Home ทิปเทคนิค เรียนขี่ออฟโรดที่ Enduro Park Thailand เขาสอนอะไรบ้าง ยากมั้ย ไปดูกัน!!

เรียนขี่ออฟโรดที่ Enduro Park Thailand เขาสอนอะไรบ้าง ยากมั้ย ไปดูกัน!!

0
เรียนขี่ออฟโรดที่ Enduro Park Thailand

เรียนขี่ออฟโรดที่ Enduro Park Thailand เขาสอนอะไรบ้าง ยากมั้ย ไปดูกัน!!


สวัสดีครับคราวนี้ผมอยู่ที่ Enduro Park Thailand จังหวัดชลบุรี โดยผมได้รับเกียรติจากทาง BMW Mortorrad Thailand ให้เข้าร่วมการเรียนขับขี่ Off-Road Riding Level 1 เพื่อสร้างทักษะพื้นฐานการขับขี่ในทางออฟโรดที่ถูกต้องและปลอดภัย

แต่ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่านี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกในการเรียนทักษะการขี่รถออฟโรด และเป็นการขี่ BMW R1250GS ครั้งแรกของผมเลยครับ การเรียนการสอนในระดับ 1 หรือ Level 1 นี้จะมีอะไรบ้าง จะยากแค่ไหน เรียนแล้วได้อะไร ไปติดตามอ่านกันได้เลยครับ

ในช่วงเช้าทาง ครูไก๋ ปฏิมา กองเพชร ได้แนะนำทีมครูฝึกและแนะนำตัวรถที่จะใช้ในการเรียนวันนี้ก็คือ BMW R1250GS และ BMW R1250GSA รวมถึงอธิบายโหมดการขับขี่ ระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ในรถ ตลอดไปจนถึงเทคนิคการหาบาลานซ์ของรถ และเทคนิคในการขี่รถ BMW R1250GS เช่น การออกตัว การเข้าจอด รวมไปถึงการเข็นรถเดินหน้าถอยหลังยังไงให้ใช้แรงไม่เยอะ 

ต่อมา ครูเอก วรัญญู ตันเจริญ ก็ได้มาสาธิต ท่าทางการขับขี่ที่ถูกต้องทั้งท่านั่งและท่ายืน โดยเคล็ดลับเลยคือต้องไม่เกร็ง ให้ผ่อนคลาย สบาย ๆ ต้องบอกเลยครับว่า ครูเอกสอนละเอียดมาก สอนกันตั้งแต่หัวจรดเท้ากันเลยทีเดียว

หลังจากที่เรียนรู้ภาคทฤษฎีกันไปแล้ว ต่อไปก็เข้าสู้การปฏิบัติขับขี่กันจริง ๆ กันครับ โดยช่วงแรกนี้จะเป็นการวอร์มอัพตัวผู้ขับขี่และตัวรถไปพร้อม ๆ กัน โดยครูเอกจะขี่นำวนไปรอบ ๆ ลานขับขี่ใน Enduro Park Thailand และพายกแขน ยกขา ยืดเส้นสาย เพื่อทำให้เราพร้อมในการขับขี่รถและสร้างความคุ้นชินกับตัวรถมากขึ้นอีกด้วย




สถานีที่ 1 สลาลม

ในสถานีนี้จะเป็นการขี่รถอ้อมกรวยซ้าย-ขวาสลับกันไป โดยครูเอกได้สอนถึงเรื่องการใช้ขาถ่ายน้ำหนักลงไปที่พักเท้าของตัวรถ จะเลี้ยวซ้ายก็ถ่ายน้ำหนักลงไปที่เท้าซ้าย เลี้ยวขวาก็ถ่ายน้ำหนักลงไปที่เท้าขวา และใช้สะโพกและไหล่บิดออกนอกตัวรถในทางตรงกันข้าม เรียกง่าย ๆ ก็คือการลีนเอาต์ (Lean Out) นั่นเองครับ ส่วนแขนทำหน้าที่แค่ประคองแฮนด์โดยจับแบบหลวม ๆ สบาย ๆ  เพื่อทำให้เราประหยัดแรงที่แขนไม่ต้องออกแรงมาก ช่วยให้มีแรงขี่รถได้ทั้งวัน


สเตจที่ 2 การเบรก

ในสถานีนี้ทางครูไก๋ได้พูดถึงเรื่องการเบรกฉุกเฉิน คือวิธีการเบรกอย่างไรให้ระยะเบรกสั้นที่สุดและปลอดภัยมากที่สุด โดยมีครูเอกสาธิตวิธีการเบรกแบบต่างๆ ทั้งการเบรกแบบเบรกหน้าอย่างเดียว เบรกหลังอย่างเดียว เบรกทั้งหน้า-หลัง และแบบเปิดและปิด ABS เพื่อให้เห็นความแตกต่างของแต่ละแบบ

หลังจากที่ได้เห็นครูเอกขี่แล้ว ผมค่อนข้างทึ่งในระบบเบรก ABS ของเจ้า R1250GS มาก เพราะว่ามันละเอียดจริง ๆ แบบที่ล้อไม่ล็อกเลยซักนิด ถ้าหากปิด ABS แล้ว เบรกหลังสามารถเบรกล้อล็อกเข้าโค้งได้ แต่เบรกหน้า ABS ก็ยังคงทำงานเหมือนเดิม และระบบแบรก ABS นี้ก็ยังทำงานร่วมกับตัวระบบ DBC (Dynamic Brake Control) ที่จะช่วยกระจายแรงเบรกทั้งล้อหน้าและล้อหลังให้เท่ากันเมื่อเราเบรกกะทันหันรวมไปถึงช่วงล่างไฟฟ้าหรือระบบ Dynamic ESA ที่จะคอยควบคุมเสถียรภาพของตัวรถไม่ให้รถหน้าทิ่มหรือท้ายลอย ทำให้เราควบคุมรถในกรณีฉุกเฉินได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น


หลังจากที่ชมการสาธิตจากทางครูเอกไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องลงมือด้วยตัวเอง โดยที่ครูไก๋ตั้งโจทย์ให้ใช้ความเร็วที่ 50 กม./ชม.ขึ้นไป และเมื่อถึงจุดเบรกก็ให้กำเฉพาะเบรกหน้าและกำคลัตช์แบบ 100% ผลที่ได้คือตัวรถไม่มีอาการล้อล็อกหรือเสียอาการแต่อย่างใด ผมบอกได้เลยครับว่าระบบ ABS ของทาง BMW R1250GS สุดยอดมาก ๆ ครับ

สถานีที่ 3 การขึ้นเนินและลงเนิน

แน่นอนครับว่าการขับขี่รถออฟโรดหรือเอ็นดูโร่นั้นสิ่งที่ต้องเจอนอกจากทางที่ไม่เรียบแล้วก็คือการขึ้นเนินลงเนินนั่นเองครับ ในสถานีนี้ครูเอกได้สอนวิธีการใช้คันเร่งในการส่งรถขึ้นเนินและการโน้มตัวถ่ายเทน้ำหนัก โดยที่ตอนขึ้นเนินนั้นครูเอกบอกว่าเราควรถ่ายน้ำหนักมาด้านหน้าเพราะไม่งั้นอาจจะทำให้ล้อหน้าลอยได้ในตอนที่รถขึ้นเนิน กลับกันในส่วนของตอนลงเนินก็โน้มตัวมาทางด้านหลังเพราะถ้าเกิดเราทิ้งน้ำหนักไปที่ล้อหน้าและเกิดมีก้อนหินหรือท่อนไม้มาขวางทางอาจจะทำให้ล้อหน้าพับและเกิดอุบัติเหตุได้ 

ในส่วนของกำลังเครื่องยนต์ของเจ้า R1250GS นั้นเหลือ ๆ เลยครับ ผมเพียงแค่ปล่อยคลัตช์ และบิดคันเร่งส่งเบา ๆ ก็สามารถขึ้นเนินได้แบบสบาย ๆ เลยครับ กลับกันตอนลงเนินปกติแล้วเราก็จะใช้เอ็นจิ้นเบรกและคอยเบรกช่วยควบคุมความเร็วในตอนลงเนิน และในบางสถานการณ์ก็จำเป็นต้องกำคลัตช์และไม่สามารถใช้เบรกหลังได้ แต่ว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่บนเบาะของเจ้า GS บอกเลยครับว่า แค่เบรกหน้าอย่างเดียวก็เอาอยู่แล้วครับเพราะมีระบบต่าง ๆ ของตัวรถคอยช่วยเหลือผู้ขับขี่ ทำให้ล้อหน้าไม่ล็อกหรือสไลด์ลงเนินมานั่นเองครับ


ลงสนามจริง

ในช่วงบ่ายหลังจากที่ฝึกทักษะพื้นฐานกันไปแล้ว ทีมครูฝึกก็พาออกไปขี่ข้างนอกในทางที่เป็นออฟโรดใกล้ ๆ กับ Enduro Park Thailand โดยมีครูเอกขี่นำไลน์ให้ เส้นทางก็จะเป็นถนนทางดำสลับกับทางดินซึ่งเป็นทางเข้าสวนมัน สวนสัปปะรดของชาวบ้านแถบนั้น บางช่วงก็จะมีแอ่งน้ำ ร่องน้ำ ทราย หรือกิ่งไม้ที่ขวางทางอยู่ ผมก็เลยได้นำทักษะที่เรียนในช่วงเช้ามาใช้ตามสถานการณ์ที่เจอ

ขี่มาจนถึงบ่อกรวด ครูเอกก็ได้ขี่พาลงไป ด้านล่างจะมีบ่อน้ำอยู่ก็มีการขี่รถลงไปด้วย บอกเลยครับว่างานนี้ชุ่มครับ !!

หลังจากลุยทางจริงกันไปสักระยะ ก็ได้มีโอกาสนั่งพักหายใจกันสักครู่ ครูเอกก็พาขี่กลับ Enduro Park Thailand แต่จะเป็นคนละเส้นทางกับตอนมา เส้นทางนี้ทางครูไก๋และครูเอกบอกว่าทรายค่อนข้างเยอะ และได้แนะนำว่าควรคุมรถยังไง และเมื่อผมได้ขี่รถบนทรายจริง ๆ แน่นอนครับว่า ล้ม ! ครับ แต่ไม่เป็นอะไรมากเพราะล้มเบา ๆ และสิ่งที่ครูไก๋สอนในช่วงเช้าก็คือการยกรถที่ถูกวิธีผมก็ได้นำมาใช้ในการยกรถที่มีน้ำหนักประมาณ 240 กก. ทำตามที่ครูไก๋สอนก็สามารถยกขึ้นมาได้ง่าย ๆ โดยที่ใช้แรงไม่เยอะเลยครับ


ขี่กลับมาถึง Enduro Park Thailand ทางสถาบันก็ได้มีการมอบใบรับรองว่าเราได้ผ่านหลักสูตร Off Road Riding Skill Level 1 แล้ว


สุดท้ายนี้สำหรับใครที่ขี่รถแนวออฟโรดอยู่แต่ยังไม่มีทักษะก็อยากให้ลองมา เรียนขี่ออฟโรดที่ Enduro Park Thailand โดยสามารถติดต่อได้ทาง Enduro Park Thailand หรือ BMW Motorrad Thailand ได้เลยครับ บอกเลยว่าได้อะไรมากกว่าที่คิดแน่นอนและยังสามารถเอาไปใช้ขับขี่ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย และสุดท้ายท้ายสุด ก็ต้องขอขอบคุณ BMW Motorrad Thailand และ Enduro Park Thailand ที่ให้โอกาส SuperBike Thailand ได้เข้าไปเรียนรู้ทักษะการขับขี่ Off Road Riding Skill Level 1 ในครั้งนี้ไว้ด้วยนะครับ

Special  Thank
– ขอบคุณ BMW Motorrad จัดกิจกรรมดีๆให้เราได้ลุยกัน
– ขอบคุณหมวกกันน๊อคสวยๆเท่ๆจาก Nolan Thailand  

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Exit mobile version