2025 Ducati Panigale V4S โฉมใหม่ ปรับใหม่ รอบคัน

2025 Ducati Panigale V4S โฉมใหม่ ปรับใหม่ รอบคัน

2025 Ducati Panigale V4S
โฉมโมเดล ภายในงาน World Ducati Week 2024 ที่ผ่านมา

สร้างความฮือฮาและไม่รู้ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทางด้านบวกหรือลบกันแน่ กับโมเดลซูเปอร์ไบค์รุ่นเรือธง รุ่นใหม่ล่าสุดจากค่ายดูคาติอย่าง 2025 Ducati Panigale V4S  ภายในงานระดับโลก World Ducati Week 2024 ที่อิตาลีเมื่อไม่นานมานี้ กับการปรับปรุงครั้งใหม่ที่เพิ่มขีดความสามารถในระดับการแข่งขัน และสมรรถนะอันยอดเยี่ยมให้แก่เหล่ายูสเซอร์ดูคาทิสต้าอีกด้วย

NEW DESIGN

สำหรับเจ้า Panigale V4 รุ่นล่าสุดถูกบรรจุไว้ในเจนเนอร์เรชันที่ 7 จากโมเดลตระกูล Panigale ทั้งหมดของทางค่าย ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโฉม 916 โดยออกแบบใหม่ให้สอดรับหลักแอโรไดนามิกมากยิ่งขึ้น ทั้งพาร์ทแฟริ่ง ทรวดทรงถังน้ำมันออกแบบดูเว้ามีสัดส่วนเฉียบคม วิงก์เลตชิ้นใหม่ แรมแอร์ย้ายตำแหน่งใหม่ซ่อนอยู่ตรงบริเวณแฟริ่งด้านหน้า ไฟหน้าออกแบบใหม่ ทั้งยังใส่ไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์วาดเส้นตรงบริเวณคิ้ว เพิ่มความสปอร์ต ดุดัน เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว อีกทั้งยังออกแบบลายกราฟิกมาใหม่ตรงบริเวณด้านข้างเข้ากับชุดสีแดงประจำค่ายอีกด้วย ส่วนเบาะให้มาชิ้นเดียว ถ้าอยากได้เบาะคนซ้อนต้องซื้อเพิ่มนะจ๊ะ

เอกลักษณ์ที่หายไป กับสวิงอาร์มคู่

2025 Ducati Panigale V4S
สวิงอาร์มคู่ด้านหลัง เห็นแล้วรู้สึกขัดใจเบา ๆ

เปลี่ยนอะไรไม่เปลี่ยน ดันมาเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เป็นจุดเสน่ห์สำคัญซะงั้น กับสวิงอาร์มคู่ที่ติดตั้งมาใหม่จากเดิมที่เป็นอาร์มเดี่ยว ทำเอาสาวกดูคาทิสต้าบางส่วนค่อนข้างโอเครับได้ แต่บางส่วน (ส่วนใหญ่) มีแอบบ่นบ้างตามประสาแฟน ๆ ที่ Respect ดูคาติมาอย่างเนิ่นนาน ถึงจะสูญเสียเอกลักษณ์ไปแต่แน่นอนย่อมมาพร้อมกับ Weight ที่เบากว่า ฟีลลิ่งกับขับขี่ที่เร็วกว่า ต่อรอบเวลาได้ดีกว่าเดิม 1 วิที่ทางค่ายนั้นเคลมมานั้นเอง เอาหน่ะ…อย่างน้อยก็เพิ่มความเร็วให้อุ่นใจสำหรับขาซิ่งนั่นเอง

Desmosedici Stradale V4 Engine

เครื่องยนต์ Desmosedici Stradale V4 90° ขนาด 1,103 ซีซี

พร้อมสุดยอดสมรรถนะระดับท็อปคลาสที่ถอด DNA มาจากตัวแข่งโมโตจีพีอย่าง Ducati Desmosedici GP กับเครื่องยนต์ Desmosedici Stradale V4 90° ขนาด 1,103 ซีซี ระบายความร้อนด้วยของเหลว วางองศาเครื่องยนต์ 42° พร้อมระบบวาล์ว Desmodromic 4 วาล์วต่อลูกสูบ โดยมีขนาดวาล์วไอดี 34 มม. (แคมป์ไอดี + 0.75 มม.) และวาล์วไอเสีย 27.5 มม. (แคมป์ไอเสีย + 0.45) ทำงานร่วมกับกระบอกสูบขนาด 81 มม. ให้อัตรากำลังอัดมาที่ 14.0 : 1 พร้อมกันนี้ระบายความร้อนได้รับการปรับปรุงมาใหม่สำหรับการใช้งานในแทร็กเช่นเดียวกัน เพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนถึง 17% แถมยังผ่านค่ามาตรฐาน Euro5+

พ่วงมากับระบบคันเร่งไฟฟ้า ระบบเกียร์ 6 สปีดพร้อมแอสซิสสลิปเปอร์คลัตช์และควิกชิฟเตอร์ 2 ทาง โดยให้กำลังแรงม้ามากสุดถึง 216 แรงม้า ที่ 13,500 รอบ แรงบิด 120.9 นิวตันเมตรที่ 11,250 รอบ และมีรอบเรดไลน์สูงสุดที่ 14,000 รอบ กับน้ำหนัก (ไม่รวมของเหลว) ที่ 187 กก.

ช่วงล่าง Öhlins Full Adjustable ด้วยระบบไฟฟ้า

โช้คหลังรุ่น Öhlins TTX36 (SV) S-EC 3.0

เพื่อรองรับสมรรถนะการขับขี่ในสนามอย่างสูงสุด กับระบบกันสะเทือนด้วยโช้คหน้าแบบหัวกลับ รุ่น Öhlins NPX 25/30 (SV) S-EC 3.0 ขนาด 43 มม. สามารถปรับแต่งเต็มระบบด้วยระบบไฟฟ้า ในขณะที่ด้านหลังเป็นโช้คเดี่ยวพร้อมซับแทงค์ รุ่น Öhlins TTX36 (SV) S-EC 3.0 ปรับแต่งด้วยระบบไฟฟ้าได้เต็มระบบเช่นเดียวกันทั้ง พรีโหลด คอมเพรสชันและรีบาวด์

ระบบเบรก Brembo
ยาง Pirelli Diablo SuperCorsa SP-V4

ระบบเบรก Brembo และยาง Pirelli Diablo SuperCorsa SP-V4

ตามมาด้วยระบบเบรกกับดับเบิ้ลดิสก์เบรกเซมิโฟลทติ้งด้านหน้าขนาด 330 มม. สวมคาลิเปอร์ Brembo MonoBloc Hypure ขนาด 4 ลูกสูบ สำหรับเบรกหลังเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 245 มม. คาลิเปอร์ Brembo 2 ลูกสูบ นอกจากนี้ยังมาพร้อมด้วยระบบ Bosch Race eCBS (ระบบ ABS ที่พัฒนาร่วมกันระหว่าง Ducati และ Bosch โดยถูกบรรจุไว้ใน Panigale V4S 2025 เป็นรุ่นแรก ให้สมรรถนะการปรับแต่งเบรกได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ว่าจะเบรกทางตรงหรือเข้าโค้ง เป็นระบบที่เปิดใช้งานเบรกหลังพร้อมกันเมื่อกำเบรกหน้าอยู่นั่นเอง) ล้ออลูมิเนียมฟอร์จแบบ 5 ก้านขนาดหน้า-หลังเท่ากันที่ 17 นิ้ว รัดมาด้วยยางสายฟ้า Pirelli Diablo SuperCorsa SP-V4 ขนาดหน้า-หลังที่ 120/70-17 และ 200/60-17 ตามลำดับ

โหมดการขับขี่

หน้าจอสี TFT ขนาด 6.9 นิ้ว

นอกจากสมรรถนะอันยอดเยี่ยมให้สมกับเป็นรุ่นเรือธงแล้ว ยังมาพร้อมกับระบบต่าง ๆ มากมายประกอบไปด้วย ระบบอิเล็กทรอนิกส์ Ducati Vehicle Observer เป็นระบบการจัดการระบบการทำงานต่าง ๆ ด้วยข้อมูลจากเซ็นเซอร์ในตัวรถกว่า 70 ตัว ระบบแทร็คชันคอนโทรล ระบบป้องกันล้อหน้าลอย เอ็นจิ้นเบรกคอนโทรล ระบบสไลด์คอนโทรล และระบบไฟฉุกเฉินเมื่อเบรกกระทันหัน ควบคู่กับโหมดการขับขี่ต่าง ๆ อาทิ Road, Sport, Wet, Race A และ Race B (Tracking) ผ่านหน้าจอสี TFT ขนาด 6.9 นิ้ว ที่ให้อัตราส่วนภาพ 8:3 เพิ่มวิสัยทัศน์การมองเห็นได้ดียิ่งขึ้น

ในเรื่องของการจำหน่ายสนนนาคาที่ 33,990 ยูโร (1.31 ล้านบาท) แต่ถ้าหากเข้ามาขายในไทย อาจมีพุ่งถึง 2 ล้านก็เป็นไปได้ เหล่าสาวกดูคาทิสต้าเห็นแล้ว มีความเห็นอย่างไรกันบ้าง ?

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

- Advertisement -
Joe Superbike
Joe Superbikehttp://www.superbikemag.com
นักเขียน "หัวใจสีเขียว" ที่ชื่นชอบรถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกเป็นชีวิตจิตใจ และมาโลดแล่นในวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก

บทความยอดนิยม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่