้องโฟกัสมาก ๆ เลยยากเข้าไปอีกแต่ผมเชื่อว่าถ้าชินแล้วก็ไม่น่ามีปัญหา (แหงละ)
ว้าวที่สุดของระบบการช่วยเหลือ คือทุกอันเปลี่ยนแล้วรู้สึกได้ทันทีแบบ “ทันที” (ตะโกน) ตัวอย่างเช่น Engine Brake (EB) ที่โคตรว้าว ปกติเวลาที่เราปิดคันเร่งรถจะมีความหน่วง แต่พอปรับ EB ลดลงกลายเป็น…รถไร่ๆ…รถไร่นิ…ยากจัง มันไม่ตื้อจนหัวทิ่ม เปิบรถคันอื่นๆที่เคยขี่มา ทำให้เวลา Trail Brake ทำได้สมูทขึ้น และ จากเดิมที่เป็นคนชอบใช้เบรกหลังกับคนเร่งพร้อมกัน เบรคหลังแทบไม่ได้แตะเลย ไหลเข้าเอา แบบว่าเออ แปลกที่ไม่เคยได้ฟีลนี้
ช่วงล่าง
![]() |
![]() |
Street Fighter V4S ใช้ช่วงล่าง Öhlins NIX 25/30 (SV) S-EC 3.0 โช้คอัพไฟฟ้าเวอร์ชั่น 3.0 ที่เป็นเวอร์ชันล่าสุด ไม่ต้องเซ็ต มันทำงานให้เอง สะดวกสำหรับคนที่ใช้ขี่สลับกันระหว่าง ถนน และ สนาม บ่อย ๆ เน้นคำว่า ‘บ่อย ๆ’ ซึ่งส่วนตัวแล้วสิ่งนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์สูงสุดถ้าขี่แต่ถนน เพราะ เอาจริง ๆ Streetfighter V4 ตัวธรรมดาที่ใส่โช้คอัพ Showa BPF มาก็ดีพออยู่แล้ว แต่ต้องหาคน “ปรับเป็น” มาเซ็ตให้เพราะส่วนตัวคิดว่าโช้คไฟฟ้าเป็นออฟชันเสริมที่ยังเกินตัว และยังเข้าไม่ถึง แต่ถ้ามีมาให้ โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ก็ยินดีต้อนรับครับผม
เบรค

หน้า-หลัง Brembo เต็มระบบซึ่งบอกเลยว่ามันเป็นเบรกที่ดีมาก บานโค้งก็แก้ได้ซึ่งระบบเบรคก็ยกมาจาก Panigale อีกแหละรถระดับคันเป็นล้าน เบรคกาก คงไม่ใช่ Ducati (แต่ยี่ห้ออื่นเคยเจอนะ คันเป็นล้าน เบรคหลักหมื่นขอไม่บอกละกัน ใช้ Brembo เหมือนกัน แต่ไม่รู้ทำไมเวลาเบรคแล้ว จะทิ่มกองยางให้ได้)
แต่ถ้าจะให้ติเรื่องเบรค ก็มีแค่อย่างเดียว “ก้านเบรค” ไม่มีความพอดีสำหรับฉันเลยแม้แต่น้อย (ส่วนตัว) บางจังหวะจะคว้าก้านเบรคก็หาไม่เจอ บางจังหวะจะเอานิ้วออกก็ติดนิ้วซะงั้น อาจจะเป็นเพราะ แฮนด์ที่กว้าง มุมองศาเลยไม่ค่อยโดนจริตซักเท่าไหร่เลยแก้ปัญหาด้วยการเอานิ้วชี้วางไว้บนก้านซะเลย ชัวร์สุดแต่แปลกคือ ผมเป็นแค่คนเดียว และหงุดหงิดอยู่คนเดียว คนอื่นไม่เจอปัญหานี้
ยาง
ยางติดรถที่ให้แบรนด์ Pirelli คงไม่ต้องพูดมาก เพราะยางสัญชาติอิตาลีคู่นี้ที่ใส่ติดรถมาเป็น Diablo Rosso IV Corsa ทั้ง S และเวอร์ชันธรรมดาซึ่งเป็นยางกึ่งสนามก็ตอบโจทย์ครบ นิยามว่ามันคือ “รถสนาม ที่ขี่ถนน” เพราะขอบสุดของยางที่เป็นเนื้อ SC จะได้ใช้จริง ๆ ก็เวลาออกทริป หรือลง Track แต่ผมว่า รถทำมาแรงมาขนาดนี้แล้ว ใส่ยางเหมือนกับรุ่น Panigale เถอะ ให้ยางรุ่น Supercorsa V4 ไปเลยจะกั๊กเป็นยางกึ่งทำไม ? ไหน ๆ ก็คงไม่ใช้คันนี้เป็น Daily Use อยู่แล้ว
ปล.วันที่ทดสอบที่สนามแข่งเขาใส่เป็น Diablo Superbike SC1 ก็ฟินกันไป ใส่ได้เต็มที่สมมติตัวเองว่าเป็นนักแข่งจากรายการ WSBK ยังไงอย่างงั้น
สรุป

คำถามที่ต้องถามตัวเองก่อนซื้อคันนี้คือ ‘ขี่ที่ไหน’ ใช้ถึงไหม รีดประสิทธิภาพได้ไหม หรือแค่ชอบความสวย เพราะต้องขอบอกเลยว่านี่ไม่ใช่ Ducati ที่เหมาะกับการเป็นรถคันแรก เพราะถ้าไม่เคยขี่ Superbike มาก่อน แต่รถคันนี้เหมาะกับการเป็นรถอีกคัน หรือเป็นรถคันต่อไปมากกว่า
ในส่วนเรื่องราคา ณ ปัจจุบันที่เขียนบทความนี้ Ducati Thailand ยังไม่ได้ประกาศ แต่คาดว่าราคาน่าจะเปิดไม่หนีจากเดิม คือ 1 ล้านต้น ๆ
และสิ่งที่น่าแปลกสำหรับ Streetfighter V4 2025 ที่ในช่วงแรกบ่นเรื่องนอนน้อยขี่ไม่ไหว ขี่ไม่ครบ Session หรอก กลับกลายเป็นว่า เฮ้ย ยังไม่อยากกลับ ขอขี่ต่อได้ไหม ยังไม่อยากกลับเลย แทบไม่เหนื่อย ถ้าทาง Ducatiจะ + เพิ่ม อีก 3-4 session ก็ไหวอ่ะ สบายมาก และจากที่ถาม ๆ เหล่า Test Rider หลาย ๆ คนก็บอกเหมือนกันว่า ไม่เหนื่อยเลย ไม่เหมือนเจนที่แล้วที่ต้องสู้กับลม
ข้อดี
- มันคือ Ducati ที่เดิม ๆ แต่ใส่มาสุดทุกอย่าง
- ท่านั่ง เป็นเน็คเก็ตมากขึ้น ไม่ใช่ Panigale ติดแฮนด์บาร์เหมือนเจนที่แล้ว
- ระบบ Electronic ที่ช่วยให้ขับขี่ได้ง่าย จริง ๆ
- เบรค ดีมาก ยกลึกมาก เสียว ๆ ก็เบรกแก้ได้
- Aerodynamic โคตรเทพ กด 240++ Km/h ถ้าหมอบ ตัวไม่ปลิว
- เสียงท่อเดิม ก็ดังอยู่ถ้ารอบสูง
ข้อสังเกตุ
- แรง…เกินไป ถ้าไม่ใช่เทพขี่ คงยากที่จะไปถึง Full Power ได้
- แฮนด์กว้างไป ขี่แล้วเจ็บข้อมือ ถ้าไหล่เล็ก ตัวเล็ก
- ปุ่มกดเข้าใจยาก
คะแนนสำหรับการรีวิวทดสอบ 2025 Ducati Streetfighter V4S
ประสิทธิภาพเครื่องยนต์
10/10 แรงไร้ที่ติ ถ้าจะติก็คือแรงไป
ท่านั่งและการขับขี่
8.5 ขี่ระยะสั้น ๆ หรือลงสนามคือดี แต่ถ้าขี่ถนนรถติด ออกทริปยาว น่าจะเมื่อยเอาเรื่อง
(อ้อ เบาะไม่สูง ยืนเต็มเท้า)
ช่วงล่าง
10/10 โช้คไฟฟ้าอะนะ ไม่ต้องคิดอะไร ระบบมันทำงานเอง
เบรก
10/10 Brembo รับจบ ไม่ต้องบรรยายเยอะ
ยาง
9/10 Rosso IV Corsa ที่ให้มาถ้าขี่ถนนอยางเดียวก็โอเค แต่ลงสนามไม่พอมือสำหรับรถระดับ 214 ม้า
ระบบช่วยเหลือ
10/10 ว้าว นี่แหละ Ducati ผู้นำด้านเทคโนโลยี คร่อมแล้วขี่ ที่เหลือ ให้ระบบมันคำนวนเอา
OVERALL 9.5 /10
สุด…ไม่ต้องเพิ่มอะไร ถ้าคำนวนจากเงินที่จ่ายกับสิ่งที่ได้ มันลงตัวแล้ว
อาจจะแพงกว่าค่ายอื่น ๆ เพราะโลโก้ Ducati
แต่หลาย ๆ คนที่อยากเป็นเจ้าของ คงพร้อมโอนอยู่แล้ว
Ride or Upgrade
จะเติมอะไรดีไม่รู้สิ เดิมๆก็ได้มั้ง ถ้าจะใส่ คงใส่ของแต่งที่เป็น Styling ส่วนตัว เช่น กระปุกน้ำมันสีๆ พาร์ทคาร์บอน ท่อหล่อๆซักใบ เอาแค่พอดูเป็นเรา แต่ถ้าพูดถึง Performance เดิม ๆ ก็จบครับ
สำหรับสาวก Ducati ท่านที่ไหนที่รอโฉมใหม่ของเจ้า 2025 Ducati Streetfighter V4S อยู่ก็ขอกระซิบเบา ๆ อีกทีเลยแล้วกันครับว่าเดี๋ยวพี่เขามาแน่
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก